1120 1469 1091 1241 1443 1432 1608 1610 1480 1233 1289 1942 1649 1771 1456 1437 1386 1583 1202 1996 1578 1618 1378 1057 1261 1100 1969 1746 1154 1255 1679 1187 1599 1543 1594 1447 1967 1357 1293 1202 1706 1105 1344 1291 1367 1108 1240 1111 1065 1640 1193 1831 1152 1505 1603 2000 1009 1984 1955 1852 1822 1369 1256 1901 1134 1981 1628 1488 2000 1225 1700 1911 1329 1062 1168 1606 1875 1052 1455 1452 1495 1918 1245 1904 1398 1847 1353 1808 1652 1966 1785 1812 1547 1791 1818 1591 1676 1435 1914 ม.112 ใต้สุดแดนสยาม เมื่อ "นักแจ้งความ" 1 คน ทำให้หลายคนต้องเดินทางไกลกว่า 1,200 กิโล | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ม.112 ใต้สุดแดนสยาม เมื่อ "นักแจ้งความ" 1 คน ทำให้หลายคนต้องเดินทางไกลกว่า 1,200 กิโล

 

 

วันที่ 2 สิงหาคม 2565 ศาลจังหวัดนราธิวาสอ่านคำพิพากษาคดีมาตรา 112 คดีแรกของปีนี้ ให้ลงโทษจำคุก ‘กัลยา’ เป็นเวลา 6 ปี ไม่ลดโทษ ไม่รอลงอาญา แต่ให้ประกันตัวทันทีหลังอ่านคำพิพากษาเสร็จไม่นาน 
 
"เมื่ออ่านข้อความดังกล่าวซึ่งแวดล้อมไปด้วยบริบทกระแสข่าวทางการเมืองแล้ว ... ข้อความของจำเลยดังกล่าวเป็นการระบุถึงตัวบุคคล โดยไม่ต้องตีความ และเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ว่าข้อเท็จจริงนั้นจะเป็นความจริงหรือเท็จก็ตาม ที่จำเลยต่อสู้ว่า มิได้ระบุถึงตัวบุคคลและต้องอาศัยการตีความ มิใช่การยืนยันข้อเท็จจริง จึงฟังไม่ขึ้น" ส่วนหนึ่งของคำพิพากษาระบุไว้ 
 
ในคดีนี้ ‘กัลยา’ ซึ่งเป็นชาวจังหวัดนนทบุรีต้องการใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อไป นอกจากเธอต้องเดินทางไกลเพื่อมาต่อสู้คดีนี้ของเธอที่จังหวัดนราธิวาสแล้ว หากศาลอุทธรณ์ยังพิพากาษาให้เธอต้องจำคุก เธอก็จะต้องเข้าเรือนจำที่นราธิวาสด้วย
 
 
 
2560
 
 
เนื่องจากข้อหาฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นความผิดในหมวด "ความมั่นคงของรัฐ" ซึ่งประชาชนคนใดก็ตามที่พบเห็นการกระทำความผิด สามารถริเริ่มคดีได้โดยการไปแจ้งความ หรือการ "กล่าวโทษ" ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใดก็ได้ซึ่งเป็นสถานที่ที่พบเห็นการกระทำความผิด และเนื่องจากคดีมาตรา 112 ส่วนมากในระลอกนี้เป็นคดีจากการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ คนส่วนใหญ่ที่พบเห็นข้อความก็จะไปกล่าวโทษต่อตำรวจยังสถานที่ที่ตัวเองสะดวก และตำรวจในพื้นที่นั้นก็ต้องเริ่มกระบวนการดำเนินคดีเหมือนเป็นความผิดในพื้นที่รับผิดชอบของตัวเอง ส่วนผู้ต้องหาหรือจำเลย ไม่ว่าจะมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใดก็ต้องเดินทางเพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีในพื้นที่ที่มีคนไปริเริ่มแจ้งความ
 
กรณีนี้อาจจะเป็น "ช่องว่าง" ที่นานๆ อาจจะมีคดีความทางไกลเกิดขึ้นบ้างทำให้เป็นภาระแก่จำเลยในการต่อสู้คดี แต่ในความเป็นจริงคดีความทางไกลไม่ได้ "บังเอิญ" เกิดขึ้นเล็กๆ น้อยๆ แต่เกิดขึ้นมากมายอย่างเป็นระบบ โดยมีกลุ่มบุคคลที่ "จงใจ" ใช้ช่องทางตามกฎหมายในประเด็นนี้เพื่อ "กลั่นแกล้ง" ให้ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองต้องเดินทางไกลเพื่อไปต่อสู้คดีความ 
 
สำหรับที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่สุดเขตชายแดนใต้ของไทย ระยะทางจากกรุงเทพไกลกว่า 1,200 กิโลเมตร มีนักแจ้งความอยู่คนหนึ่ง ชื่อ พสิษฐ์ จันทร์หัวโทน ขณะที่เริ่มทยอยแจ้งความเขาอายุ 39 ปี เขาบอกกับศาลว่า มีอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษและมีที่อยู่ที่อำเภอสุไกงโก-ลก พสิษฐ์เคลื่อนไหวในนามเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (คปส.) เขาจัดทำเอกสารประกอบการแจ้งความด้วยตัวเอง โดยเขียนคำร้องทุกข์กล่าวโทษในนาม คปส. อ้างว่า เขาเปิดใช้งานเฟซบุ๊ก เข้าถึงโลกออนไลน์ที่อำเภอสุไกงโก-ลก จึงริเริ่มกล่าวโทษให้ดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสุไกงโก-ลก ครั้งหนึ่งตำรวจที่นั่นเคยบอกกับทนายความว่า พสิษฐ์มากล่าวโทษคดีมาตรา 112 ทำนองเดียวกันไว้มากกว่า 20 คดี
 
 
 
ในปี 2565 มีคดีความมาตรา 112 จากสภ.สุไหง-โกลก ที่ริเริ่มโดยพสิษฐ์ จันทร์หัวโทน และจำเลยต้องเดินทางมาขึ้นพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดนราธิวาส อย่างน้อย 6 คดี ดังนี้
 
คดีที่หนึ่ง จำเลยใช้นามสมมติว่า ‘กัลยา’ อายุ 27 ปี เป็นชาวจังหวัดนนทบุรี ทำงานในหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่า แชร์โพสต์และคอมเม้นต์บนเฟซบุ๊กรวม 2 กรรม "กัลยา" ต้องเดินทางไปต่อสู้คดีที่นราธิวาส โดยเธอให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีว่า เธอไม่ได้โพสข้อความเหล่านั้น แต่คดีนี้เกิดจากการกลั่นแกล้งใส่ร้ายผู้เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 6 ปี
 
คดีที่สอง จำเลยชื่อภัคภิญญา อายุ 31 ปี เป็นชาวกรุงเทพมหานคร ทำงานเป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่า แชร์โพสต์บนเฟซบุ๊กพร้อมข้อความประกอบรวม 6 ข้อความ ภัคภิญญา ต้องเดินทางไปต่อสู้คดีที่นราธิวาส โดยเธอให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีว่า เธอไม่ได้โพสต์ข้อความเหล่านั้น แต่คดีนี้เกิดจากการกลั่นแกล้งใส่ร้ายผู้เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 19 ตุลาคม 2565
 
คดีที่สาม จำเลยใช้นามสมมติว่า ‘วารี’ อายุ 23 ปี เป็นชาวจังหวัดสมุทรปราการ ทำงานให้กับบริษัทเอกชน ถูกกล่าวหาว่า โพสต์ภาพการ์ตูนเสียดสีในช่องคอมเม้นต์ของเฟซบุ๊ก "วารี" ต้องเดินทางไปต่อสู้คดีที่นราธิวาส โดยเธอให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีว่า เธอไม่ได้โพสต์ข้อความเหล่านั้น แต่คดีนี้เกิดจากการกลั่นแกล้งใส่ร้ายผู้เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 6 ตุลาคม 2565
 
คดีที่สี่ จำเลยใช้นามสมมติว่า ‘ชัยชนะ’ อายุ 32 ปี อยู่อาศัยในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ถูกตำรวจบุกเข้าจับกุมตัวแล้วส่งไปยังสภ.สุไหงโก-ลก ถูกกล่าวหาว่า โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก 4 ข้อความ ซึ่งชัยชนะมีบัตรเป็นผู้พิการ และมีใบรับรองแพทย์เป็นผู้ป่วยจิตเภท แต่ตำรวจก็ยังส่งตัวไปฝากขัง ซึ่งศาลให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 150,000 บาท 
 
คดีที่ห้า จำเลยใช้นามสมมติว่า ‘อุดม’ อายุ 33 ปี อยู่อาศัยในจังหวัดปราจีนบุรี ถูกกล่าวหาว่า โพสต์ 5 ข้อความที่กล่าวถึงรัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับสถานการณ์การทำรัฐประหาร กรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 และ 2 ข้อความกล่าวถึงรัชกาลที่ 10 
 
คดีที่หก จำเลยชื่อธนพัฒน์ หรือ "ปูน ทะลุฟ้า" อายุ 18 ปี เป็นเยาวชนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเต็มตัว ถูกกล่าวหาว่า โพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในกลุ่มรอยัลลิสต์มาเก็ตเพลส-ตลาดหลวง จำนวนทั้งหมด 8 ข้อความ
 
 
นอกจากการกล่าวโทษข้ามจังหวัดไปไกลถึงนราธิวาสแล้ว ยังมีคดีมาตรา112 ที่ผู้ริเริ่มคดีอยู่คนละจังหวัดกับผู้ถูกกล่าวหา ทำให้ผู้ถูกกล่าวหามีภาระต้องเดินทางไกลอีกมาก ดูต่อได้ทาง https://freedom.ilaw.or.th/node/1046
 
 
2559
 
 
‘วารี’ หนึ่งในจำเลยที่ต้องเดินทางไปศาลจังหวัดนราธิวาส และกำลังอยู่ระหว่างรอคำพิพากษา กล่าวกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า วันที่มีหมายเรียกมาถึงบ้านไม่ได้รู้สึกตกใจหรือกลัวอะไร เพราะก่อนหน้านี้เราก็ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนการยกเลิก มาตรา 112 มาโดยตลอด เรารู้สึกว่ากฎหมายข้อนี้มันไม่ยุติธรรม โทษจำคุก 3 ถึง 15 ปี มันหนักหนา ไม่สอดคล้องกับการกระทำที่เราถูกกล่าวหา อีกอย่างคือทุกคนสามารถแจ้งความได้ เจ้าทุกข์จะเป็นใครก็ได้ จะแจ้งข้อกล่าวหาที่ไหนก็ได้
 
ด้านภัคภิญญา จำเลยอีกหนึ่งคนกล่าวว่า ครั้งแรกที่ได้หมายเรียกก็ประหลาดใจนิดนึงว่า มันมาถึงตัวเราด้วย พอมาดูชื่อคนแจ้งความก็พบว่าไม่รู้จักกัน พอมาดูสาเหตุที่แจ้งความก็พบว่าเพราะเราเห็นต่างกับกลุ่มของเขาในเรื่องการเมือง ทั้งๆที่เราไม่เคยไปว่าไปยุ่งกับเขาเลย เราแสดงความคิดเห็นในพื้นที่ของเรา แต่ถูกกลั่นแกล้งในกระบวนการแบบนี้ เราเป็นคนกรุงเทพฯแต่โดนหมายที่สุไหงโก-ลก เหมือนตั้งใจให้เราเดินทางไปไกลๆ ที่โกลกไม่มีเครื่องบินไปลงต้องไปลงที่นราธิวาสแล้วนั่งรถต่อไปชั่วโมงกว่า เครื่องบินมีรอบเดียวและรถมี 2-3 รอบต่อวัน ทุกอย่างมันจำกัดหมดเลย การมาธุระเรื่องนี้หนึ่งครั้งต้องมาขั้นต่ำสามวัน เลี่ยงไม่ได้เลย ตัวเราคนเดียวไม่ลำบากมาก แต่คิดถึงคนอื่นที่โดนแกล้งแบบนี้ก็เห็นใจ