1036 1004 1827 1406 1551 1832 1617 1443 1198 1978 1528 1090 1235 1293 1059 1617 1084 1442 1841 1789 1047 1861 1590 1359 1158 1765 1241 1302 1639 1154 1645 1794 1392 1639 1083 1625 1049 1796 1789 1427 1492 1635 1046 1210 1533 1383 1135 1907 1412 1762 1974 1627 1872 1662 1578 1609 1281 1803 1180 1013 1377 1891 1573 1040 1343 1481 1188 1340 1531 1722 1091 1178 1574 1700 1994 1467 1109 1884 1155 1668 1727 1816 1256 1977 1157 1896 1028 1622 1054 1356 1034 1419 1181 1826 1227 1836 1642 1870 1807 แก๊สน้ำตาไม่เลือกเป้าหมาย ถอดเหตุการณ์ความรุนแรง #ม็อบ18กรกฎา | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

แก๊สน้ำตาไม่เลือกเป้าหมาย ถอดเหตุการณ์ความรุนแรง #ม็อบ18กรกฎา

 

การชุมนุมวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 หรือ #ม็อบ18กรกฎา เพื่อนำเสนอข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1) ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2) ลดงบประมาณสถาบันพระมหากษัตริย์และกองทัพเพื่อนำมาสู้โควิด 3) จัดหาวัคซีนป้องกันโควิด 19 ชนิด mRNA โดยผู้ชุมนุมนัดหมายที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเดินเท้าไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยการจัดขบวนมีทั้งคนเดินเท้า รถมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ที่เข้าร่วมการชุมนุม
 
เส้นทางที่ใกล้และตรงที่สุดในการเดินทาง คือ การเดินผ่านถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ก็จะถึงแยกมิสกวัน เมื่อเลี้ยวขวาก็จะเป็นทำเนียบรัฐบาล สองข้างทางของเส้นทางนี้เป็นหน่วยงานราชการ ไม่รบกวนบ้านเรือนประชาชน และยังเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่มีการชุมนุมทางการเมืองครั้งใหญ่หลายครั้ง เช่น ในปี 2551 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ปักหลักที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ต่อเนื่องหลายเดือน แต่ตำรวจกลับไม่อนุญาตให้ผู้ชุมนุมเดินผ่านเส้นทางดังกล่าว โดยไม่มีเหตุผลทางกฎหมายรองรับนอกจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อรับมือกับโรคโควิด 19 แต่กลับให้ผู้ชุมนุมใช้เส้นทางถนนนครสวรรค์ ไปยังแยกนางเลิ้ง และเลี้ยวซ้ายมาทางทำเนียบรัฐบาล
 
เหตุการณ์วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 เมื่อผู้ชุมนุมเดินมาถึงบริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ จึงปะทะกับตำรวจที่ตั้งแนวขวางทางไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินไปทางถนนราชดำเนินนอก ตำรวจใช้รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และกระสุนยางกับผู้ชุมนุม ในช่วงเวลา 15.38-16.13 ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะประกาศให้เดินอ้อมไปทางถนนนครสวรรค์
 
ตลอดเส้นทางบนนถนนนครสวรรค์ไปยังแยกนางเลิ้ง ยังมีทางแยกอีกอย่างน้อย 3 จุด คือ แยกจักรพรรดิพงษ์ เพื่อเลี้ยวเข้าถนนจักรพรรดิพงษ์ แยกพะเนียง เพื่อเลี้ยวเข้าถนนพะเนียง และแยกเทวกรรม ซึ่งเป็นจุดตัดกับคลองผดุงกรุงเกษม มีสะพานเทวกรรมรังรักษ์สำหรับข้ามคลองผดุงกรุงเกษม หากเดินเลี้ยวก่อนข้ามสะพานก็จะเข้าถนนกรุงเกษม หากข้ามสะพานก่อนแล้วเดินเลี้ยวก็จะเข้าถนนลูกหลวง ซึ่งเป็นทั้งสองเส้นเป็นเส้นเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ระหว่างทางแยกทุกทางบนถนนครสวรรค์ กำลังตำรวจจะมายืนขวางทางไว้ไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินแยกออกจากถนนนครสวรรค์เพื่อไปทางอื่นโดยเด็ดขาด ต้องตรงตลอดทางไปถึงแยกนางเลิ้งเท่านั้น โดยตำรวจที่ทำหน้าที่เฝ้าตามจุดสี่แยกต่างๆ มีโล่และรั้วเหล็กเป็นอุปกรณ์ ไม่มีอาวุธหนักอย่างรถฉีดน้ำ หรืออุปกรณ์ยิงแก๊สน้ำตา
 
 
1871
 
 
 
แยกผ่านฟ้าลีลาศ เปิดฉากสลายชุมนุมหลังมวลชนทวงคืนราชดำเนินนอก
 
ก่อนที่ขบวนผู้ชุมนุมจะเริ่มออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่แยกผ่านฟ้าฝั่งถนนราชดำเนินกลางมุ่งหน้าแยก จ.ป.ร. ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ทำแนวกีดขวางผู้ชุมนุมโดยวางแนวรั้วเหล็กพร้อมพันลวดหีบเพลงไว้เป็นแนวกีดขวางสองชั้น ชั้นแรกห่างจากปากทางประมาณ 5 เมตร และแนวรั้วชั้นที่สองห่างจากแนวรั้วชั้นแรกประมาณ 30 เมตร หลังแนวรั้วเหล็กชั้นที่สองมีตำรวจควบคุมฝูงชนพร้อมโล่ยืนประจำการอยู่โดยยืนแถวเรียงชิดติดกันซ้อนกันประมาณสี่แถว มีรถฉีดน้ำประจำการสองคัน และมีรถบรรทุกเครื่องเสียงของตำรวจจอดประจำการอยู่
 
หลังจากที่ขบวนเริ่มเคลื่อนออกจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเวลาประมาณ 15.10 น. ที่แยกผ่านฟ้าลีลาศเริ่มมีขบวนรถมอเตอร์ไซค์ขนหุ่นศพนำหน้าขบวนหลักมุ่งหน้าไปทางถนนนครสวรรค์ก่อน บริเวณหน้าแนวรั้วชั้นนอกมีมวลชนเริ่มเข้ามาตะโกนด่าตำรวจควบคุมฝูงชน แต่ไม่มีการตอบโต้ และเหตุปะทะใดๆ
 
เวลา 15.25 น. หัวขบวนเดินทางมาถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ ส่วนหัวขบวนที่นำโดยการ์ด We Volunteer หรือ WeVo ตั้งแถวหน้ากระดานบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ โดยยืนแถวเรียงหน้ากระดานและถือเชือกไนล่อนยาวเอาไว้ จากนั้นทีมการ์ดแจ้งให้สื่อมวลชนที่อยู่ระหว่างแนวรั้วกั้นของตำรวจกับที่การ์ดขยับออกด้ายซ้าย และขวาเพื่อความปลอดภัย เวลาประมาณ 15.30 น. ตำรวจที่อยู่บนรถเครื่องขยายเสียงของตำรวจ ประกาศว่าการชุมนุมเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ขอให้ยุติการชุมนุมแต่ผู้ชุมนุมยังคงตั้งขบวนกันต่อไป ตำรวจประกาศวนซ้ำเรื่อยๆ
 
เวลาประมาณ 15.35 น. ทีมการ์ดประกาศให้สื่อมวลชนที่อยู่หน้าแนวรั้วหลบออกทางซ้าย-ขวาของถนนอีกครั้งจากนั้นทีมการ์ด WeVo ที่ถือเชือกกันอยู่ได้เดินเรียงหน้ากระดานเข้าไปเพื่อตัดลวดหนาม ตำรวจประกาศเรื่องห้ามทำลายทรัพย์สินราชการ(รื้อแนวสิ่งกีดขวาง) ขอให้หยุดการกระทำ หากไม่หยุดจะต้องดำเนินการจากเบาไปหาหนัก อาจจะต้องบังคับใช้กฎหมายตลอดจนดำเนินคดี แต่ทีมการ์ดยังทำการตัดลวดหนามกันต่อไป จนถึงเวลา 15.38 น. ตำรวจแจ้งว่าหากไม่หยุดการกระทำจะทำการใช้น้ำฉีดโดยจะนับจาก 1 ถึง 10 จากนั้นตำรวจเริ่มนับ แต่ทีมการ์ดยังไม่หยุดการตัดลวด จากนั้นเมื่อนับเลขถึง 10 จึงได้ทำการฉีดน้ำเปล่ามาทางทีมการ์ดที่ตัดลวดแบบเต็มแรง และฉีดเป็นจำนวนหลายครั้ง ซึ่งทำให้มวลชน และสื่อมวลชนที่อยู่แนวข้างโดนน้ำด้วย
 
เวลาประมาณ 15.40 น. ตำรวจหยุดฉีดน้ำ และประกาศว่าเราจะไม่ดำเนินการอะไรต่อ ถ้าท่านหยุดรื้อ ตำรวจมารักษาสถานที่ไม่ใช่คู่กรณีของท่าน จากนั้นตำรวจที่ประกาศอยู่บนรถเครื่องเสียงแจ้งว่าเป็น ผบ.เหตุการณ์ ประกาศให้กำลังพลสวมหน้ากากกันแก๊ส และประกาศให้ประชาชนหยุดการทำลายแนวรั้ว และแจ้งว่า หากไม่หยุดจะเพิ่มมาตรการเข้มข้นขึ้น ในช่วงเวลาดังกล่าวตำรวจได้ฉีดน้ำออกไปทางขวาของกลุ่มผู้ชุมนุมสองครั้ง โดยฉีดลงที่พื้นแจ้งว่าเป็นการฉีดน้ำธรรมดาเพื่อการดับไฟที่มีคนจุดขึ้น และประกาศห้ามเผาสิ่งของต่างๆ
 
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 15.50 น. ตำรวจประกาศว่าจะมีการฉีดน้ำผสมสี เพื่อแยกอัตลักษณ์ของผู้ชุมนุม หากใครไม่เกี่ยวของให้ถอยออกจากพื้นที่ แต่ยังไม่มีการฉีดน้ำ จากนั้นเวลาประมาณ 15.54 น. ผู้สังเกตการณ์ได้ยินเสียงตั๊บ ตั๊บ สองครั้งออกมาจากฝั่งตำรวจจากทางฝั่งขวาของกลุ่มผู้ชุมนุม(ฝั่งสน.นางเลิ้ง) แล้วมีคนตะโกนว่า มีคนถูกกระสุนยางหน้าแนวรั้ว จึงมีคนไปช่วยนำตัวออกมา โดยคนที่ถูกยิงยืนยันกับทีมพยาบาลว่าถูกยิงเข้าที่บริเวณสะโพก ทราบภายหลังว่าเป็นนักข่าวจาก PLUS SEVEN โดยในเวลานั้นผู้สังเกตการณ์รายงานตรงกันว่า ตำรวจไม่ได้มีการเตือนเรื่องกระสุนยาง
 
หลังผู้ชุมนุมและทีมการ์ดยังรวมตัวอยู่หน้าแนว เวลา 16.11 น.ตำรวจประกาศใช้กระสุนยางและใช้ยิงต่อเนื่องในเวลา 16.12 น. จากนั้นทีมงานประกาศให้มวลชนใช้เส้นทางถนนนครสวรรค์ในการเดินทางไปทำเนียบแทน ซึ่งมวลชนก็กรูกันไปทางถนนนครสวรรค์ตามที่รถเครื่องเสียงแจ้ง ขณะที่มวลชนกำลังย้ายไปทางถนนนครสวรรค์ ได้มีควันพวยพุ่งที่มุมตัดเข้าถนนนครสวรรค์ ควันดังกล่าวลอยมาส่งผลกระทบต่อผู้ชุมนุมที่ตัดสินใจละทิ้งแนวดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกันตำรวจก็ยังไม่หยุดฉีดน้ำ และยิงกระสุนยางใส่คนที่อยู่ใกล้แนวรั้วตำรวจ เวลานั้นทีมการ์ดก็ได้ถอนตัวจากแนวรั้วเพื่อนเปลี่ยนเส้นทางเดินไปทางถนนนครสวรรค์ตามที่รถเครื่องเสียงแจ้ง
 
 
1872
 
1873
 
 
เมื่อมวลชนส่วนใหญ่เดินทางไปทางถนนนครสวรรค์หมดแล้ว ยังเหลือมวลชนบางส่วนที่ยังอยู่หน้าแนวรั้วเหล็กชั้นใน มวลชนได้ขว้างปาขวดน้ำพลาสติกใส่ตำรวจ และมีการจุดไฟเผาศพจำลองอีกหลายตัว โดยตำรวจได้ฉีดน้ำใส่กลุ่มคนที่เหลืออยู่โดยอ้างว่า เป็นการฉีดน้ำเพื่อดับไฟที่เกิดขึ้น จากนั้นเหตุการณ์ก็ยืดเยื้อออกไป มีผู้ชุมนุมบางส่วนยังขว้างปาขวดน้ำพลาสติก และสิ่งของเข้าไปใส่แนวตำรวจควบคุมฝูงชน และจุดไฟเผาหุ่นศพ ส่วนตำรวจก็ฉีดน้ำเปล่าออกมา จากนั้นมีการยิงกระสุนยางออกมาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม
 
ผู้ชุมนุมบางคนเริ่มปาขวดแก้วใส่แนวตำรวจแทนขวดน้ำพลาสติก และมีการยิงหนังสติ๊กเข้าไปในแนวตำรวจ โดยเป็นการยิงจากบริเวณซุ้มสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เข้าหาแนวตำรวจเป็นระยะทางประมาณ 30 เมตร ตำรวจตอบโต้ด้วยการยิงกระสุนยางออกมา และพยายามฉีดน้ำเพื่อดับไฟที่มีคนจุดหุ่นศพจำลองเรื่อยๆ ในระหว่างนั้นได้มีรถบรรทุกหกล้อแวะมาจอดเพื่อทำแนวป้องกันให้มวลชน ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปที่แยกพาณิชยการ
 
ในช่วงท้ายของการประทะตำรวจได้ยิงกระสุนยางมาไกลถึงเชิงสะพานผ่านฟ้าฯ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปะทะกับตำรวจยืนอยู่ แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในฝั่งของตำรวจได้ประกาศว่า ทางตำรวจได้คลายกำลังที่แยกสะพานผ่านฟ้าฯแล้ว ขอให้ผู้ชุมนุมหยุดการขว้างปาสิ่งของ และขอให้แยกย้ายกันไป แต่ก็ยังทำการฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมที่พยายามไปหน้าแนวรั้วกั้นของตำรวจตลอดเวลา
 
จากนั้นเวลาประมาณ 17.45 น. รถเครื่องเสียงของทีมจัดการชุมนุมมาถึงแยกผ่านฟ้าประกาศให้ยุติการชุมนุมที่แยกผ่านฟ้าฯ แล้วให้ไปรวมกันที่แยกนางเลิ้งจะมีกิจกรรมตรงนั้นกันต่อ ทำให้ผู้ชุมนุมที่รวมกันอยู่ที่สะพานผ่านฟ้าฯ เดินทางไปตามถนนนครสวรรค์เพื่อไปรวมกับกลุ่มผู้ชุมนุมหลัก และเหตุการณ์การประทะตรงแยกผ่านฟ้าจึงผ่อนคลายลง
 
 
 
ตำรวจถอยก่อนโต้กลับ มวลชนอิสระปะทะแยกเทวกรรม
 
ระหว่างที่กลุ่มการ์ดซึ่งเป็นแนวหน้าในการเข้าปะทะกับอาวุธต่างของเจ้าหน้าที่รัฐในจุดหลัก คือ กลุ่ม We volunteer หรือ WeVo นอกจากจะมีหน้าที่รับการปะทะแล้วยังมีหน้าที่กันประชาชนและผู้ชุมนุมคนอื่นออกจากแนวปะทะด้วย ทำให้กลุ่มอื่นๆ และประชาชนที่มาร่วมกันอย่างอิสระ ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการปะทะบริเวณสี่แยกผ่านฟ้า และสามแยกนางเลิ้ง จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.12 น. เมื่อจุดปะทะหลักที่แยกนางเลิ้งค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ตำรวจใช้ทั้งแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถเข้าไปถึงแนวตำรวจที่สะพานชมัยมรุเชษฐได้ และประชาชนที่ไม่ใช่กลุ่ม WeVo ก็ล่าถอยออกมา
 
ที่บริเวณแยกเทวกรรมมีรั้วเหล็กกั้นอยู่ที่เชิงสะพานไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินไปทางถนนกรุงเกษม ถัดจากรั้วเหล็กไปประมาณ 20 เมตร มีแนวตำรวจชุดควบคุมฝูงชนประมาณ 50 คน พร้อมโล่ยืนอยู่อย่างผ่อนคลาย ถัดไปอีกประมาณ 50 เมตรจึงมีแนวรั้วเหล็กอีกแนวหนึ่ง และมีตำรวจชุดควบคุมฝูงชนอีกประมาณ 50 นายนั่งพักผ่อนอยู่ เวลาประมาณ 18.14 น. มีเสียงดัง "ปัง" ขึ้นสองครั้ง และมีชายวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งประมาณ 10-20 คนเดินไปที่รั้วเหล็ก ตะโกนด่าตำรวจ และมีหนึ่งคนถีบรั้วเหล็กล้มลง
 
แต่หลังจากรั้วเหล็กล้มลงแล้ว ผู้ชุมนุมบางคนก็พยายามแกะลวดที่พันรั้วเหล็กและยกรั้วเหล็กออกโดยไม่ได้พุ่งเข้าไปปะทะกับแนวตำรวจ จากนั้นตำรวจควบคุมฝูงชนชุดที่นั่งพักอยู่จึงลุกขึ้นมาและตั้งแนวหลังรั้วเหล็กแนวที่สอง เวลาประมาณ 18.16 น. ตำรวจชุดแรกก็เดินแถวถอยไปอยู่หลังรั้วเหล็กแนวที่สอง หลังจากนั้นผู้ชุมนุมจึงโห่ร้องด้วยความดีใจ และเดินหน้าเข้ายึดพื้นที่บริเวณถนนกรุงเกษม มีการจุดไฟเผาหุ่นฟางหนึ่งตัว มีบางคนขว้างปาขวดน้ำใส่แนวตำรวจแต่ปาแล้วไม่ถึง ผู้ชุมนุมบางคนประกาศและตะโกนเชิญชวนให้ผู้ชุมนุมอื่นๆ เดินตามเข้าไปยึดพื้นที่ถนนกรุงเกษม
 
เวลาประมาณ 18.26-18.30 น. ผู้ชุมนุมค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาทางพื้นที่ถนนกรุงเกษม แต่ยังไม่ได้ปะทะกับแนวตำรวจหลังรั้วเหล็กแนวที่สอง ตำรวจก็ตัดสินใจถอยออกจากพื้นที่และเข้าไปภายในรั้วของวัดโสมนัส ผู้ชุมนุมบางคนเอาหุ่นฟางมากองหน้าประตูวัดและเผา ตะโกนเยาะเย้ยไม่ให้ตำรวจออกมาจากวัด ขณะเดียวกันมีผู้ชุมนุมบางคนขว้างปาสิ่งของข้ามคลองผดุงกรุงเกษมไปยังเต้นท์ที่ตำรวจตั้งจุดพักอยู่ฝั่งตรงข้ามคลองบริเวณสะพานอรทัย จนตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นต้องหลบออกไปทางอื่น
 
 
1875
 
1874
 
 
หลังจากนั้นกลุ่มชายวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่เป็นแนวหน้าในการผลักดันตำรวจเดินกลับมาทางถนนนครสวรรค์ และกระจายตัวออกไปจากแยกเทวกรรม โดยตำรวจที่หลบเข้าไปในวัดโสมนัสก็ไม่ได้กลับออกมา แต่เวลาประมาณ 18.40 น. มีตำรวจชุดควบคุมฝูงชนอีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 100 นาย มาตั้งแถวอยู่สุดทางของถนนกรุงเกษม และใช้เวลาไม่กี่นาทีเดินแถวอย่างรวดเร็วมุ่งหน้ามาทางแยกเทวกรรม ซึ่งช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้นัดหมายการชุมนุมประกาศให้ทุกคนกลับบ้านได้
 
เวลาประมาณ 18.46 น. กฤษณะ ไก่แก้ว เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยถือโทรโข่งมาประกาศให้ผู้ชุมนุมแยกย้ายกลับบ้าน มีการ์ดกลุ่ม WeVo ผ้าพันคอสีเขียวมาดูแลสถานการณ์และบอกให้คนกลับบ้านประมาณ 5-6 คน ต่อมากฤษณะใช้เครื่องเสียงขนาดใหญ่ของรถกระบะที่มาร่วมชุมนุมประกาศให้ทุกคนกลับบ้าน และคนส่วนใหญ่กำลังแยกย้ายกัน แต่การแยกย้ายยังทำได้ลำบาก เนื่องจากผู้ชุมนุมเดินต่อไปทางแยกนางเลิ้งไม่ได้ เพราะเป็นจุดปะทะอีกจุดหนึ่ง รถยนต์ที่มาร่วมชุมนุมที่วิ่งมาตามถนนนครรสวรรค์ก็ยังมีจำนวนมากและยังติดขัดตลอดแนวถนนนครสวรรค์ โดยรถยนต์มีทางเลือกทางเดียว คือ เลี้ยวขวาที่แยกเทวกรรมออกไปทางถนนหลานหลวงซึ่งรถก็ติดมากเพราะที่ถนนหลานหลวงรถจะเลี้ยวซ้ายต่อไปได้เพียงเลนเดียวเท่านั้น ขณะที่กลุ่มชายวัยรุ่นกลุ่มเดิมไม่อยู่บริเวณดังกล่าวแล้ว
 
เมื่อตำรวจชุดควบคุมฝูงชนชุดใหม่เดินแถวมาถึงบริเวณแยกเทวกรรม เวลาประมาณ 18.49 น. โดยผู้ชุมนุมโดยส่วนใหญ่เป็นรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์จำนวนมากยังติดอยู่ที่แยกเทวกรรม ตำรวจก็ยิงแก๊สน้ำตาทันที มีแก๊สน้ำตาอย่างน้อยสองลูกตกบนถนนกรุงเกษมฝั่งมุ่งหน้าถนนหลานหลวงท่ามกลางรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์จำนวนมากที่กำลังกลับบ้าน แต่รถติด กลับไม่ได้
 
ผู้สังเกตการณ์ออกจากบริเวณนั้นทันทีไปยังถนนหลานหลวง จึงไม่สามารถระบุได้ชัดว่ามีการยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมที่กำลังกลับบ้านอีกหรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด และทราบภายหลังว่า ในเวลาประมาณ 19.18 น. ผู้ชุมนุมก็ทยอยกลับบ้านเกือบหมดตำรวจก็เข้ายึดพื้นที่บริเวณแยกเทวกรรมและยังมีรายงานการใช้กระสุนยางกับผู้ชุมนุมที่ยังหลงเหลือด้วย
 
 
ปะทะหนักแยกพาณิชยการส่งผลไกลถึงแยกนางเลิ้ง
 
หลังจากการเผชิญหน้าที่แนวแยกผ่านฟ้าฯ ทำให้ทีมงานตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางไปทำเนียบรัฐบาลผ่านถนนนครสวรรค์เข้าแยกนางเลิ้งแทน เวลา 16.25 น. ผู้ชุมนุมไปถึงแนวตำรวจก่อนเข้าแยกพาณิชยการ แนวดังกล่าวจะเป็นการตั้งขวางตัดถนนพิษณุโลกทั้งขาเข้าและขาออกแยกพาณิชยการ ฝั่งซ้ายอยู่บริเวณศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์และฝั่งขวาอยู่บริเวณโรงเรียนราชวินิต ตำรวจมีการตั้งแนวสิ่งกีดขวางที่แน่นหนา มีลวดหนามหีบเพลง, แผงเหล็ก, รถตู้ตำรวจและรถผู้ต้องขัง มีรถฉีดน้ำสองคันเตรียมพร้อมไว้ บนสะพานชมัยมรุเชฐมีการตั้งตู้คอนเทนเนอร์ไว้แต่ยังไม่ขวางสะพานทั้งหมด โดยมีตำรวจควบคุมฝูงชนวางกำลังหลวมๆ หลังรถฉีดน้ำ
 
16.25 น. ผู้ชุมนุมบางส่วนมาที่หน้าแนวแยกพาณิชยการ มีการบีบแตรต่อเนื่องตำรวจประกาศให้ออกจากหน้าแนวและมีการฉีดน้ำ ผู้ชุมนุมตะโกนว่า มีแก๊สน้ำตาและหนีออกมาจากแนวมาบริเวณพาณิชยการพระนครเพื่อขอน้ำล้างตา ผู้สังเกตการณ์เล่าว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนยิงกระสุนยางมายังผู้ชุมนุมที่พยายามเข้าไปรื้อลวดหนามหน้าแนวที่ฝั่งศาลกรมหลวงชุมพรฯ เมื่อตำรวจยิงกระสุนยางผู้ชุมนุมจึงเปลี่ยนมารื้อทางฝั่งโรงเรียนราชวินิตแทน
 
เวลา16.46 น. ตำรวจยังคงฉีดน้ำอย่างต่อเนื่องมายังฝั่งผู้ชุมนุม กลุ่ม WeVo เข้ามาในพื้นที่แนวหน้าก่อนจะตั้งแนวโล่สีดำของกลุ่ม เพื่อกันให้มวลชนอยู่ด้านหลัง ผู้ชุมนุมบางกลุ่มยังคงขว้างปาขวดน้ำไปยังฝั่งเจ้าหน้าที่ ตำรวจประกาศให้หยุดการกระทำ จนกระทั่งประกาศว่าหากไม่มีการหยุดขว้างปาสิ่งของจะใช้แก๊สน้ำตา
 
เวลา 17.00 น. ที่แนวแยกพาณิชยการ ตำรวจควบคุมฝูงชนเริ่มตั้งแนวใกล้กับแนวลวดหนามบริเวณราชวินิต มวลชนปาขวดน้ำและกรวยจราจรเข้าไปที่แนวตำรวจ รถของมวลชนขับเข้าไปใกล้แนวตำรวจ มีการควันแก๊สน้ำตามาทางผู้ชุมนุม ควันคละคลุ้งเต็มพื้นที่หน้าแนว ผู้ชุมนุมและผู้สื่อข่าวไม่น้อยกว่า 300 คนล่าถอยลงมาทางแยกนางเลิ้ง โดยควันจากแก๊สน้ำตาลอยมาถึงแยกนางเลิ้ง ที่นั่นมีผู้ชุมนุมขอน้ำและน้ำเกลือเพื่อล้างหน้า และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ผู้สังเกตการณ์เล่าว่า จังหวะดังกล่าวผู้ชุมนุมบางคนได้รับผลกระทบจนล้มลงเพื่อนต้องหิ้วปีกออกมา
 
 
1876
 
1877
 
 
หลังจากนั้นเมื่อแก๊สน้ำตาจางลง ผู้ชุมนุมย้อนกลับไปที่แนวก่อนถึงแยกพาณิชยการอีกครั้ง หากผู้ชุมนุมมีท่าทีที่จะเข้าใกล้แนวลวดหนามหรือปาสิ่งของเข้าไปภายในแนว ตำรวจจะเริ่มใช้แก๊สน้ำตา เมื่อตำรวจยิงแก๊สน้ำตาผู้ชุมนุมใช้น้ำและกรวยจราจรดับแก๊สน้ำตา มีรายงานด้วยว่า บางลูกติดอยู่บนต้นไม้หน้าโรงเรียนราชวินิต เวลา 18.02 น. ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาไปเกือบถึงแยกนางเลิ้งที่ผู้ชุมนุมทั่วไปอยู่ ผู้ชุมนุมพุดคุยกันว่า แก๊สน้ำตาเมื่อสักครู่มาจากภายในโรงเรียนราชวินิต ไม่ใช่จากแนวแยกพาณิชยการ มีการไปตะโกนต่อว่าหน้าโรงเรียนราชวินิต
 
เวลา 18.04 น. กลุ่ม Wevo ที่อยู่แนวหน้าการปะทะในบริเวณแยกพาณิชยการประกาศให้ทุกคนกลับไปรวมตัวกันที่แยกนางเลิ้ง เพื่อทำกิจกรรมเผาหุ่นฝางตามแผนเดิมที่จะเผาหุ่นบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล จนกระทั่งเวลา 18.16 เริ่มมีการเผาหุ่นฝาง ผู้ชุมนุมหลายคนโยนหุ่นเข้าไปในกองเพลิงและร่วมกันชูสามนิ้วล้อมรอบกองไฟ ซึ่งในระหว่างนั้นมีเสียงดังปังจากทางฝั่งแนวหน้าหลายครั้ง ผู้จัดกิจกรรมประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 18.30 น.
 
 
1878