1468 1223 1862 1897 1746 1063 1293 1003 1087 1147 1649 1786 1702 1657 1571 1190 1806 1719 1433 1831 1407 1867 1446 1730 1321 1818 1924 1493 1357 1019 1865 1967 1623 1338 1300 1235 1063 1407 1972 1043 1013 1263 1466 1563 1906 1751 1793 1442 1403 1472 1950 1409 1809 1522 1953 1074 1427 1904 1094 1716 1048 1770 1183 1256 1993 1289 1436 1955 1515 1025 1041 1434 1438 1362 1803 1531 1544 1693 1513 1315 1679 1447 1302 1359 1878 1284 1485 1389 1055 1454 1830 1711 1286 1102 1353 1306 1020 1145 1154 ศาลจังหวัดนนทบุรี ให้จำคุก 3 ปี ตามมาตรา 112 โดยไม่ลดโทษและไม่รอลงอาญา เหตุ “โชติช่วง" เผาพระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ศาลจังหวัดนนทบุรี ให้จำคุก 3 ปี ตามมาตรา 112 โดยไม่ลดโทษและไม่รอลงอาญา เหตุ “โชติช่วง" เผาพระบรมฉายาลักษณ์ ร.10

ศาลจังหวัดนนทบุรี ให้จำคุก 3 ปี ตามมาตรา 112 โดยไม่ลดโทษและไม่รอลงอาญา เหตุ “โชติช่วง" เผาพระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 โดยศาลระบุว่า พระบรมฉายาลักษณ์เป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์กษัตริย์สำหรับให้ประชาชนเคารพสักการะ และเชื่อว่าจำเลยมีเจตนาทางการเมือง เผาให้ประชาชนเห็น
 
30 พฤศจิกายน 2566 ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านคำพิพากษาในคดีของ “โชติช่วง” (นามสมมติ) ซึ่งถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 จากการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ที่ตั้งอยู่ที่สวนหย่อมแห่งหนึ่งใน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564
 
โดยคดีนี้ตำรวจมีภาพจากกล้องวงจรปิดมาพิสูจน์การกระทำของจำเลย และฝ่ายจำเลยก็ยอมรับว่า เป็นผู้เผาจริง แต่ทำไปด้วยอาการมึนเมา ไม่ได้มีเจตนาทางการเมือง และรับสารภาพว่ากระทำความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์ แต่ต่อสู้ว่าการกระทำที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ เพราะจำเลยไม่มีเจตนาเช่นนั้น ประเด็นในคดีนี้จึงมีเพียงว่า การเผาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความผิดตามมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ และศาลจะกำหนดโทษต่อจำเลยอย่างไร
 
ระหว่างการพิจารณาคดีที่ศาล จำเลยโดยความช่วยเหลือของครอบครัวได้นำเงินจำนวน 99,000 บาท วางต่อศาลเพื่อแสดงความรับผิดชอบและชดเชยความเสียหายต่อทรัพย์สิน และองค์การบริหารส่วนตำบลปลายบางเจ้าของผู้ติดตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าว ได้มาขอรับค่าเสียหายไปเต็มจำนวนแล้ว
 
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ทุกปากเบิกความตรงกันว่าในขณะเกิดเหตุ ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 เป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ ประดิษฐานไว้ให้ประชาชนเคารพสักการะ แสดงความจงรักภักดี พระบรมฉายาลักษณ์ที่เกิดเหตุตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าซึ่งมีประชาชนผ่านไปมาจำนวนมาก แสดงว่าการเผาต้องการให้ประชาชนที่ผ่านไปมาพบเห็น
 
พระบรมฉายาลักษณ์สูง 4.5 เมตร รอยไหม้ของพระบรมฉายาลักษณ์อยู่ด้านบน แสดงว่าจำเลยต้องใช้ความพยายามปีนโครงเหล็กขึ้นไปด้านบนเพื่อวางเพลิงเผาทรัพย์ และให้ประชาชนเห็นได้ ในโทรศัพท์มือถือของจำเลยที่ยึดมาตรวจพบภาพถ่ายเกี่ยวกับากรชุมนุมทางการเมือง จึงเชื่อว่าจำเลยมีแนวคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ มีเจตนาวางเพลิงเผาทรัพย์ทำให้สถาบันพระมหากษัติย์เกิดความเสื่อมเสีย พยานโจทก์ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยมีน้ำหนักรับฟังได้
 
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112, ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ตามมาตรา 217 และฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามกฎหมายบทที่หนักที่สุด คือ มาตรา 112 ให้จำคุกสามปี และให้ริบขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่ใช้ก่อเหตุ โดยไม่รอการลงโทษ
 
เมื่ออ่านคำพิพากษาเสร็จ ผู้พิพากษาซึ่งทำหน้าที่ระหว่างการสืบพยานและอ่านคำพิพากษาได้กล่าวต่อจำเลยว่า ขั้นตอนต่อไปคือจำเลยต้องยื่นอุทธรณ์และขอประกันตัวเพื่อสู้คดีต่อในชั้นอุทธรณ์ หลังจากนั้นตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ใส่กุญแจมือและควบคุมตัวจำเลยไปคุมขังต่อทันที โดยมีนายประกันจากกองทุนราษฎรประสงค์ยื่นขอประกันตัวต่อทันที
 
ในการพิจารณาคดีนี้ฝ่ายพนักงานอัยการโจทก์เขียนไว้ในคำฟ้องไว้ว่า “เพื่อประโยชน์แห่งความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน” จึงขอให้ศาลพิจารณาคดีเป็นการลับ ซึ่งทนายความจำเลยแถลงคัดค้าน เนื่องจากคดีนี้จำเลยรับว่าเป็นผู้กระทำแล้ว การต่อสู้คดีไม่ได้มีการกล่าวถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์และไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด แต่ศาลก็สั่งให้พิจารณาเป็นการลับตลอดกระบวนการ และไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าฟังการสืบพยานทั้งหมด ส่วนในวันอ่านคำพิพากษาผู้สังเกตการณ์คดีเข้าฟังได้
 
ดูรายละเอียดคดีนี้ย้อนหลังได้ทางฐานข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน 
Tags: