1279 1072 1156 1976 1351 1599 1380 1128 1145 1515 1032 1778 1626 1714 1496 1641 1085 1884 1227 1755 1716 1286 1632 1418 1762 1569 1002 1140 1791 1124 1835 1062 1479 1162 1804 1285 1269 1616 1987 1679 1967 1542 1595 1597 1536 1673 1487 1290 1681 1672 1370 1004 1529 1541 1655 1263 1468 1590 1486 1448 1910 1392 1856 1362 1135 1021 1992 1145 1647 1035 1907 1923 1102 1437 1700 1611 1006 1005 1686 1399 1402 1326 1446 1914 1157 1394 1246 1438 1830 1939 1762 1138 1552 1631 1512 1058 1449 1307 1857 ฟ้าให้ทีวี ครั้งแรกที่ใช้ ม.44 ปิดสถานีโทรทัศน์ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ฟ้าให้ทีวี ครั้งแรกที่ใช้ ม.44 ปิดสถานีโทรทัศน์

 
 
389
 
 
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 สถานีวิทยุโทรทัศน์ ฟ้าให้ทีวี (Fah Hai TV) ที่มีพรทิพา หรือ ดีเจฟ้า เป็นเจ้าของ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นและยึดอุปกรณ์ของสถานี โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ประกอบมาตรา 44 หลังตรวจสอบพบว่า รายการทีวีรายการหนึ่งที่ออกอากาศทางสถานี อาจมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน นอกจากนี้ยังพบว่า สถานีฟ้าให้ทีวี ออกอากาศโดยไม่มีใบอนุญาต จึงยึดอุปกรณ์ของทางสถานีเป็นของกลาง ทำให้สถานีออกอากาศไม่ได้อีก
 
ซึ่งตามปกติอำนาจกำกับดูแลเนื้อหาสื่อโทรทัศน์ เป็นของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และ กสท.จะตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยทำงานด้านต่างๆ โดยมีคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ ทำหน้าที่พิจารณาเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ถ้าอนุกรรมการด้านเนื้อหาฯ มีมติว่าผิดจริง ก็จะส่งต่อให้ กสท. ลงโทษทางปกครอง
 
หลังรัฐประหาร คสช. ตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข่าวสารต่อสาธารณะ เช่นโทรทัศน์ โดยส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง กสท. ว่ามีรายการอะไร ของช่องใดบ้าง ที่ออกอากาศเนื้อหาที่อาจขัดความมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น คสช. ยังใช้มาตรการพิเศษสำหรับช่องการเมืองที่เคยถูกระงับออกอากาศตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 15/2557 คือ จะอนุญาตให้กลับมาออกอากาศก็ต่อเมื่อลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) ซึ่งกำหนดเงื่อนไขว่า ทางสถานียินยอมงดเว้นการนำเสนอเนื้อหาที่ขัดต่อประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 และ 103/2557 หากฝ่าฝืน กสท. อาจพิจารณาถอนใบอนุญาตทันที
 
จากการรวบรวมข้อมูลของไอลอว์ พบว่า ตั้งแต่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงปัจจุบัน (พฤศจิกายน 2558) มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับช่องโทรทัศน์ที่นำเสนอเนื้อหาทางการเมือง เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม กสท. แล้ว อย่างน้อย 18 กรณี จาก 12 สถานี เช่น สถานีโทรทัศน์พีซทีวีที่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาต, รายการนินทาการเมือง ช่อง 4 Channel ที่ถูกปรับ 500,000 บาท และการนำเสนอสกู๊ปนักศึกษากลุ่มดาวดิน ของรายการที่นี่ ThaiPBS ซึ่ง กสท. มีมติไม่ลงโทษทางปกครอง
 
ทั้งนี้การเข้าตรวจค้นและยึดอุปกรณ์ออกอากาศของฟ้าให้ทีวี นับเป็นครั้งแรกที่ คสช. ใช้มาตรา 44 เพื่อกำกับดูแลสื่อโทรทัศน์โดยตรง แทนที่จะใช้ กสท. เป็นกลไกอย่างที่ผ่านมา ภายหลังตรวจค้นนอกจากยึดอุปกรณ์ของสถานีเเล้ว เจ้าหน้าที่ทหารยังนำบุคคล 5 คน ที่เกี่ยวข้องกับสถานี ไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม ข้อหาร่วมกันประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาปลุกปั่น ยั่วยุให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
 
อ่านรายละเอียดเรื่องราวของ กรณีปิดฟ้าให้ทีวี ได้ที่ "ฟ้าให้ทีวี" ครั้งแรกที่ใช้ ม.44 ปิดสถานีโทรทัศน์
จากกรณีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 สถานีวิทยุโทรทัศน์ ฟ้าให้ทีวี (Fah Hai TV) ที่มีพรทิพา หรือ ดีเจฟ้า เป็นเจ้าของ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นและยึดอุปกรณ์ของสถานี โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ประกอบมาตรา 44 หลังตรวจสอบพบว่า รายการทีวีรายการหนึ่งที่ออกอากาศทางสถานี อาจมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน นอกจากนี้ยังพบว่า สถานีฟ้าให้ทีวี ออกอากาศโดยไม่มีใบอนุญาต จึงยึดอุปกรณ์ของทางสถานีเป็นของกลาง ทำให้สถานีออกอากาศไม่ได้อีก
ซึ่งตามปกติอำนาจกำกับดูแลเนื้อหาสื่อโทรทัศน์ เป็นของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และ กสท.จะตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยทำงานด้านต่างๆ โดยมีคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการทำหน้าที่พิจารณาเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ถ้าอนุเนื้อหาฯ มีมติว่าผิดจริง ก็จะส่งต่อให้ กสท. ลงโทษทางปกครอง
หลังรัฐประหาร คสช.ตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข่าวสารต่อสาธารณะ เช่นโทรทัศน์ โดยส่งเรื่องร้องเรียนไปยังกสท.ว่ามีรายการอะไร ของช่องใดบ้าง ที่ออกอากาศเนื้อหาที่อาจขัดความมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น คสช. ยังใช้มาตรการพิเศษสำหรับช่องการเมืองที่เคยถูกระงับออกอากาศตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 15/2557 คือ จะอนุญาตให้กลับมาออกอากาศก็ต่อเมื่อลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) ซึ่งกำหนดเงื่อนไขว่า ทางสถานียินยอมงดเว้นการนำเสนอเนื้อหาที่ขัดต่อประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 และ 103/2557 หากฝ่าฝืนกสท.อาจพิจารณาถอนใบอนุญาตทันที
จากที่ไอลอว์รวบรวมข้อมูลพบว่า ตั้งแต่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงปัจจุบัน (พฤศจิกายน 2558) มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับช่องโทรทัศน์ที่นำเสนอเนื้อหาทางการเมือง เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมกสท.แล้ว อย่างน้อย 18 กรณี จาก 12 สถานี เช่น สถานีโทรทัศน์พีซทีวีที่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาต, รายการนินทาการเมือง ช่อง 4 Channel ที่ถูกปรับ 500,000 บาท และการนำเสนอสกู๊ปนักศึกษากลุ่มดาวดิน ของรายการที่นี่ ThaiPBS ซึ่งกสท.มีมติไม่ลงโทษทางปกครอง
ทั้งนี้การเข้าตรวจค้นและยึดอุปกรณ์ออกอากาศของฟ้าให้ทีวี นับเป็นครั้งแรกที่คสช.ใช้มาตรา 44 เพื่อกำกับดูแลสื่อโทรทัศน์โดยตรง แทนที่จะใช้กสท.เป็นกลไกอย่างที่ผ่านมา ภายหลังตรวจค้นนอกจากยึดอุปกรณ์ของสถานีเเล้ว เจ้าหน้าที่ทหารยังนำบุคคล 5 คนที่เกี่ยวข้องกับสถานีไปแจ้งความ ที่กองบังคับการปราบปราม ข้อหา ร่วมกันประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาปลุกปั่น ยั่วยุให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
 
อ่านรายละเอียดเรื่องราวของ กรณีปิดฟ้าให้ทีวี ได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th/case/695
 
ดูบทความ ข้อมูล และขั้นตอนการปิดกั้นเนื้อหาในสื่อโทรทัศน์ ภายใต้ยุค คสช. ได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th/TVContentRegulation
 
 
 
ชนิดบทความ: