1926 1837 1453 1421 1018 1730 1766 1755 1438 1399 1390 1022 1697 1631 1047 1248 1586 1116 1723 1472 1936 1273 1841 1574 1040 1341 1463 1428 1347 1700 1138 1368 1031 1764 1021 1496 1437 1658 1798 1556 1205 1268 1261 1829 1755 1003 1475 1616 1856 1261 1615 1833 1527 1329 1722 1162 1783 1596 1125 1652 1953 1772 1026 1935 1768 1759 1953 1435 1082 1804 1649 1732 1395 1475 1752 1401 1782 1132 1562 1691 1262 1713 1040 1694 1911 1927 1464 1991 1986 1380 1592 1441 1955 1181 1640 1847 1321 1116 1706 โทษของผู้ฝ่าฝืนการเซ็นเซอร์สื่อ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

โทษของผู้ฝ่าฝืนการเซ็นเซอร์สื่อ

เมื่อมีกฎหมายให้อำนาจเซ็นเซอร์สื่อแล้ว กฎหมายจะมีสภาพบังคับได้ก็ต่อเมื่อมีบทกำหนดโทษของผู้ฝ่าฝืนเอาไว้ด้วย ดังนั้น หากมีคำสั่งจากผู้มีอำนาจ ด้วยเงื่อนไขตามกฎหมายเพื่อปิดกั้นสื่อแล้ว และมีผู้ฝ่าฝืนไม่เชื่อฟัง ยังคงเผยแพร่สื่อนั้นสู่สาธารณะต่อไป ก็ย่อมมีความผิดและมีโทษตามกฎหมาย ซึ่งโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่ใช้ควบคุมสื่อแต่ละประเภทก็แตกต่างกันไปตามประเภทของสื่อด้วย

โทษของผู้ฝ่าฝืนการเซ็นเซอร์สื่อ
ประเภทสื่อ โทษของผู้ฝ่าฝืน
วิทยุและโทรทัศน์ ปรับ 50,000 – 500,000 บาท หรือเพิกถอนใบอนุญาต
สิ่งพิมพ์ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาพยนตร์ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อินเทอร์เน็ต จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หรือ จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

วิทยุและโทรทัศน์

พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๕๗ ประกอบกับ มาตรา ๕๘ กำหนดไว้ชัดเจนถึงโทษของเจ้าของสถานีที่ไม่ควบคุมดูแลปล่อยให้รายการที่ผิดกฎหมาย ตามมาตรา ๓๗ ออกอากาศในสถานีของตน ซึ่งโทษตามกฎหมายนี้จะมีเพียงโทษปรับทางปกครอง และผู้ที่มีอำนาจสั่งปรับคือ คณะกรรมการกสทช.

มาตรา ๕๗  โทษปรับทางปกครอง มีดังต่อไปนี้

(๑) โทษปรับทางปกครองชั้น ๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
(๒) โทษปรับทางปกครองชั้น ๒ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาท แต่ไม่เกินห้าแสนบาท
(๓) โทษปรับทางปกครองชั้น ๓ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าแสนบาท แต่ไม่เกินห้าล้านบาท

มาตรา ๕๙  ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ใด

(๑) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๔ วรรคห้า มาตรา ๓๕ หรือมาตรา ๓๘
(๒) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ มาตรการ หรือประกาศที่คณะกรรมการประกาศกำหนดตามมาตรา ๓๔ วรรคหนึ่ง มาตรา ๓๖ หรือมาตรา ๔๕ (๓) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการตามมาตรา ๓๔ วรรคสี่ หรือมาตรา ๓๗ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับทางปกครองชั้น ๒” หากได้รับโทษปรับแล้ว แต่เจ้าของสถานียังคงออกอากาศรายการที่ผิดต่อกฎหมายอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ยังคงต้องรับโทษปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราสองหมื่นบาทต่อวัน ตามมาตรา ๖๑

มาตรา ๖๑  ถ้าการกระทำความผิดซึ่งมีโทษปรับทางปกครองเป็นความผิดต่อเนื่อง และคณะกรรมการได้พิจารณาสั่งลงโทษปรับทางปกครองสำหรับความผิดนั้น ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับรายวันอีกในอัตราดังต่อไปนี้ นับแต่วันที่มีคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองดังกล่าว ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหรือจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง

(๑) กรณีโทษปรับทางปกครองชั้น ๑ ให้ปรับวันละไม่เกินห้าพันบาท
(๒) กรณีโทษปรับทางปกครองชั้น ๒ ให้ปรับวันละไม่เกินสองหมื่นบาท
(๓) กรณีโทษปรับทางปกครองชั้น ๓ ให้ปรับวันละไม่เกินห้าหมื่นบาท

ให้คณะกรรมการดำเนินการบังคับให้มีการชำระค่าปรับรายวันทุกสิบห้าวัน
นอกจากนี้ หากการออกอากาศรายการที่ผิดกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง คณะกรรมการกสทช. อาจสั่งพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตของเจ้าของสถานีได้ ตามมาตรา ๖๔

มาตรา ๖๔  คณะกรรมการอาจพิจารณาสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้

(๒) ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนมาตรา ๓๗ และเป็นกรณีที่เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง

สิ่งพิมพ์

พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มีบทกำหนดโทษไว้ชัดเจนสำหรับผู้ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในมาตรา ๒๗

มาตรา ๒๗ ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามมาตรา ๑๐ มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ภาพยนตร์

พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑ มีบทกำหนดโทษไว้ชัดเจน สำหรับผู้ฝ่าฝืนนำภาพยนตร์ที่ถูกจัดเป็นประเภทห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักรออกเผยแพร่ ในมาตรา ๗๗

มาตรา ๗๗  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง หรือนำภาพยนตร์ตามมาตรา ๒๖ (๗) ออกเผยแพร่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อินเทอร์เน็ต

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ ไม่ได้กำหนดไว้โดยตรงว่าหากมีคำสั่งปิดกั้นเนื้อหาใดบนเว็บไซต์ใดแล้ว หากใครฝ่าฝืนนำเนื้อหาดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อจะเป็นความผิด แต่เนื่องจากเงื่อนไขของคำสั่งปิดกั้นเนื้อหาบนเว็บไซต์ คือ เนื้อหานั้นต้องเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ดังนั้นหากมีคำสั่งปิดกั้นเนื้อหาใดแล้ว แต่ยังมีคนนำเนื้อหานั้นมาเผยแพร่เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อยู่ คนนั้นก็ย่อมมีความผิดตามมาตราที่เกี่ยวข้องในพระราชบัญญัตินี้ หากเป็นเนื้อหาที่เข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน หรือลามกอนาจาร ก็จะมีความผิดตามมาตรา ๑๔ มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากเป็นการตัดต่อภาพบุคคล โดยประการที่น่าจะทำให้เสียชื่อเสียง ก็จะมีความผิดตามมาตรา ๑๖ มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“มาตรา ๑๔  ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔)

มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔

มาตรา ๑๖  ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ชนิดบทความ: