1400 1878 1082 1711 1464 1113 1010 1694 1548 1766 1076 1207 1116 1762 1304 1039 1065 1263 1772 1118 1369 1333 1314 1491 1941 1727 1023 1512 1775 1298 1814 1783 1255 1027 1020 1264 1378 1770 1625 1554 1519 1581 1214 1681 1366 1068 1317 1059 1898 1600 1233 1308 1461 1303 1339 1650 1137 1400 1324 1341 1059 1871 1261 1949 1017 1077 1412 1862 1463 1958 1020 1660 1839 1509 1140 1854 1260 1576 1655 1681 1073 1923 1143 1358 1948 1408 1924 1125 1128 1926 1484 1469 1504 1266 1570 1831 1705 1128 1537 คาริม ทะลุฟ้า : สู้เพื่อให้บ้านเมืองของเราใกล้สิ่งที่เราฝัน | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

คาริม ทะลุฟ้า : สู้เพื่อให้บ้านเมืองของเราใกล้สิ่งที่เราฝัน

จิตริน พลาก้านตง หรือ “คาริม ทะลุฟ้า” หนึ่งในทีมงานทะลุฟ้าที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนใช้กำลังเข้าจับกุมตัว ในวันที่ 2 สิงหาคม 2564 โดยเขาถูกนำตัวไปยังกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี สืบเนื่องจากการไปทวงคืนรถเครื่องเสียงให้แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม
 
การชุมนุมในวันดังกล่าว สืบเนื่องมาจากกิจกรรมคาร์ม็อบ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 ที่จัดโดยเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี เป็นเหตุให้สมาชิกของเครือข่ายนนท์ฯ เจ็ดคน ถูกตำรวจรวบตัวเมื่อขบวนคาร์ม็อบเคลื่อนมาถึงฝั่งตรงข้ามของสถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ ทำให้ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจึงนัดรวมตัวบริเวณสโมสรตำรวจเพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวสมาชิกเครือข่ายนนท์ฯ ที่ถูกจับ เมื่อการชุมนุมยุติแล้ว รถเครื่องเสียงของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ พร้อมทั้งคนขับได้โดนดักจับในภายหลัง
 
แม้ผู้ที่ถูกจับกุมไปทุกคนรวมทั้ง คาริม จะได้รับการประกันตัวมาแล้วเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 แต่ก็มีความพยายามจะถอนประกันพวกเขา โดยเมื่อวันที่ 16 กันยายน สิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางให้ถอนประกันกลุ่มทะลุฟ้า อย่างไรก็ดี ศาลได้ยกคำร้องของถอนประกัน ทำให้คาริมและเพื่อนยังได้รับอิสรภาพต่อไป เรามีโอกาสได้คุยกับคาริมเพื่อรู้จักกับตัวตนเขามากยิ่งขึ้น
 

1969


เริ่มสนใจการเมือง

 
คาริม หนุ่มวัย 24 ปี เขาแนะนำตัวเองว่า มีพื้นเพเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี จบปริญญาตรีมาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เขาเล่าว่าเริ่มสนใจการเมืองตั้งแต่ตอนเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งตรงกับช่วงที่มีการรัฐประหารโดย คสช. ในปี 2557 พอดิบพอดี ช่วงเวลาว่างจากการเรียนนี่เองทำให้เขาเริ่มเข้าไปศึกษาหาข้อมูลต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย ได้รู้จักคนอย่าง อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และอาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์
 
เขายังย้อนความหลังเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเองตั้งคำถามเกี่ยวกับการเมืองอีกว่า “จุดหนึ่งที่สะกิดผมคือพ่อ ตอนนั้นไปดูหนังกับครอบครัว ผมยังเด็กอยู่ประมาณชั้นประถมศึกษา จังหวะที่อยู่ในโรงหนังเขาก็จะให้เรายืนขึ้น ผมกับแม่กำลังจะลุกขึ้นยืน พ่อผมก็เลยเหมือนกับสะกิดแม่ว่า ไม่ต้องยืนหรอกมั้งคนเท่ากัน ตอนนั้นผมก็งง เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่ยืนเหมือนคนอื่น ตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจเรื่องอะไรพวกนี้มากมาย”
 
ตั้งคำถามวิชากฎหมาย
 
คาริม เล่าว่า ตอนที่เรียนอยู่ชั้นปี 1-2 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เขาได้เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราจะเรียนกฎหมายไปทำไม” เพราะสิ่งที่เขาพบเจอการใช้กฎหมายในทางปฏิบัติกับในทางทฤษฎีไม่มีความสอดคล้องกัน พอเข้าสู่ช่วงการเรียนประมาณ ปี 3-4 ซึ่งเป็นช่วงที่ ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน นักกิจกรรมซึ่งเป็นรุ่นพี่ของคาริมที่คณะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำหลังจากถูกดำเนินคดีมาตรา 112 คาริมเล่าว่า เขาเคยมีร่วมกิจกรรมรับขวัญหลังจากไผ่ออกจากคุก เคยไปทำกิจกรรมในพื้นที่ที่ไผ่ทำไว้ และเคยมีโอกาสได้เรียนกับไผ่ในวิชาหนึ่ง สำหรับเขา “ไผ่ ดาวดิน” เป็นคนหนึ่งที่มีส่วนสำคัญที่สร้างจุดเปลี่ยนทางความคิดให้กับเขา
 
นักกิจกรรมภาคอีสานสู่กลุ่มทะลุฟ้า
 
คาริมเริ่มเคลื่อนไหวอยู่ในมหาวิทยาลัยกับ “กลุ่มดาวดิน” เข้ามีโอกาสไปดูปัญหาตามพื้นที่ต่างๆ ดูการเรียกร้องต่อสู้ของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นต่อสู้เรื่องคัดค้านโรงงานน้ำตาล และคัดค้านเหมืองหินถ่านหินต่างๆ เขาอยากรู้ว่าชาวบ้านคัดค้านอะไรกัน ทำไมถึงต้องคัดค้านด้วย ซึ่งข้อมูลข้อเท็จจริงที่เขาเจอก็ทำให้เขาได้รู้ชาวบ้านไม่ได้รับความธรรมและถูกกดทับจากกฎหมายและนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้ทำ
 
คาริม เล่าว่า กิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” จากโคราชมากรุงเทพเป็นอีกจุดเปลี่ยนหนึ่งของเขา ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาอยู่กลุ่มทะลุฟ้า คาริมเคลื่อนไหวประเด็นชาวบ้านในพื้นที่ภาคอีสาน ในนามกลุ่ม “UNME of Anarchy” แล้วก็มีโอกาสเข้ามาเคลื่อนไหวในกรุงเทพฯ อยู่ช่วงสั้นๆ และได้ร่วมออกแบบกิจกรรมต่างๆ จนมาอยู่กับกลุ่มทะลุฟ้าและปักหลักทำกิจกรรมในกรุงเทพ
 
ต้องออกมาสู้ไม่อยากฝันลมๆ แล้งๆ
 
คาริม เคยถูกจับจากกรณีไปทวงรถเครื่องเสียง เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม แต่ศาลให้ประกันตัวทำให้เขาไม่ได้เข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำ แม้จะมีความพยายามจาก สิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่จะให้ศาลถอนประกันตัวเขาและเพื่อนๆ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตเขาบอกว่า
 
“เราต้องยืนยันว่าสิ่งที่เราทำมา สิ่งที่พี่เราทำมา สิ่งที่พี่น้องเคยสู้กันมา มันไม่ใช่สิ่งที่ผิด มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราฝันกันลมๆ แล้งๆ เราเชื่อในสิ่งนี้จริงๆ และเราเชื่อว่าเราจะไปถึงมันได้จริงๆ ก็ยืนยันว่าถ้าออกมาก็จะสู้ต่อเหมือนเดิม”
 
“ตอนแรกที่ได้ยินคำว่า ‘ให้มันจบที่รุ่นเรา’ ก็มีความเชื่อกับคำนี้แล้ว อยากทำให้มันจบที่รุ่นเรา แต่พอเราได้มาเคลื่อนไหวทั้งปี เคลื่อนไหวที่กรุงเทพที่ศูนย์กลางของการแก้ไขปัญหา ได้มาที่รัฐสภาจริงๆ ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เป็นไปตามที่ตั้งเอาไว้ แต่ว่า มันก็มีทางเดียวว่าจะสู้ต่อหรือว่าจะยอม ถ้าสู้ต่อเราก็ต้องมาหาทางคิดว่าจะเอายังไงกับทางนี้ต่อ”
 
“ผมอยากจะบอกทุกคนว่า สิ่งที่พวกเราพูด สิ่งที่พวกเราทำกันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องต่างๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นคนเล็กคนน้อย สิ่งที่เราเรียกร้องกันไป สิ่งที่พวกเราพูดกันตลอดเวลา อยากชวนพวกเรามารวมตัวกันมารวมพลังกัน สิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราฝันกันเฉยๆ เพวกเราต้องพิสูจน์กันว่าพวกเราทำกันได้จริงๆ เพื่อบ้านเมืองเราตอนนี้ได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เราฝัน”
ชนิดบทความ: