1675 1437 1280 1088 1936 1687 1542 1015 1351 1589 1354 1033 1560 1694 1875 1173 1881 1568 1579 1139 1000 1549 1769 1788 1091 1342 1132 1512 1315 1818 1568 1740 1602 1610 1964 1694 1574 1506 1808 1463 1672 1345 1181 1496 1062 1687 1305 1078 1735 1087 1437 1663 1024 1355 1463 1731 1624 1939 1934 1303 1749 1626 1417 1961 1394 1850 1829 1844 1681 1684 1017 1279 1492 1447 1653 1421 1740 1454 1753 1308 1462 1978 1670 1142 1019 1495 1241 1678 1993 1158 1875 1045 1627 1771 1915 1526 1236 1666 1324 หมดหวัง สูญเสียเพราะรัฐบาลประยุทธ์ เสียงผู้ชุมนุม "มวลชนอิสระ" บน "สมรภูมิดินแดง" | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

หมดหวัง สูญเสียเพราะรัฐบาลประยุทธ์ เสียงผู้ชุมนุม "มวลชนอิสระ" บน "สมรภูมิดินแดง"

แยกดินแดง กลายเป็นพื้นที่การเผชิญหน้าระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุมบ่อยครั้ง เฉพาะในเดือนสิงหาคม 2564 มีการเผชิญหน้าและตามมาด้วยการใช้กำลังสลายการชุมนุมของตำรวจแล้วอย่างน้อยสิบครั้ง แทบทุกครั้งเป็นการเผชิญหน้าจาก "มวลชนอิสระ" ที่แยกตัวออกจากการชุมนุมของกลุ่มที่ประกาศนัดหมาย มีอย่างน้อยสองครั้งที่ผู้ชุมนุมอิสระเหล่านี้เข้าร่วมการชุมนุมตามวันเวลาที่ประกาศนัดหมายและเคลื่อนขบวนไปพร้อมกัน คือ วันที่ 7 สิงหาคม 2564 และ 13 สิงหาคม 2564
 
"ความโกรธ" ของผู้ชุมนุมเป็นที่สัมผัสได้เนื่องจากข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง ตรงกันข้ามการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลก็ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมหนักขึ้นทุกวัน แต่สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เลือกการปะทะกับตำรวจ ไม่เห็นความต้องการหรือเป้าหมายที่ชัดเจน เนื่องจากลักษณะการเคลื่อนไหว ขณะที่ตำรวจไม่เคยเปิดการเจรจากับผู้ชุมนุมกลุ่มนี้มาก่อน ผู้ชุมนุมเหล่านี้ก็ไม่ได้รวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียว แต่เป็น "อิสระ" ต่อกัน ไม่ได้มีผู้นำที่ได้รับการยอมรับ ระบบการตัดสินใจหรือระบบการบังคับบัญชา
 
จากการสังเกตการณ์การชุมนุมและเหตุการณ์ปะทะต่อเนื่องกันในเดือนสิงหาคม 2564 พอสรุปได้ว่า ความโกรธของผู้ชุมนุมพุ่งเป้าไปที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยปรากฏเป็นภาพออกมา เช่น
 
๐ พวกเขาพ่นข้อความด่ารัฐบาลประยุทธ์
๐ พวกเขาตะโกนบอกตำรวจว่า ต้องเผชิญกับความยากแค้นจากโควิด 19 อย่างไร
๐ พวกเขาเจ็บแค้นเมื่อเพื่อนร่วมขบวนของเขาถูกสลายการชุมนุม ถึงขั้นบอกว่า ตำรวจทำเช่นนี้เสมือนหนึ่งเป็นศัตรูกับประชาชน
 
ผู้ชุมนุมที่เราเข้าไปพูดคุยด้วยสองคน อธิบายความรู้สึกของพวกเขาไปในทางเดียวกัน ดังนี้
 
 

"ไม่เห็นทางออก แต่ผมจะออกมา ผมอยากเป็นปากเสียงเพราะผมก็รักในประชาธิปไตยเหมือนกัน"

 
ผู้ชุมนุมคนแรก วัย 22 ปีเล่าขณะอยู่บนหลังรถมอเตอร์ไซด์เป็นทัพหลังให้เพื่อนแนวหน้าว่า เขามาร่วมชุมนุมแทบทุกครั้ง เมื่อก่อนเข้าไปที่แนวหน้า แต่เมื่อโดนแก๊สน้ำตาแล้วมันแสบจึงไม่ค่อยได้เข้าไป เพียงแต่เขาไปช่วยคนที่บาดเจ็บออกมามากกว่า เขาบอกด้วยว่า ในมุมมองของเขา ตำรวจมีอุปกรณ์ป้องกันครบกว่า ทำไมถึงไม่ใช่วิธีตั้งรับแบบอื่นๆ ตำรวจไม่สมควรที่จะยิงแก๊สน้ำตาหรือกระสุนยาง อีกทั้ง การใช้แก๊สน้ำตายิงมาปริมาณมากๆ อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย
 
ผู้ชุมนุมรายดังกล่าวบอกด้วยว่า ที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอด ข้อเรียกร้องที่เขาเรียกร้องไปไม่ได้กลับมา [ไม่ได้รับการตอบสนอง] แถมตำรวจก็ใช้อุปกรณ์มากขึ้น ใช้ทั้งสารเคมี รถฉีดน้ำแรงดันสูง จึงเป็นชนวนเหตุให้ กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดอารมณ์ที่อยากจะเอาคืนบ้าง 
 
"จากที่มีเงินเดือนสองหมื่นพร้อมส่งตัวเองเรียนไปด้วย ตอนนี้ผมต้องตกงาน เรียนอย่างเดียว ไหนจะค่ากินและค่าอินเทอร์เน็ต ค่าข้าว ทุกอย่างต้องหยุดชะงักไป"
 
"ผมว่า สถานการณ์มันไม่ดีขึ้น แม้ไม่เห็นทางออกแต่ผมจะออกมา ผมอยากเป็นปากเสียงเพราะผมก็รักในประชาธิปไตยเหมือนกัน ให้ประเทศชาติมันก้าวหน้า"  
 

ที่ผ่านมาตำรวจก็ใช้ความรุนแรงกับประชาชนก่อน "จึงสมควรแล้วที่ตำรวจจะโดนการตอบกลับเช่นนี้"

 
ผู้ชุมนุมคนที่สอง อายุ 20 ปี เล่าว่า มาร่วมชุมนุมที่แยกดินแดงตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2564 บริเวณนี้เขาเห็นตำรวจเผชิญหน้ากับประชาชน มีการเผาป้อมจราจรที่ใต้แยกดินแดง "ผมรู้สึกไม่โอเคกับตำรวจ ตำรวจมีทุกอย่างครบและทำร้ายประชาชน มันไม่โอเคเลย" เขาเล่าว่า เขารู้สึกไม่โอเคกับรัฐบาลนี้มากๆ ก่อนหน้านี้เขามองว่า ตัวเองเป็นพวกอิกนอแรนท์ไม่สนใจเรื่องการเมือง
 
ต่อมาในปี 2563 ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบจากรัฐบาลชุดนี้ กิจการของครอบครัวเขาถูกสั่งปิดและทำให้เข้าสู่ภาวะล้มละลายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เป็นผลให้เขาต้องออกจากการเรียนและเลือกมาทำงานเลี้ยงชีพตัวเอง เพื่อช่วยลดภาระครอบครัวและให้น้องอีกสองคนได้เรียนต่อ จากนั้นเขาจึงเลือกที่จะมาชุมนุม บางครั้งมาคนเดียวก็มา เพราะต้องการแสดงออกว่า ไม่เอารัฐบาลชุดนี้แล้ว 
 
เขาบอกว่า เขารู้สึก "เฉยๆ" กับการขว้างปาสิ่งของใส่ตำรวจ ถ้าหากเกินเลยถึงขั้นทำร้ายร่างกายก็เป็นเรื่องไม่สมควร แต่ที่ผ่านมาตำรวจก็ใช้ความรุนแรงกับประชาชนก่อน "จึงสมควรแล้วที่ตำรวจจะโดนการตอบกลับเช่นนี้" เขาเล่าว่า ที่ผ่านมาไม่เคยปาสิ่งของเลย ถ้าไปยืนข้างหน้าแนวก็กลัวตำรวจจะยิงสวนลงมาจากบนทางด่วน เมื่อถามว่า เคยได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาหรือกระสุนยางไหม เขาตอบว่า เขาถูกแก๊สน้ำตา ตอนที่รู้นั้นคือ แก๊สน้ำตามาอยู่ข้างหน้าแล้วไม่ได้ยินตำรวจประกาศเตือนเลย 
 
เขากล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่เขาต้องการคือ อยากให้ประยุทธ์ออกไปไวๆ เพื่อที่จะให้ครอบครัวของเขาและทุกคนกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น "ไม่โอเคกับการมีรัฐบาลชุดนี้เลยครับ มันแย่มากๆ"