1492 1696 1941 1358 1195 1556 1174 1873 1444 1402 1886 1412 1267 1807 1894 1395 1970 1076 1408 1682 1533 1301 1478 1257 1145 1765 1026 1569 1501 1370 1620 1780 1857 1500 1292 1869 1420 1532 1343 1820 1449 1519 1762 1769 1464 1658 1905 1674 1295 1025 1356 1412 1064 1675 1733 1897 1080 1658 1504 1106 1566 1053 1202 1231 1902 1084 1152 1034 1440 1624 1205 1355 1937 1128 1440 1409 1999 1477 1189 1698 1966 1349 1278 1334 1093 1891 1479 1584 1258 1856 1947 1705 1727 1145 1890 1006 1626 1974 1739 เสรีภาพออนไลน์โลกยังวิกฤต ไทยยังไร้เสรีภาพห้าปีซ้อน | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

เสรีภาพออนไลน์โลกยังวิกฤต ไทยยังไร้เสรีภาพห้าปีซ้อน


ฟรีดอมเฮาส์ออกรายงานเสรีภาพบนอินเทอร์เน็ตประจำปี 2019 ระบุว่า เสรีภาพบนโลกอินเทอร์เน็ตกำลังถูกคุกคาม ในหลายประเทศมีความพยายามในการสรรหาเครื่องมือใหม่ๆ ในการระบุตัวตนและจับตาผู้ใช้งานขนานใหญ่เป็นผลให้เสรีภาพบนโลกอินเทอร์เน็ตแย่ลงเป็นปีที่เก้าติดต่อกัน

 


ซูดานถดถอยหนักสุด จีนยังยืนหนึ่งเรื่องคุกคามเสรีภาพออนไลน์

 

จากการรวบรวมข้อมูล 65 ประเทศทั่วโลกพบว่า 33 จาก 65 ประเทศมีเสรีภาพบนโลกอินเทอร์เน็ตที่แย่ลง โดยประเทศที่แย่ลงมาก คือ ซูดาน อันมีมูลเหตุมาจากการประท้วงทั่วประเทศที่ เริ่มต้นจากเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง นำไปสู่การโค่นล้มประธานาธิบดีของซูดานที่ครองอำนาจมายาวนานกว่า 30 ปี รัฐได้ปิดกั้นโซเชียลมีเดียหลายครั้งระหว่างวิกฤตการณ์ประท้วงใหญ่ มีการประกาศภาวะฉุกเฉินที่นำไปสู่มาตรการที่เป็นภัยต่อเสรีภาพการแสดงออก มีการคุกคามและใช้ความรุนแรงต่อนักข่าว นักกิจกรรม และชาวเน็ตที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
 

ขณะที่จีนยังยืนเป็นอันดับหนึ่งของโลกในฐานะประเทศที่คุกคามเสรีภาพออนไลน์อย่างหนักที่สุดเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน ผลจากการที่รัฐบาลเพิ่มการควบคุมข้อมูลในช่วงการรำลึก 30 ปีเหตุการณ์เทียนอันเหมิน และการประท้วงที่แพร่ขยายเป็นวงกว้างในฮ่องกง จีนมีเทคนิคใหม่ เช่น การปิดบัญชีผู้ใช้ทั่วไปในวีแชท หากตรวจพบว่า มีการแสดงออกถึงพฤติกรรมที่แตกแถว อันนำไปสู่การเซ็นเซอร์ตัวเองอย่างแพร่หลายขึ้น
 

ในสหรัฐอเมริกา แม้โลกอินเทอร์เน็ตยังมีความหลากหลาย ปลอดจากการปิดกั้นจากรัฐ แต่ยังพบว่า เสรีภาพบนโลกอินเทอร์เน็ตก็อ่อนแอลงเช่นกัน จากการที่เจ้าหน้าที่และหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองขยายการสอดส่องข้อมูลของประชาชน เพิ่มการตรวจสอบโซเชียลมีเดีย มีการตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์เพื่อรวบรวมข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้
 

อย่างไรก็ตามมี 16 ประเทศที่มีพัฒนาการดีขึ้น เอธิโอเปียเป็นประเทศที่มีพัฒนาการด้านเสรีภาพออนไลน์มากที่สุด เป็นผลจากรัฐบาลของเอธิโอเปียใช้แนวคิดในการปฏิรูปที่ผ่อนคลายการจำกัดเสรีภาพในโลกอินเทอร์เน็ตลง มีการปลดบล็อคเว็บไซต์จำนวน 260 เว็บไซต์ รวมถึงรายการที่เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองที่สำคัญหลายชิ้นด้วย มีการยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินที่ประกาศโดยรัฐบาลก่อนหน้า ทั้งหมดทำให้บรรยากาศการใช้เสรีภาพการแสดงออกดีขึ้นและจำนวนของผู้ที่ถูกจำคุกจากกิจกรรมออนไลน์ลดลง ถึงแม้ว่า รัฐบาลจะยังมีการระงับเครือข่ายออนไลน์ แต่หลายครั้งที่เป็นลักษณะชั่วคราวและเฉพาะพื้นที่ ต่างจากในอดีตที่ระงับทั่วทั้งประเทศ
 

 

ไทยยังอยู่กลุ่มไร้เสรีภาพออนไลน์ห้าปีซ้อน
 

ปี 2019 ไทยได้คะแนน 35 จาก 100 คะแนนเท่ากับปี 2018 ทำให้ไทยอยู่ในกลุ่ม "ไม่เสรี" บนโลกอินเทอร์เน็ตเป็นปีที่ห้าติดต่อกัน รัฐบาลยังคงจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาด้วยการปิดกั้นเว็บเพจ และการขอให้กูเกิ้ลและเฟซบุ๊กลบเนื้อหาอ้างเหตุผลว่า ละเมิดต่อกฎหมายภายในประเทศหลายฉบับ ทั้งในช่วงการเลือกตั้งยังได้ออกแนวทางที่ควบคุมการหาเสียงทางการเมือง ในเรื่องการคุกคามผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ปรากฏการสูญหายและการเสียชีวิตของนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตยและต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับอำนาจของ คสช. ถูกกล่าวหาในคดีความทางการเมืองจากการแสดงความเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ต
 

มาตรา 14(1) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่มีกรอบความผิดว่า นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
 

เดิมทีมาตราดังกล่าวออกแบบมาเพื่อปราบปรามกับความผิดเชิงระบบ เช่น การทำเว็บหรือข้อมูลปลอมเพื่อหลอกลวงเงินหรือผลประโยชน์ แต่ผู้ใช้กฎหมายตีขลุมไปว่า ข้อมูลที่ให้ความเห็นซึ่งอาจจะมีลักษณะหมิ่นประมาทเป็นความผิดตามมาตราดังกล่าวด้วย ซึ่งมีโทษหนักกว่ากฎหมายหมิ่นประมาทและไม่มีบทยกเว้นโทษหากแสดงความเห็นโดยสุจริต ประเด็นดังกล่าวมีปัญหามายาวนาน ปัจจุบันยังปรากฏการใช้มาตรา 14 คุกคามและจำกัดเสรีภาพการแสดงออก
 

 

รัฐบาลใหม่ ‘คสช.2’ และเทรนด์การปราบปรามเสรีภาพด้วยแนวใหม่
 

นอกจากมาตรา 14(1) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แล้ว ยังมีการดำเนินคดีที่ส่งผลต่อเสรีภาพการแสดงออกด้วยมาตรา 14(2) และ (3) ซึ่งตามปกติแล้วมาตราดังกล่าวมักจะผูกกับความผิดอื่นๆ ในหมวดความมั่นคง เช่น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เรื่องหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ และมาตรา 116 เรื่องการยุยงปลุกปั่น ไม่ค่อยได้นำมาใช้ดำเนินคดีเพียงลำพังมาตราเดียว
 

จากการเก็บข้อมูลของศูนย์ข้อมูลคดีเสรีภาพพบว่า ช่วงท้ายของรัฐบาลคสช. 1 จนถึงปัจจุบันการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพการแสดงออก หากเป็นการแสดงความคิดเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับ คสช. หรือผู้มีอำนาจ เจ้าหน้าที่มักจะดำเนินคดีด้วยมาตรา 14 ของพ.ร.บ.คอมฯ เป็นมาตราที่ใช้เป็นหลัก แทนข้อหาที่มีโทษหนักกว่าตามประมวลกฎหมายอาญาที่ก่อนหน้านี้เคยใช้อย่างแพร่หลาย หรือหากต้องการดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา ก็มักจะหลีกเลี่ยงการใช้มาตรา 112 มาใช้มาตรา 116 แทน

 

ชนิดบทความ: