1161 1958 1032 1918 1457 1403 1133 1425 1263 1689 1718 1295 1850 1136 1101 1331 1439 1964 1076 1202 1191 1043 1730 1483 1200 1744 1561 1757 1340 1354 1785 1703 1975 1695 1546 1584 1503 1061 1095 1225 1717 1214 1008 1689 1865 1789 1729 1874 1157 1754 1465 1441 1966 1200 1048 1357 1395 1043 1543 1751 1776 1057 1031 1208 1499 1893 1300 1933 1838 1327 1558 1651 1255 1356 1426 1206 1647 1706 1194 1868 1876 1657 1095 1441 1722 1819 1452 1232 1163 1506 1695 1791 1976 1021 1409 1864 1650 1461 1110 แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง คดี #RDN50 เตรียมฟังคำพิพากษาคดีมาตรา 116 ที่ศาลอาญาพรุ่งนี้ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง คดี #RDN50 เตรียมฟังคำพิพากษาคดีมาตรา 116 ที่ศาลอาญาพรุ่งนี้

 
 
 
20 กันยายน 2562 เวลา 9.00 น. ศาลอาญานัดหกแกนนำคดีการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ถนนราชดำเนินฟังคำพิพากษาคดียุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 คดีนี้มีจำเลยหกคนคือ สิรวิชญ์, กาณฑ์, อานนท์, ณัฏฐา, สุกฤษฏ์และชลธิชา เหตุแห่งคดีนี้เกิดขึ้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย จัดการชุมนุมที่ถนนราชดำเนินเพื่อเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งภายในปี 2561 โดยใช้ชื่อกิจกรรมว่า "หยุดยื้อเลือกตั้ง หยุดสืบทอดอำนาจ" โดยในวันเกิดเหตุมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมที่บริเวณร้านแมคโดนัลด์ ถนนราชดำเนินประมาณ 300 ถึง 500 คน
 
 
หลังเสร็จสิ้นชุมนุม เจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวม 49 คนมารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานชุมนุมทางการเมืองฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 ข้อ 12 รวม 49 คน ในจำนวนนั้นมีผู้ต้องหาเจ็ดคนที่เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นแกนนำและมีพฤติการณ์ปราศรัยปลุกระดมประชาชนได้แก่ รังสิมันต์, สิรวิชญ์, กาณฑ์, อานนท์, ณัฏฐา, สุกฤษฏ์และชลธิชา ทั้งหมดถูกตั้งข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เพิ่มเติมจากข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช. คดีของทั้งเจ็ดถูกแยกมาฟ้องที่ศาลอาญาในขณะที่ผู้เข้าร่วมการชุมนุม 42 คนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 เพียงข้อหาเดียวถูกฟ้องต่อศาลแขวงดุสิต ในเวลาต่อมารังสิมันต์หนึ่งในเจ็ดจำเลยคดีแกนนำถูกแยกออกไปฟ้องเป็นอีกสำนวนคดีหนึ่งเนื่องจากเขาได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.และคดีนี้มีการพิจารณาระหว่างที่สภาอยู่ในสมัยประชุม
 
 
1178
 
ในการสืบพยาน โจทก์นำพยานเข้าสืบแปดปากคือ ผู้กล่าวหา, เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่ร่วมทำงานสังเกตการณ์ในวันการชุมนุมและพนักงานสอบสวน พยานโจทก์หลายปากให้การไปในแนวทางเดียวกันว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นไปโดยสงบ ขณะที่ตำรวจที่เป็นผู้ตั้งด่านตรวจตราประชาชนก่อนเข้าการชุมนุมก็เบิกความต่อศาลว่า เท่าที่ทำการตรวจสอบไม่พบว่ามีผู้ชุมนุมพกพาอาวุธเข้าไปในพื้นที่การชุมนุม นอกจากนั้นหลังการชุมนุมแกนนำและผู้ชุมนุมต่างแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความเรียบร้อยดี และไม่ปรากฏว่า มีผู้ใดออกมากระทำความผิดกฎหมายโดยมีมูลเหตุจากการปราศรัยที่เป็นเหตุแห่งคดีนี้ด้วย
 

ฝ่ายจำเลยนำพยานเข้าสืบรวมเจ็ดปากโดยมีจำเลยทั้งหกอ้างตัวเองเป็นพยาน และมีชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ มีข้อน่าสังเกตว่า ก่อนการสืบพยานจำเลยปากแรก อัยการได้นำส่งเอกสารเพิ่มเติมเป็นบทความของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ที่เขียนในลักษณะว่า ระบอบเผด็จการอาจเหมาะสมกับสังคมไทยมากกว่าระบอบประชาธิปไตย ฝ่ายจำเลยไม่คัดค้านการส่งเอกสารเพิ่มเติมของอัยการ โดยระหว่างการสืบพยานจำเลย อัยการนำบทความดังกล่าวมาถามค้านพยานจำเลยบางปากเพื่อนำสืบให้จำเลยรับว่า มีบทความแบบนี้อยู่จริง
 
อานนท์ ซึ่งเป็นทนายและเป็นจำเลยในคดีนี้เบิกความตอนหนึ่งต่อศาลว่า ขออย่ารับฟังบทความที่อัยการส่งเข้าสำนวนเพิ่ม เนื่องจากเอกสารดังกล่าวอยู่นอกสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ไม่ใช่ความคิดเห็นของพนักงานสอบสวน และบทความดังกล่าวก็เป็นของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ที่ปฏิปักษ์อย่างชัดแจ้งต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่อัยการโต้แย้งว่าไม่มีกฎหมายใดห้ามให้อัยการนำเอกสารนอกสำนวนยื่นต่อศาล
 
 
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
อ่านรายละเอียดคดีเพิ่มเติมที่นี่ : https://freedom.ilaw.or.th/case/826