1825 1638 1245 1959 1255 1615 1480 1391 1221 1926 1854 1682 1655 1584 1994 1175 1396 1209 1465 1655 1492 1026 1775 1669 1632 1651 1191 1239 1234 1340 1245 1045 1328 1283 1422 1514 1208 1887 1958 1980 1150 1074 1963 1187 1136 1423 1042 1022 1724 1164 1244 1061 1219 1435 1504 1766 1044 1996 1153 1202 1711 1672 1095 1124 1000 1966 1969 1697 1975 1364 1546 1132 1970 1597 1311 1414 1425 1776 1781 1338 1190 1025 1330 1346 1855 1783 1840 1992 1042 1933 1386 1377 1433 1331 1054 1996 1974 1403 1744 มาตรา 112 ไม่คุ้มครอง ทูลกระหม่อมฯ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

มาตรา 112 ไม่คุ้มครอง ทูลกระหม่อมฯ



ข่าวการเปิดตัว "ทูลกระหม่อมอุบลรัตน์ฯ" ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียวของพรรคไทยรักษาชาติ ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในทางเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันสถานะ "ทูลกระหม่อมอุบลรัตน์ฯ" ในฐานะที่เป็นพระราชธิดาองค์โตในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้า ก็อาจทำให้หลายคนเกิดคำถามว่า ในฐานะที่มาลงเล่นการเมืองอย่างเต็มตัวแล้ว จะถูกวิจารณ์ได้หรือไม่ หรือทำได้มากน้อยเพียงใด
 


โดยเฉพาะอย่างในเมื่อมี "ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112" หรือความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ยังบังคับใช้อยู่ และเป็นกฎหมายที่สร้างความหวาดกลัวให้กับการแสดงความเห็นในสังคมไทยมานาน
 


ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในหมวดความมั่นคง ซึ่งบัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี"
 


สามารถแยกองค์ประกอบความผิดได้ คือ ต้องมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่
1) หมิ่นประมาท
2) ดูหมิ่น
3) แสดงความอาฆาตมาดร้าย

 


บุคคลใดบุคคลหนึ่งในสี่คน ที่มีสถานะในขณะกระทำความผิด คือ
1) พระมหากษัตริย์
2) พระราชินี
3) รัชทายาท
4) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์


 

เจตนารมณ์ของกฎหมายมาตรานี้ ให้ความคุ้มครองเกียรติยศของบุคคลผู้ดำรงตำแหน่ง พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขของรัฐ พระราชินี ในฐานะคู่สมรสขององค์ประมุขแห่งรัฐ รัชทายาท ในฐานะผู้ที่จะเป็นประมุขแห่งรัฐในอนาคต และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่แทนองค์ประมุขแห่งรัฐในยามที่องค์พระมหากษัตริย์ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ ทรงเสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจในต่างแดน หรือทรงปฏิบัติพระราชภาระไม่ได้ด้วยสาเหตุอื่นๆ

 

ส่วนพระบรมวงศานุวงศ์อื่นๆ นอกจากที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่ถือว่า อยู่ในความคุ้มครองของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และตามหลักการกฎหมายอาญาต้องตีความโดยแคบเพื่อประโยชน์กับสิทธิของประชาชน จึงต้องตีความว่า บุคคลที่อยู่นอกเหนือจากนี้ไม่ได้รับความคุ้มครองด้วย

 

อย่างไรก็ดี หากพระบรมวงศานุงศ์ ถูกกระทำให้เสียหายต่อชื่อเสียงก็มีกฎหมายหมิ่นประมาททั้งทางแพ่งและอาญาให้ความคุ้มครองเกียรติยศศักดิ์ศรี เฉกเช่นที่บุคคลทั่วไปได้รับความคุ้มครอง ซึ่งความผิดฐานหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หากเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มีโทษจำคุกไม่เกินสองปี และยังมีข้อยกเว้นหากเป็นกรณีที่ติชมโดยสุจริต ตามวิสัยที่ประชาชนทั่วไปพึงกระทำก็ไม่เป็นความผิด หรือหากเป็นการพูดความจริงในประเด็นสาธารณะก็ไม่ต้องรับโทษ

 

“ทูลกระหม่อมอุบลรัตน์ฯ” ได้สละฐานันดรแล้วตั้งแต่ปี 2515 จึงถือเป็นสามัญชนเฉกเช่นประชาชนทั่วไป อยู่ในสถานะที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ระดับเดียวกับคนอื่นๆ ในสังคม ในขณะเดียวกันทูลกระหม่อมเองก็สามารถใช้สิทธิทางศาลในการดำเนินคดีหมิ่นประมาททั้งทางแพ่งและอาญา ในกรณีที่เห็นว่า การวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีลักษณะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือติชมโดยสุจริต ส่วนผู้ที่ถูกดำเนินคดีก็สามารถใช้สิทธิทางศาลพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองและสามารถยกการพิสูจน์ความจริงเพื่อประโยชน์สาธารณะมาเป็นข้อต่อสู้ได้ ซึ่งต่างจากกรณีของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งไม่มีข้อยกเว้นที่เปิดให้พิสูจน์ความจริงหรือผลประโยชน์สาธารณะ เพื่อไม่ต้องรับผิด
 


ทั้งนี้ในวันเดียวกัน “ทูลกระหม่อมอุบลรัตน์ฯ” ก็ได้โพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเกี่ยวกับการสมัครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่า ได้สละฐานันดรเป็นสามัญชนแล้วและประสงค์จะใช้สิทธิทางการเมืองของตัวเองเฉกเช่นประชาชนทั่วไป