1558 1035 1268 1187 1548 1627 1751 1625 1752 1647 1432 1408 1355 1698 1809 1535 1154 1906 1844 1840 1148 1979 1350 1715 1547 1293 1268 1184 1437 1152 1581 1612 1256 1157 1610 1493 1463 1659 1075 1917 1736 1602 1911 1628 1668 1593 1466 1984 1723 1824 1137 1091 1788 1414 1123 1486 1541 1864 1875 1799 1271 1792 1597 1461 1916 1652 1601 1654 1493 1253 1399 1476 1828 1391 1832 1244 1582 1841 1810 1499 1587 1779 1895 1577 1502 1004 1570 1841 1821 1098 1421 1755 1378 1182 1898 1914 1833 1672 1126 รอการลงโทษให้ ไบรท์ ชินวัตร คดี ม.112 ปราศรัยเรียกร้องปล่อย บุ้ง-ใบปอ เหตุกลับตัวกลับใจมาประกอบสัมมาชีพ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

รอการลงโทษให้ ไบรท์ ชินวัตร คดี ม.112 ปราศรัยเรียกร้องปล่อย บุ้ง-ใบปอ เหตุกลับตัวกลับใจมาประกอบสัมมาชีพ

7 ธันวาคม 2566 ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดไบร์ท ชินวัตร อดีตนักกิจกรรมที่ถูกกล่าวหาว่ากล่าวคำปราศรัยเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ระหว่างเข้าร่วมการชุมนุมที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 เพื่อเรียกร้องสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวให้กับเนติพรหรือ บุ้ง และ “ใบปอ" ที่ถูกคุมขังด้วยมาตรา 112 และอดอาหารเรียร้องสิทธิประกันตัวอยู่ในขณะนั้น โดยศาลมีคำพิพากษาว่าชินวัตรมีความผิดตามฟ้อง มีโทษจำคุกสามปี ปรับเงิน 200 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง และโทษจำคุกให้รอการลงโทษ ให้เว้นการกระทำลักษณะเดิม พร้อมให้ทำงานสาธารณประโยชน์

3002
 
การอ่านคำพิพากษาในวันนี้เกิดขึ้นที่ห้องพิจารณาคดี 705 ในนัดนี้ไม่มีผู้สังเกตการณ์จากภายนอกมาร่วมสังเกตการณ์ ชินวัตรมาถึงห้องพิจารณาคดีในเวลา 9.20 น. โดยมาถึงศาลพร้อมทนายความอาสาของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในเวลาประมาณ 9.30 น. ศาลขึ้นบัลลังก์และอ่านคำพิพากษา โดยอ่านเฉพาะบทกำหนดโทษโดยสรุปได้ว่า
 
คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) และความผิดตามพ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาด้วยเครื่องขยายเสียง มาตรา 4 วรรคหนึ่งและมาตรา 9 วรรคหนึ่ง จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ในการพิจารณาคดีนัดแรกจำเลยขอเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องทั้งสามมาตรา การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป 
 
ความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14(3) เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งมีบทลงโทษหนักที่สุด ลงโทษจำคุก 3 ปี ความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ปรับเป็นเงิน 200 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับเป็นเงิน 100 บาท ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ทั้งจำเลยให้การรับสารภาพและสำนึกในการกระทำ กลับตัวกลับใจมาประกอบสัมมาชีพและเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ตามเอกสารหลักฐานที่ยื่นต่อศาล จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นคนดี ทั้งการนำจำเลยไปคุมขังในระยะเวลาอันสั้นไม่เป็นประโยชน์ทั้งต่อจำเลยและต่อสังคม จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติจำเลยเป็นเวลา 2 ปี ให้จำเลยรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติปีละสามครั้ง ให้จำเลยและเว้นการกระทำในลักษณะที่คล้ายกับการกระทำในคดีนี้และให้จำเลยบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
 
สำหรับเหตุแห่งคดีนี้เกิดขึ้นเมือ่วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 ชินวัตรเข้าร่วมชุมนุม เพื่อเรียกร้องสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวให้กับ เนติพรหรือ บุ้ง และ “ใบปอ" ที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ตอนหนึ่งของการปราศรัยชินวัตรกล่าวพาดพิงถึงพระมหากษัตริย์เรื่องการโอนย้ายทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ เรื่องการโอนย้ายกองกำลังทหารไปเป็นกองกำลังส่วนพระองค์ และเรียกร้องให้ยุติการใช้มาตรา 112 ดำเนินคดีกับประชาชน ต่อมาในวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสน.ยานนาวาผู้รับผิดชอบท้องที่ให้ดำเนินคดีกับชินวัตร
 
ตำรวจจับกุมชินวัตรที่บ้านพักในวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับชินวัตรและนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2565 โดยเบื้องต้นเขาเคยแถลงว่าจะไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม และขอถอนคำร้องคัดค้านการฝากขัง เมื่อศาลอนุญาตให้ฝากขังชินวัตรก็ถูกควบคุมตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพในวันเดียวกัน ในวันที่ 6 สิงหาคม 2565 ทนายความยื่นคำร้องขอประกันตัวชินวัตรต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ แต่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต ทนายความจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งและมีการไต่สวนคำร้อง ชินวัตรแถลงต่อศาลตอนหนึ่งว่า การกระทำที่เป็นเหตุแห่งคดีนี้เขาเพียงมีเจตนาเรียกร้องสิทธิการปล่อยตัวชั่วคราวให้เนติพร และ "ใบปอ" เท่านั้น ส่วนการโกนหัวต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์เขาก็เพียงต้องการแสดงออกว่ามีพสกนิกรถูกรังแก ส่วนที่เขาเคยแถลงไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมเพียงต้องการประท้วงต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น เมื่อเนติพร และ "ใบปอ" ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้วเขาก็กลับมาเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและจึงยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว จากนั้นวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวชินวัตรโดยต้องวางหลักประกัน 150,000 บาท เท่ากัยชินวัตรถูกคุมขังไปแล้วรวม 26 วัน 
 
ต่อมาคดีนี้อัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลในวันที่ 10 ตุลาคม 2565 เบื้องต้นชินวัตรให้การปฏิเสธ แต่ในนัดสืบพยานนัดแรกวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ชินวัตรแถลงขอเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพ คู่ความแถลงไม่ติดใจสืบพยานก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาออกมาในวันนี้