1691 1140 1829 1295 1585 1638 1970 1845 1245 1756 1290 1943 1697 1435 1960 1278 1873 1112 1874 1636 1916 1762 1578 1940 1453 1113 1434 1478 1529 1665 1094 1140 1360 1667 1660 1694 1576 1460 1061 1977 1095 1257 1145 1660 1648 1164 1268 1709 1556 1864 1679 1791 1012 1407 1651 1588 1474 1276 1581 1294 1261 1971 1763 1157 1055 1534 1578 1988 1576 1664 1779 1973 1098 1872 1185 1908 1625 1976 1558 1707 1154 1347 1566 1323 1730 1367 1239 1761 1589 1016 1800 1220 1802 1812 1330 1973 1760 1217 1655 หมอเหวงถามรัฐบาลหากไม่เห็นประชาชนเป็นศัตรูต้องนิรโทษกรรม | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

หมอเหวงถามรัฐบาลหากไม่เห็นประชาชนเป็นศัตรูต้องนิรโทษกรรม


วันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 นพ.เหวง โตจิราการ หรือหมอเหวง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ กล่าวในเวทีเสวนา “ก้าวแรกอย่างไรในการแก้ไขปัญหาคดีการเมือง” โดยสรุปคือ คดีการเมืองที่เกิดขึ้นมาเป็นเรื่องของที่รัฐมองประชาชนเป็นฝ่ายตรงกันข้ามหรือเป็นศัตรู การใช้กฎหมายหรือคดีความเพื่อปราบปรามผู้ที่รัฐนั้นมองว่าเป็นศัตรูเช่นกรณีการชุมนุมของนปช.เมื่อปี 2553 และกล่าวโดยตรงถึงพรรครัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลว่า หากไม่เห็นประชาชนเป็นศัตรูหรือกระทำการผิดกฎหมายที่ผูกพันกับหลักสิทธิมนุษยชนสากลต้องนิรโทษกรรมผู้ต้องหาและจำเลยคดีการเมือง พร้อมทั้งระบุว่า เวลานี้เป็นโอกาสอันดีที่พรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนนิยมในด้านการเมืองกลับคืนมา รายละเอียดดังนี้
 

2979


นพ.เหวงกล่าวถึงต้นตอของคดีการเมืองว่า การที่เกิดคดีทางการเมืองขึ้นเนื่องจากว่าอำนาจรัฐมองประชาชนเป็นศัตรูคือถ้าอำนาจรัฐไม่ได้มอง ประชาชนเป็นศัตรู เขาจะต้องเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างของประชาชนด้วยวิธีการต่างๆ ยกเว้นเสียแต่ว่าประชาชนกลุ่มนั้นหรือคนพวกนั้นจะทำการผิดกฎหมายอย่างชัดเจนไม่ว่าแพ่งหรืออาญา และข้อต่อมาก็คือว่ารัฐถึงจะมีอำนาจอยู่ในมือแต่ว่าโดยกฎกติกาของสากลโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยไปรับมา ไม่ว่าจะเป็น ICCPR กฎหมายสิทธิมนุษยชนสากลเขาห้ามรัฐกระทำความรุนแรงเกินกว่าเหตุแล้วเราต้องมองรากเหง้าตรงนี้ก่อน คือถ้าไม่มองรากเหง้าตรงนี้แล้วคงจะยากในการที่จะหาความยุติธรรมให้กับประชาชนและคงยากที่จะก่อให้เกิดนิรโทษกรรมขึ้นได้เพราะตราบเท่าที่รัฐยังมองประชาชนเป็นศัตรูหาเหตุทุกอย่าง มาใส่ร้ายป้ายสีว่าประชาชนที่ผิดอย่างนู้นผิดอย่างนี้แล้วก็หาพยานหลักฐานต่างๆมายัดเยียดให้ เสื้อแดงนี่ชัดเจนเลยกรณีของชายชุดดำ”
 


“ตราบเท่าที่รัฐบาลถือประชาชนเป็นศัตรูโอกาสที่นิรโทษฯยาก ผมจึงขออนุญาตถามไปยังรัฐบาลปัจจุบัน รัฐบาลสิบพรรคที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นโต้โผใหญ่ถามว่า ท่านเห็นประชาชนเป็นศัตรูหรือเปล่า ถ้าหากท่านไม่เห็นประชาชนเป็นศัตรูกรุณานิรโทษฯเถอะเพราะว่าความผิดทางการเมือง มันมีรากเหง้ามาจากความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันเท่านั้นเองมันมีเรื่องเดียวที่เป็นกรอบก็คือถ้าไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่ผิดกฎหมายอาญาและกฎหมายแพ่งต้องปล่อยเขาให้หมด แล้วมันจะไปผิดรัฐธรรมนูญอะไรเพราะผมไม่เคยเห็นมีใครเลยเรียกร้องให้เปลี่ยนระบอบการปกครอง ทุกคนก็ยังเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทุกคนก็ยังประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ทุกคนก็ยังเทิดทูนสถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันสูงสุดของใครละเมิดไม่ได้ทั้งนั้น ก็ไม่มีใครทำผิดรัฐธรรมนูญเลยและมีใครทำผิดคดีอาญาบ้าง มีใครเอาปืนไปยิงบ้าง คือผมกำลังบอกว่า คดีความทางการเมืองเกิดขึ้นจากความเห็นต่างทางการเมืองเท่านั้นเอง ตราบเท่าที่ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ผิดกฎหมายคุณไม่มีสิทธิจับเขาได้ ไม่มีสิทธิ สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือว่าคุณเชิญเขาไปไปเอาสนามหญ้าที่ไหนก็ได้สนามหลวงก็ได้หรือศาลากลางจังหวัดที่ไหนก็ได้แล้วเปิดเวทีใหญ่ๆแล้วให้เขาพูดให้เขาปราศรัย แล้วคุณมารับฟังความคิดเห็นไปแล้วคุณจะโต้แย้งเขาสิ”
 


“ผมจึงเสนอรัฐอย่างตรงไปตรงมา ถ้าหากว่าคุณคิดว่าคุณเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจริงนะ ผมขออนุญาตเรียนไปยังรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีสิบพรรคการเมืองและนำโดยพรรคเพื่อไทย ถามท่านตรงๆว่าท่านเห็นประชาชนเป็นศัตรูไหม ถ้าท่านไม่เห็นประชาชนเป็นศัตรูมันมีสองเรื่องเท่านั้นเองคือประชาชนทำผิดรัฐธรรมนูญหรือเปล่า ข้อที่สอง ประชาชนทำผิดกฎหมายอาญาหรือแพ่งหรือเปล่า ถ้าไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ผิดอาญาหรือแพ่ง ผมขอความกรุณารัฐบาลเพื่อไทย ท่านโปรดคอยปล่อยให้หมดเลย มันไม่มีเหตุผลเลยเพราะเขาไม่ผิด ไม่ได้ผิดแพ่งอาญา”

 

รวมทั้งสถานการณ์ภายใต้การนิรโทษกรรมประเทศจำเป็นต้องเป็นประชาธิปไตย “สำหรับผมวินาทีนี้ประเทศยังไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลนี้ถึงจะมาจากการเลือกตั้งก็ตาม สำหรับผมมันไม่ใช่เพราะคุณได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองของคสช. เพราะมันก็คือสว. 250 คนที่คสช.มีส่วนไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมก็แล้วแต่ไปคัดสรรมาหรือไปเลือกมาหรือไปจิ้มมานั้น 250 ดังกล่าวก็ต้องสนับสนุนคสช.อยู่แล้ว” พร้อมกล่าวถึงเรื่องการที่พรรคอันดับหนึ่งอย่างพรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้งแต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากสัดส่วนผู้ที่จะยกมือให้แก่นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องใช้เสียงจากสว.ร่วมด้วย
 


ในคำถามว่า การนิรโทษกรรมมาตรา 112 จะสามารถเป็นไปได้หรือไม่ นพ.เหวงระบุว่า เขาหวังผลสำเร็จในเรื่องการนิรโทษกรรมและจะสำเร็จได้ต่อเมื่อทุกพรรคการเมืองสนับสนุน ซึ่งเวลานี้พรรคก้าวไกลชัดเจนอยู่แล้ว “ผมอยากจะเรียนไปยังพรรครัฐบาลทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทย ด้วยความเคารพต่อพรรคเพื่อไทยจริงๆพรรคเพื่อไทยมีภาษีดีกว่าพรรคก้าวไกลก่อนหน้านี้เยอะแยะเลย แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยรู้จัก ตรวจสอบแล้วก็สำรวจดูสักนิดนึง ความเห็นส่วนตัวผมพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้ การเลือกตั้งที่ผ่านมาประชาชนเขาแสดงออกว่า ทิศทางการเมืองเมื่อเทียบกันระหว่างก้าวไกลกับเพื่อไทยแล้วประชาชนให้คะแนนก้าวไกลมากกว่า อันนี้เป็นโอกาสดีเยี่ยมเลยของพรรคเพื่อไทยในการที่จะสร้างคะแนนให้มาทัดเทียมหรือก้าวเกินกว่าก้าวไกลได้นั่นก็คือเพื่อไทย ผลักดันเลยพ.ร.บ.นิรโทษฯเอาเลยเพราะเศรษฐกิจคุณกินขาดอยู่แล้วเพราะผมเชื่อว่าดิจิทัลวอลเลทหมื่นบาททุกคนสำเร็จ เพราะฉะนั้นคุณก็จะได้คะแนนนิยมทางด้านเศรษฐกิจจากประชาชน”
 


“คราวนี้อย่าลืมว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมานี้ประชาชนเขาแสดงออกชัดเจนว่าคะแนนนิยมทางการเมืองของคุณเมื่อเทียบกับก้าวไกล ทางก้าวไกลเขาล้ำกว่าคุณ ไม่รู้นะความเห็นส่วนตัวผมนะคนอาจจะเถียงผม...แต่เอาเป็นว่าเที่ยวนี้เนี่ยถ้าหากว่าคุณหนุนพ.ร.บ.นิรโทษฯ คะแนนทางการเมืองคุณจะขึ้นมามาก ขณะเดียวกันผมก็เห็นด้วยกับที่อมรก็บอกมาคือรัฐธรรมนูญควรจะเลือกสสร.จากประชาชนทั้งประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะคลอดออกมาควรจะคล้ายๆหรือได้บทเรียนจาก ‘40 นี่ก็จะเป็นคะแนนในการเมืองที่จะตุนใส่กระเป๋าของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน”