1971 1306 1998 1599 1478 1785 1318 1721 1131 1802 1342 1956 1614 1627 1530 1240 1440 1085 1590 1139 1533 1288 1767 1342 1464 1200 1674 1072 1717 1644 1267 1747 1429 1145 1516 1087 1208 1902 1383 1874 1387 1654 1230 1350 1426 1193 1877 1401 1772 1324 1832 1337 1786 1015 1482 1017 1965 1932 1397 1141 1274 1516 1274 1456 1464 1334 1191 1335 1910 1147 1240 1261 1836 1399 1474 1055 1876 1900 1489 1196 1136 1248 1201 1304 1934 1502 1616 1378 1957 1684 1316 1179 1312 1341 1435 1754 1068 1898 1586 ศาลจำคุกอดีตสามเณรโฟล์กสองปี กรณีปราศรัยตั้งคำถามคำสอนศาสนาเกี่ยวกับพระราชาเข้าข่ายผิดมาตรา 112 | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ศาลจำคุกอดีตสามเณรโฟล์กสองปี กรณีปราศรัยตั้งคำถามคำสอนศาสนาเกี่ยวกับพระราชาเข้าข่ายผิดมาตรา 112

19 ตุลาคม 2566 เวลา 10.10 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาลงโทษจำคุกสหรัฐ สุขคำหล้า หรือ อดีตสามเณรโฟลก์ จำเลยคดีมาตรา 112 ที่ถูกกล่าวหาว่าปราศรัยในการชุมนุมบ๊ายบายไดโนเสาร์ ที่จัดโดยกลุ่มนักเรียนเลว บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 ตั้งคำถามถึงการเทศน์ของพระในลักษณะพาดพึงถึงพระมหากษัตริย์จนอาจทำให้พระมหากษัตริย์ได้รับความเสื่อมเสีย เป็นเวลาสามปี ก่อนลดโทษจำคุกให้หนึ่งในสามเหลือสองปีเพราะจำเลยให้การเป็นประโยชน์ หลังศาลพิพากษาจำคุกโดยไม่รอการลงโทษ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและตัวแทนกองทุนราษฎรประสงค์ได้ยื่นขอร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวสหรัฐระหว่างอุทธรณ์คดีโดยวางหลักทรัพย์จำนวน 300,000 บาท ต่อศาลเป็นหลักประกัน
 
สำหรับบรรยากาศที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันนี้มีผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 คือหยกและบุ้งเดินทางมาให้กำลังใจสหรัฐ นอกจากนั้นก็มีนักกิจกรรมและเพื่อนๆ ของสหรัฐประมาณ 15 คนมาให้กำลังใจสหรัฐในห้องพิจารณาคดี โดยคนที่มาบางส่วนยังผูกโบ์สีขาวบนข้อมือหรือบนกระเป๋าเพื่อให้กำลังใจสหรัฐด้วย
 
2950
 
ศาลเริ่มอ่านคำพิพากษาในเวลาประมาณ 10.00 น. คำพิพากษาในคดีนี้พอสรุปได้ว่า
 
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 กลุ่มนักเรียนเลวจัดการชุมนุมบ๊ายบายไดโนเสาร์ที่บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการศึกษา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับเสรีภาพการแสดงออกของนักเรียน มีผู้ชุมนุมเข้าร่วมการชุมนุมในบริเวณดังกล่าวประมาณ 500 คน 
 
พยานโจทก์ปากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 เบิกความว่าก่อนวันเกิดเหตุตรวจพบข้อมูลการนัดหมายการชุมนุม บ๊ายบายไดโนเสาร์ที่บริเวณแยกราชประสงค์ จึงแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบและทำการสืบสวนหาข่าว เมื่อถึงวันเกิดเหตุผู้ชุมนุมย้ายสถานที่ชุมนุมจากแยกราชประสงค์ไปเป็นบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ตัวพยานกับพวกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมหกคนได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่หาข่าวในพื้นที่การชุมนุมโดยได้บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไว้เป็นหลักฐาน ในวันเกิดเหตุยังพบจำเลยคดีนี้แต่งกายคล้ายภิกษุขึ้นทำการปราศัยด้วยโดยพูดถึงศาสนาและภัยของพระราชา 
 
ตามบันทึกภาพเคลื่อนไหวและบันทึกการถอดเทปคำปราศรัย ตอนหนึ่งจำเลยกล่าวปราศัยตั้งคำถามว่า เหตุใดในการสอนของพระจึงพูดถึงแต่ด้านดีของพระราชา ไม่พูดถึงภัยของพระราชาบ้าง ซึ่งข้อนี้พยานโจทก์เบิกความทำนองเดียวกันว่าฟังแล้วเข้าใจว่ารัชกาลที่สิบทรงทำให้ประเทศเสียหายและอาจทำให้ประชาชนที่ได้รับฟังเกิดความดูถูกเกลียดชังพระมหากษัตริย์ นอกจากนั้นก็ปรากฎความอีกตอนหนึ่งที่จำเลยกล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาประกาศว่าจะใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตราดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ทั้งที่ก่อนหน้านั้นพล.อ.ประยุทธ์เคยให้สัมภาษณ์ว่าในหลวงทรงพระเมตตาไม่ให้ดำเนินคดีมาตรา 112 กับประชาชน จำเลยจึงปราศรัยตั้งข้อสังเกตทำนองว่าเมื่อเป็นเช่นนั้นจะเป็นการทำให้พระมหากษัตริย์ทรงผิดคำสัญญาหรือไม่ ซึ่งการพูดลักษณะดังกล่าวทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าพระมหากษัตริย์ทรงผิดสัญญา จนเกิดความรู้สึกดูหมิ่นหรือเกลียดชัง ทั้งที่พระมหากษัตริย์ไม่เคยทรงมีรับสั่งใดๆ เป็นเพียงนายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ออกมาให้สัมภาษณ์เพื่อปรามผู้ที่มีพฤติการณ์หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ นอกจากนั้นระหว่างการปราศรัยจำเลยยังพูดถึงตัวเลข 904 ซึ่งเป็นเลขวิทยุประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
 
รัฐธรรมนูญมาตรา 6 กำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะล่วงละเมิดไม่ได้ ตัวจำเลยซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นสามเณรควรที่จะต้องมีความระมัดระวังในการพูดและไม่กล่าวพาดพิงถึงพระมหากษัตริย์ในทางไม่เหมาะสม แต่การปราศรัยของจำเลยทำให้ผู้ที่ได้รับฟังเข้าใจว่าพระมหากษัตริย์ทรงไม่น่านับถือ และทำให้ทรงถูกดูหมิ่นหรือเกลียดชัง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ลงโทษจำคุกสามปี คำให้การของจำเลยพอเป็นประโยชน์กับการพิจารณาคดีของศาลอยู่บ้าง ลดโทษจำคุกให้หนึ่งในสาม คงจำคุกสองปี ส่วนคำขอของอัยการที่ให้นับโทษคดีนี้ต่อจากคดีของจำเลยที่ศาลแขวงดุสิตและศาลแขวงพระนครเหนือ เนื่องจากทั้งสองคดียังไม่มีคำพิพากษาออกมาจึงให้ยกคำร้องในส่วนนั้น
 
หลังศาลอ่านคำพิพากษา ศาลแจ้งสหรัฐว่าหากไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาก็สามารถอุทธรณ์และฎีกาได้ตามลำดับ ขณะที่ทนายความและตัวแทนจากกองทุนราษฎรประสงค์ก็ออกจากห้องพิจารณาคดีเพื่อไปดำเนินการขอปล่อยตัวชั่วคราวสหรัฐระหว่างอุทธรณ์คดี
 
มูลเหตุแห่งคดีนี้เกิดขึ้นในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 กลุ่มนักเรียนเลวจัดการชุมนุม #บ๊ายบายไดโนเสาร์ ที่ใต้สถานีรถไฟฟ้าสยามแสควร์ สหรัฐซึ่งขณะนั้นยังเป็นสามเณรขึ้นปราศรัยในการชุมนุมครั้งนั้น 
 
สำหรับข้อความที่เป็นเหตุให้สหรัฐถูกฟ้องคดีมีอยู่สองข้อความ ข้อความแรกเขากล่าวตอนหนึ่งระหว่างการปราศรัย ตั้งคำถามทำนองว่าเหตุใดการเทศน์ของพระจึงทำได้เพียงเทศน์ถึงด้านดีของพระราชาแต่ไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ถึงด้านลบของพระราชาได้ และอีกข้อความหนึ่งที่เขาตั้งคำถามต่อกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพระมหากษัตริย์ทรงเมตตาไม่ให้ใช้มาตรา 112 ดำเนินคดีกับประชาชน แต่ต่อมาก็ออกมาประกาศว่าจะดำเนินคดีกับประชาชนด้วยกฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตรา ซึ่งสหรัฐตั้งคำถามต่อไปว่าการพูดลักษณะดังกล่าวจะกระทบต่อสถานะของพระมหากษัตริย์หรือไม่ พร้อมทั้งยกคำกล่าวว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำมากล่าวระหว่างปราศรัยด้วย  
 
รัฐธนภักษ์ สุวรรณรัตน์ ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันดำเนินคดีสหรัฐในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันออกหมายเรียกให้สหรัฐมารายงานตัวเพื่อรับทราบข้อหล่าวหา เขาเข้าพบกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 โดยให้การปฏิเสธตลอดข้อหล่าวหา
 
อัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันที่ 28 ธันวาคม 2564 จากนั้นจึงมีการสืบพยานนัดแรกในเดือนมีนาคม 2566 ก่อนจะมีนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้