1621 1679 1280 1487 1175 1369 1595 1956 1701 1304 1842 1724 1728 1965 1603 1915 1522 1848 1895 1680 1933 1530 1648 1649 1916 1223 1728 1961 1072 1548 1799 1898 1055 1123 1080 1019 1852 1541 1034 1849 1142 1708 1018 1325 1594 1765 1335 1714 1408 1341 1640 1502 1910 1992 1232 1894 1913 1244 1270 1021 1443 1256 1449 1169 1807 1345 1871 1939 1891 1724 1771 1498 1218 1614 1313 1353 1421 1534 1580 1727 1214 1834 1921 1864 1703 1935 1204 1157 1176 1913 1406 1244 1875 1698 1483 1842 1498 1782 1446 คำบอกเล่าจากแฟลตดินแดง ปากคำของสื่ออิสระในวันที่เจ้าหน้าที่สั่งปิดไลฟ์ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

คำบอกเล่าจากแฟลตดินแดง ปากคำของสื่ออิสระในวันที่เจ้าหน้าที่สั่งปิดไลฟ์

“ทุกคนมีสิทธิถ่ายรูป...คือถ้าทุกคนช่วยกัน มันก็จะมีภาพที่เกิดขึ้นลงในโซเชียลให้คนอื่นได้รู้ เราไม่จำเป็นต้องเป็นสื่อก็ได้”
 
นี่คือคำยืนยันของสื่ออิสระที่เข้าไปรายงานสถานการณ์การชุมนุมภายในแฟลตดินแดง ในวันที่ 11 กันยายน 2564 โดยในวันนั้นตำรวจได้จับกุมประชาชนและอาสาพยาบาลไป 78 คน ภายใต้การทำงานของสื่อมวลชนถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ด้วยการตรวจบัตร และห้ามถ่ายทอดสด และใช้ข้ออ้างเรื่องเคอร์ฟิวเพื่อให้ผู้สื่อข่าวออกจากพื้นที่ชุมนุมในเวลาสี่ทุ่ม 
 
ในขณะที่การสลายการชุมนุมยังคงไม่ยุติ ซึ่งในช่วงเวลาที่เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายบริเวณแฟลตดินแดง จนมีประชาชนถูกจับไม่เลือกหน้า มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บ และทรัพย์สินของประชาชนบริเวณนั้นได้รับความเสียหาย แต่ยังโชคดีที่มีสื่ออิสระสองคนอยู่ในเหตุการณ์ โดยหนึ่งในนั้นเป็นสื่ออิสระที่ทำงานให้สำนักข่าวต่างประเทศ โดยไอลอว์ได้สัมภาษณ์เขาเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวันที่ 11 กันยายน ที่แฟลตดินแดง
 
2405
 
สื่ออิสระ เล่าว่าเขาเข้ามาบริเวณแยกดินแดงตั้งแต่ห้าโมงเย็นอยู่ที่นั่นจนประมาณสามทุ่มกว่า แต่ประมาณเกือบๆ สี่ทุ่ม เห็นในไลฟ์ของสำนักข่าว the reporters ว่าตำรวจตั้งแนวขึ้นรถกระบะอยู่ตรงซอยมิตรไมตรี จากนั้นสักพักเขาก็เห็นกลุ่มผู้ชุมนุมไปรวมกันหน้าแฟลตแล้วคุยกันว่า "ตำรวจกำลังจะมา คฝ.กำลังจะมา ผมเลยไปรอที่ซอยดินแดง 1 คือซอยแรกตรงแฟลต คือรอดูท่าทีว่าตำรวจจะมาจริงไหม”
 
เขาเห็นเด็กๆ ที่มาชุมนุมมีความตื่นตัวกันเรื่อยๆ เริ่มตั้งแนวตรงหน้าซอยดินแดง 1 กันทั้งฝั่งซ้ายฝั่งขวา แล้วจากนั้นตำรวจก็มาจากทั้งฝั่งซ้าย ฝั่งขวา และจากอุโมงค์ โดยเอากระสุนยางยิงเข้ามาทางแฟลตดินแดง นอกจากนี้ตำรวจยังได้ตัดไฟก่อนด้วย โดยช่วงที่เด็กเริ่มตั้งแนวไฟก็ดับแล้ว ซึ่งตรงแฟลตดินแดงก็ปิดไฟทำให้บริเวณนั้นมืดหมดเลย
 
“เหมือนกับเด็กรู้ล่วงหน้าว่า คฝ.กำลังจะมาแล้ว เขาก็เริ่มมีการส่งสัญญาณบอกกัน แล้วก็เริ่มมีการตั้งรับ มีการเอารั้วมากั้นปิดทาง เอาโล่มาตั้งแนว แล้วก็เตรียมพลุ เตรียมประทัด ... ก็มีส่วนใหญ่ที่หนี แต่ก็มีส่วนไม่น้อยที่ยังสู้อยู่ พวกเขาใช้โล่ใช้พลุสู้”
 
“สักพักตำรวจฝั่งซ้ายกับฝั่งขวาก็เริ่มเข้ามา ตอนแรกผมก็ยังอยู่ตรงซอย จนสักพักแก๊สน้ำตามันเริ่มมาแล้ว และมีตำรวจวิ่งมา ถือปืนมา จนมันหลุดพ้นหัวโค้งหน้าซอยหันเข้ามาในซอยผมก็เลยวิ่งหนี เพราะจังหวะนั้นคือตำรวจยิงเข้ามาไม่หยุดเลย ผมก็วิ่งหนีขึ้นไปบนแฟลต 1 ตำรวจก็กรูเข้าไปในซอยตามเด็กเข้าไป”
 
“ผมขึ้นไปแอบข้างบนชั้นบนสุด แล้วก็มีเด็กอยู่ด้วยประมาณ 30 กว่าคน ระหว่างที่แอบอยู่ ตำรวจก็มาตรึงกำลังอยู่ที่หน้าแฟลตเต็มไปหมดเลย แล้วคอยเอาไฟฉายส่อง ยิงกระสุนยางยิงขึ้นมา ยิงลูกแก้วขึ้นมาด้วย ผมโดนยิงลูกแก้วและลูกแก้วโดนโทรศัพท์ปุ่มโฮมผมพังกดไม่ได้ แล้วก็โดนพวกกระจกห้องบนแฟลตแตก”
 
เขาบรรยายพื้นที่บริเวณที่หลบ คฟ. ว่า “แฟลตมันไม่มีประตูปิดนะ มันก็เป็นแค่ตึกโล่งๆ มันไม่มีประตูกั้น สามารถขึ้นบันไดได้เลย เพียงแต่ว่าเราเข้าห้องแฟลตไม่ได้แค่นั้นเอง ทุกคนก็จะไปแอบตรงระเบียงทางเดิน”
 
“แล้วในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ก็ประกาศว่าให้มึงลงมา ลงมาเดี๋ยวนี้ แต่คือทุกครั้งที่เขาบอกให้ลงมาเขาก็จะยิงขึ้นไปด้วย แล้วใครเขาจะลงมาไม่เข้าใจเหมือนกัน”
 
เขาเล่าต่อว่า "คฝ. ขึ้นไปบนแฟลตชั้นสอง ผมอยู่ชั้นบนสุด ผมจำไม่ได้ว่ามันคือชั้นอะไร ชั้นห้ามั้งก็ได้ยินเสียงพวก คฝ. ขึ้นมา ที่ผมรู้ว่าขึ้นมาเพราะว่าเด็กจากชั้นสองเขาวิ่งหนีขึ้นมา แล้วเขาก็บอกว่า คฝ.ขึ้นมาแล้ว แต่คือเด็กชั้นผมอะที่ผมเห็นคือเขาไม่เหลืออาวุธหรือพลุอะไรกันแล้ว เหลือแต่หนังกระติ๊ก”
 
“ตำรวจตรึงอยู่หน้าแฟลตประมาณครึ่งชั่วโมงได้ แล้วมาตรึงตรงแยกดินแดงอีกประมาณเกือบๆ ชั่วโมง แต่พอตำรวจถอยออกมาจากหน้าแฟลต เด็กก็ลงมาจากแฟลตแล้ว บางกลุ่มก็ลงมาสู้ต่อมายิงประทัดต่อ แต่ตำรวจไม่ได้บุกแล้วก็จะอยู่ตรงแยกคอยยิงแก๊สน้ำตา”
 
“อย่างเมื่อคืนผมแอบอยู่บนหน้าระเบียงชั้นบนสุดก็มีบางห้องที่เพิ่งเลิกงานกลับมาแล้วก็เดินขึ้นมา เขาก็ไม่รู้เรื่องเราก็ต้องบอกเขาว่าให้ก้มนะ เขาก็ก้มเพราะตำรวจก็ยังยิงขึ้นมาอยู่”
 
“ตรงนั้นมีทั้งที่เป็นร้านรถจักรยานยนต์ ร้านซ่อมรถ แล้วข้างในก็มีถังน้ำมัน และแก๊สน้ำตา ไม่ใช่ว่ายิงแก๊ซน้ำตาตกมาแล้วจะมีแต่ควัน บางทีตกแล้วมันแตกไฟลุกก็มี แล้วแก๊สน้ำตาตกไปในร้านเขาหลายลูก ดีที่ตกแล้วมันไม่แตกไฟมันไม่ลุก ถ้าไฟลุกขึ้นมาโดนถังก็ไฟไหม้อีก แล้วลูกหนึ่งก็ไปติดบนเสาไฟฟ้าก็มี”
 
เขายังเล่าถึงเหตุการณ์ที่มีการพูดถึงอย่างมากในวันนั้นคือ คฟ. ถีบผู้ชุมนุมตกตึกทะลุหลังคาบ้านประชาชนแถบนั้น ว่า“คือจริงๆ เด็กไม่ได้โดนถีบ ผมก็ไม่เห็นด้วยตาตัวเองหรอก ผมก็ไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ แต่ผมไปคุยไปถามกับพี่ที่อยู่ห้องตรงหัวมุมพอดี เขาก็บอกว่าว่าตำรวจไม่ได้ถีบหรอก จังหวะที่ตำรวจที่กรูยิงปืนเข้ามาเรื่อยๆ เด็กๆ ก็หนีเข้าไปในซอย แล้วมันมีกลุ่มหนึ่งที่อาจจะวิ่งไม่ทันเขาก็เลยปีนหลังคาร้านค้า”
 
“คือหลังแฟลตมันจะเป็นหลังคารอบๆ เลย ก็ปีนขึ้นไปบนหลังคาแล้วก็ไปนอนแอบกันบนนั้น เขาก็เห็นว่ามาแอบกัน 8-9 คน แล้วกระเบื้องมันรับไม่ไหวมันก็ร่วงลงไป ตกประมาณสี่คน ที่บาดเจ็บคือคนเดียว ที่เห็นเลือดไหลๆ นั่นแค่คนเดียว”
 
“ผมเชื่อเขาเพราะว่าผมขึ้นไปดูจุดที่เขาว่า คฝ.ถีบตกลงมา มันไม่มีทางที่ คฝ.จะถีบตกลงมาได้ เพราะว่าตรงนั้นมันเป็นช่องบันได คือจะมุดออกมายังยากเลย มันมีราวกั้น คือรูมันเล็กมากคือคุณต้องพยายามจะกระเสือกกระสนออกไป มันไม่สามารถที่จะโดนถีบลงมาได้”
แม้จะเจอความพยายามปิดกั้นจากตำรวจในการรายงานสถานการณ์ชุมนุม และแม้รู้ว่าจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์รุนแรง แต่นักข่าวอิสระคนนี้เห็นว่า “ผมคิดว่ามันจะมีเหตุการณ์แบบนี้ที่มันไม่มีสื่ออยู่ และตำรวจมาใช้คว​​ามรุนแรงอย่างเมื่อคืน ถ้าผมไม่อยู่ก็ไม่มีคนรู้แล้วนะว่าข้างในทำอะไรกันบ้าง ... ส่วนหนึ่งมันก็กลัว แต่อีกส่วนหนึ่งมันก็อยากให้เห็นความจริงด้วย ถ้าไม่มีสื่ออยู่ถ้าไม่มีใครอยู่เลยกลายเป็นว่าเราต้องเชื่อที่ตำรวจแถลงข่าวต่อไป”
เขาเห็นว่าการปิดกั้นสื่อมวลชนของตำรวจโดยเฉพาะการไม่ให้ถ่ายทอดสดสลายการชุมนุมเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพอย่างหนึ่ง “ผมคิดว่ามันไม่แฟร์นะ คุณควรจะให้สิทธิ ให้พื้นที่การทำงานของสื่อ เพื่อเป็นหลักฐาน เป็นพยานในการปฏิบัติการ การทำงานของเจ้าหน้าที่”
 
“ทุกคนมีสิทธิถ่ายรูป อย่าเมื่อคืนมันก็เห็นชัดเลยนะ สื่อไม่มีแล้ว มันก็มีคลิปจากชาวบ้านในพื้นที่ลงบนโซเชียล คือถ้าทุกคนช่วยกัน มันก็จะมีภาพที่เกิดขึ้นลงไปในโซเชียลให้คนอื่นได้รู้ คือมันไม่จำเป็นต้องเป็นสื่อก็ได้”
 
ชนิดบทความ: