ฐานข้อมูลคดี

เอกสารบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนสน.บางซื่อพอสรุปได้ว่า

 

ธนวัฒน์ ผู้ต้องหาคดีนี้ส่งหนังสือถึงผู้กำกับสน.บางซื่อ ขอความอนุเคราะห์ร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุงซึ่งผู้ต้องหาเป็นผู้จัดในวันที่ 5.00 น. - 9.00 น. ที่สวนวชิรเบญทัศ ผู้ต้องหายังขอความอนุเคราะห์ให้สน.บางซื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย

 

ผู้กำกับสน.บางซื่อเห็นว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นการชุมนุมสาธารณะจึงแจ้งให้ผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้จัดมาดำเนินการแจ้งการชุมนุมเป็นหนังสือ แต่ผู้ต้องหาทำหนังสือชี้แจงตอบกลับมาว่ากิจกรรมวิ่งไล่ลุงเป็นสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนทำได้โดยชอบตามรัฐธรรมนูญและกิจกรรมดังกล่าวก็เป็นการกีฬา  ไม่ถือเป็นการชุมนุมสาธารณะและไม่อยู่ภายใต้บังคับของพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ

 

ในวันที่ 12 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ ผู้กำกับการสน.บางซื่อสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความเรียบร้อยในบริเวณงาน และให้ตรวจสอบว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นการกีฬาจริงหรือไม่

 

มีรายงานจากสายข่าวถึงผู้กำกับสน.บางซื่อว่า ผู้ต้องหาเดินทางมาในที่จัดกิจกรรมและเป็นผู้ประสานงานตามเต็นท์ต่างๆ และทักทายกับผู้มาร่วมกิจกรรมซึ่งมีทั้งนักการเมือง ผู้มีความเห็นทางการเมืองต่างจากรัฐบาลและนักเคลื่่อนไหวทางการเมือง (NGO) เป็นต้น

 

ระหว่างที่กิจกรรมวิ่งดำเนินไป ผู้ร่วมกิจกรรมบางคนชูสามนิ้ว มีคนห่มผ้าสีขาวเขียนข้อความ 14 ตุลา จงพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาคม เมื่อสิ้นสุดกิจกรรม ผู้จัดกิจกรรมแจ้งให้ผู้ร่วมกิจกรรมมารวมกันที่หน้าเวที จากนั้นจึงทำการมอบรางวัลให้ผู้ร่วมกิจกรรมส่วนหนึ่งและกล่าวปิดกิจกรรมผ่านเครื่องขยายเสียง จากนั้นจึงให้ผู้ร่วมกิจกรรมชูสัญลักษณ์สามนิ้ว ผู้ร่วมกิจกรรมบางคนเขียนป้ายข้อความ เช่น "เบื่อประยุทธ์" "หยุดรัฐธรรมนูญ 60" และ "แก้ไขรัฐธรรมนูญ" เป็นต้น

 

จากนั้นมีโฆษกเวทีตะโกนผ่านเครื่องขยายเสียงว่า "แก๊งค์ลุง" "ไดโนเสาร์" "ธรรมนัส" และ "ประยุทธ์" จากนั้นผู้ร่วมกิจกรรมตะโกนว่า "ออกไป" การที่ผู้ต้องหาทำกิจกรรมดังกล่าวไม่ใช่การทำกิจกรรมกีฬา แต่เป็นการจัดการชุมนุมทางการเมืองโดยแอบแฝงด้วยการทำกิจกรรมดังกล่าว และเป็นการชุมนุมในที่สาธารณะ เมื่อผู้ต้องหาไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้กำกับสน.บางซื่อซึ่งเป็นเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ จึงเป็นความผิดฐานไม่แจ้งการชุมนุมตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯ