- เว็บไซต์ไอลอว์
- ศูนย์ข้อมูลฯ
ฐานข้อมูลคดี
ชื่อคดี
ผู้ต้องหา
พริษฐ์
สถานะคดี
คำอธิบายสถานะคดี ภาษาไทย
อื่นๆ
สถานะผู้ต้องหา
อื่นๆ(ลงโทษปรับฐานไม่แจ้งการชุมนุม)
ข้อหา / คำสั่ง
พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558
ผู้ต้องหา | สถานะผู้ต้องหา |
---|---|
ธนวัฒน์ | อื่นๆ (ลงโทษปรับฐานไม่แจ้งการชุมนุม) |
เนื้อหาคดีโดยย่อ
ภูมิหลังผู้ต้องหา
ข้อกล่าวหา
เป็นผู้จัดการชุมนุมไม่แจ้งการชุมนุม
-
รูปแบบการจำกัดเสรีภาพ
การดำเนินคดี
-
ประเภทสื่อ
การชุมนุมสาธารณะ
-
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
-
ศาล
ศาลแขวงดุสิต
-
หมายเลขคดีดำ
เลขคดีดำคือเลขที่ศาลออกเมื่อประทับรับฟ้องคดี
ชั้นศาล: ศาลชั้นต้น No: อ.370/2562 วันที่: 2019-03-01ชั้นศาล: ศาลอุทธรณ์ No: 165/2563
พริษฐ์และธนวัฒน์ ไปทำกิจกรรมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลแต่ไม่ได้มีการแจ้งการชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย จึงถูกตั้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานไม่แจ้งการชุมนุมตามพ.ร.บ.ชุมนุม
พริษฐ์และธนวัฒน์ถูกควบคุมตัวจากที่เกิดเหตุไปแจ้งข้อกล่าวหาที่ส.น.ดุสิตหลังจากทำกิจกรรมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลแล้วเสร็จ
การตัดสินใจลาออกหรือไม่ลาออก เป็นคนละเรื่องกับการรับหรือไม่รับเป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีนายกการรับหรือไม่รับการเสนอเป็นชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของนโยบายว่ารับกันได้หรือไม่ ส่วนเรื่องการจะลาออกจากตำแหน่งหรือไม่
ทั่วโลกทั้งที่เป็นระบอบประชาธิปไตยและสังคมนิยม ผู้นำและทุกรัฐบาลเมื่อมีการเลือกตั้งไม่มีใครลาออก เช่น บารัค โอบาม่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ในการลงเลือกตั้งครั้งที่ 2 และสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน รวมถึงประธานาธิบดีที่อยู่ในอาเซียน ก็ไม่มีใครลาออก
พล.อ.ประยุทธ์ยังระบุอีกตอนหนึ่งโดยสรุปได้ว่า ไม่ได้มีการระบุไว้ในกฎหมายทั้งในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นว่าหากมีการเลือกตั้งผู้ที่อยู่ในรัฐบาลต้องลาออกไปและการเลือกตั้งครั้งก่อนเช่นปี 2554 คนในรัฐบาลก็ไม่ได้ลาออก จึงขอร้องว่าอย่ามาไล่ล่ากัน พล.อ.ประยุทธ์พูดตอนหนึ่งอีกว่า " มึงมาไล่ดูสิ"
ธนวัฒน์ และ พริษฐ์ นักกิจกรรมทางสังคมอัดคลิปวิดีโอรับคำท้าพล.อ.ประยุทธ์ คลิปดังกล่าว ถูกโพสต์บนเฟซบุ๊กของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ฟ้าใส ศศิกัญจน์ จากนั้นช่วงประมาณหนึ่งทุ่มในวันเดียวกัน พริษฐ์โพสต์ภาพพร้อมข้อความบนเฟซบุ๊ก เชิญชวนประชาชนร่วมขบวนแห่เชิญพล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม โดยนัดหมายให้ประชาชนมาพบที่ประตูสี่ ทำเนียบรัฐบาล พริษฐ์ยังให้เบอร์โทรศัพท์ของตัวเองไว้ในโพสต์ดังกล่าวด้วย
นับจากการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง รัฐบาลยังคงมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ เช่นสามารถอนุมัติงบประมาณที่มีผลผูกพันธ์ถึงรัฐบาลถัดไปได้ หรือโยกย้ายข้าราชการได้ และพล.อ.ประยุทธ์ยังคงมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ และอำนาจดังกล่าวก็อาจส่งผลได้ผลเสียต่อการเลือกตั้ง จึงขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกเมื่อตกลงรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เพื่อไม่ให้มีการใช้อำนาจที่จะส่งผลได้ผลเสียต่อการเลือกตั้ง
นอกจากการอ่านจดหมายทางผู้ทำกิจกรรมยังนำพริก เกลือ และกระเทียม ไปแขวนที่รั้วทำเนียบรัฐบาลเพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์แสดงถึงการขับไล่ผีดิบจากการดูดกินภาษีประชาชนด้วย จากการสอบถาม
ธนวัฒน์หนึ่งในผู้ต้องหาให้ข้อมูลว่า พวกเขาสามารถทำกิจกรรมจนแล้วเสร็จโดยใช้เวลาทำกิจกรรมสั้นๆประมาณห้านาที จากนั้นจึงถูกควบคุมตัวไปที่สน.ดุสิตเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุม พร้อมทั้งยึดพริก กระเทียม และเกลือที่ใช้ทำกิจกรรมไว้เป็นของกลาง
อัยการแถลงต่อศาลว่าจะนำพยานเข้าสืบรวมสามปาก ขอใช้เวลาสืบพยานหนึ่งนัด โดยพยานทั้งสามคนได้แก่ผู้กล่าวหาหนึ่งคน พยานผู้เห็นเหตุการณ์หนึ่งคนและพนักงานสอบสวนอีกหนึ่งคน ฝ่ายจำเลยแถลงว่าจะสืบพยานสองปากได้แก่ตัวจำเลยทั้งสองขอใช้เวลาสืบพยานสองนัดเช่นกัน
ในนัดนี้โจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานหลักฐานต่อศาลด้วย แต่มีพยานเอกสารบางส่วนที่โจทก์ไม่ยื่นต่อศาลให้ทนายจำเลยตรวจสอบ โดยอ้างว่าเป็นเอกสารประกอบการสอบปากคำในชั้นสอบสวนซึ่งโจทก์ขอสงวนสิทธิ์นำหลักฐานดังกล่าวเข้าสู่ชั้นศาลระหว่างการสืบพยานเลย ทนายจำเลยจึงแถลงคัดค้านพยานหลักฐานส่วนนี้ไว้ จากนั้นศาลให้คู่ความไปกำหนดวันนัดสืบพยานกันเองซึ่งตกลงกันได้ในวันที่ 12 - 13 มิถุนายน 2562
12 มิถุนายน 2562
21 สิงหาคม 2562
ศาลกำชับกับทนายจำเลยว่าให้แจ้งให้ธนวัฒน์รีบมาศาลพร้อมกล่าวว่าตัวจำเลยเองก็ทราบนัดมาก่อนหน้านี้แล้ว น่าจะบริหารเวลาให้ดีกว่านี้ อย่างไรก็ตามศาลเห็นว่าธนวัฒน์มีการแจ้งเหตุขัดข้องและไม่มีเจตนาหลบหนีจึงอนุญาตให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาออกไปเป็นเวลา 13.30 น. โดยก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งได้สอบถามพริษฐ์ จำเลยที่หนึ่งซึ่งอยู่ในห้องพิจารณาแล้วว่าจะคัดค้านการเลื่อนเวลานัดหรือไม่ พริษฐ์แถลงไม่คัดค้าน
หลังศาลชี้แจงกับธนวัฒน์ก็อ่านคำพิพากษาลงโทษปรับธนวัฒน์และพริษฐ์ในความผิดฐานเป็นผู้จัดการชุมนุม ไม่แจ้งการชุมนุม ตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯเป็นเงินคนละ 2000 บาท
ที่ห้องพิจารณาคดี 510 ศาลแขวงดุสิต ศาลอุทธรณ์นัดพริษฐ์และธนวัฒน์ฟังคำพิพากษาในเวลา 9.00 น.
ธนวัฒน์เดินทางมาถึงศาลตั้งแต่ก่อนเวลา 9.00 น. ขณะที่พริษฐ์และทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเดินทางมาถึงศาลในเวลาประมาณ 9.10 น.
ทั้งนี้ตั้งแต่เวลาประมาณ 9.00 น. มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหนึ่งนายที่มักปรากฎตัวตามพื้นที่การชุมนุมมานั่งอยู่ที่ชั้นล่างของอาคารศาลแขวงดุสิตด้วยแต่ไม่ได้ขึ้นมาที่ห้องพิจารณาคดี
ส่วนตัวยังเห็นด้วยว่าคดีนี้ได้กลายเป็นบรรทัดฐานว่าในประเทศนี้ไม่ใช่แค่อาวุธ ปืน หรือยาเสพย์ติดร้ายแรง ที่เป็นของกลางในคดีอาญา ของอย่างพริก เกลือ และกระเทียม ก็เป็นของกลางได้เหมือนกัน
ตัวเขาหวังว่าในอนาคตจะมีการยกเลิกกฎหมายที่มีเนื้อหาจำกัดเสรีภาพของประชาชนอย่างพ.ร.บ.ชุมนุมฯ แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ต่อให้มีการยกเลิกพ.ร.บ.ชุมนุมฯ เขาก็เชื่อว่าสุดท้ายผู้มีอำนาจก็สามารถนำข้อกฎหมายอื่นมาจำกัดเสรีภาพการชุมนุมได้อยู่ดี
การชุมนุมสาธารณะ หมายถึง "การชุมนุมของบุคคลในที่สาธารณะ เพื่อเรียกร้อง สนับสนุน คัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยแสดงออกต่อประชาชนทั่วไป และบุคคลอื่นสามารถเข้าร่วมการประชุมนั้นได้ ไม่ว่าการชุมนุมนั้นจะมีการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายด้วยหรือไม่” ผู้จัดการชุมนุม หมายถึง ผู้จัดให้มีการชุมนุมสาธารณะ และให้หมายความรวมถึงผู้ประสงค์ จะจัดการชุมนุมสาธารณะ และผู้ซึ่งเชิญชวนหรือนัดให้ผู้อื่นมาร่วมการชุมนุมสาธารณะโดยแสดงออกหรือ มีพฤติการณ์ทําให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้จัดหรือร่วมจัดให้มีการชุมนุมนั้น
ทั้งบันทึกคำให้การผู้ต้องหาของจำเลยทั้งสองก็สอดคล้องกับคำเบิกความพยานโจทก์ ว่ามีประชาชนทั่วไปอยู่ในบริเวณดังกล่าวห้าคน และจำเลยทั้งสองได้แจ้งกับกลุ่มบุคคลที่มาว่าจะยกเลิกกิจกรรมที่นัดไว้และได้เดินไปที่ประตู 3 จึงเชื่อว่าพยานโจทก์เบิกความตามจริง
แม้ตามภาพเคลื่อนไหวในแผ่นซีดีที่เป็นหลักฐานจะไม่ปรากฎว่าทั้งสองพูดคุยกับบุคคลอื่น แต่ตามพฤติการณ์ที่มีการโพสต์ข้อความเชิญชวนบุคคลทั่วไปมาร่วมกิจกรรมและมีประชาชนห้าคนมาสนใจรอทำกิจกรรม จำเลยทั้งสองย่อมคาดหมายได้ว่าประชาชนที่มีจะสนใจการสนทนาระหว่างจำเลยกับเจ้าหน้าที่และได้ยินการเจรจาระหว่างจำเลยทั้งสองกับเจ้าหน้าที่
ส่วนที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าไม่มีภาพบุคคลใดเดินตามไปทำกิจกรรม มีเพียงจำเลยทั้งสองและผู้สื่อข่าวกับเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่ติดตามไป เห็นว่าภาพในแผ่นซีดีวัตถุพยานอาจไม่ได้บันทึกภาพบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมด พยานหลักฐานที่จำเลยยกมาอ้างในการอุทธรณ์จึงฟังไม่ขึ้น
การที่จำเลยที่หนึ่งโพสต์ข้อความเชิญชวนประชาชนร่วมเดินขบวนเชิญให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งตามวันและเวลาที่กำหนด อันมีลักษณะเป็นการเชิญชวนและนัดให้ผู้อื่นมารวมตัวในพื้นที่สาธารณะ เพื่อเรียกร้องเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นการแสดงออกต่อประชาชนทั่วไปและบุคคลคนอื่นเข้าร่วมได้ จึงต้องถือว่าจำเลยที่หนึ่งเป็นผู้ประสงค์จัดการชุมนุม
พฤติการณ์ของจำเลยที่สองจึงบ่งชี้ว่าต้องการมีส่วนร่วมทำกิจกรรมตามที่จำเลยที่หนึ่งนัดหมาย อันมีผลเสมือนว่าจำเลยที่สองเป็นผู้เชิญชวนผู้อื่นมาร่วมการชุมนุม จำเลยที่สองจึงถือเป็นผู้ประสงค์จัดการชุมนุมด้วย
พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะไม่ได้บัญญัติว่า การกระทำที่เข้าข่ายเป็นการชุมนุมสาธารณะ ผู้ชุมนุมทุกคนต้องมีส่วนร่วมทำกิจกรรมด้วยตัวเอง การที่มีประชาชนมาในที่เกิดเหตุตามที่จำเลยทั้งสองเชิญชวนแต่ไม่มีหน้าที่ใดๆในการทำกิจกรรม จึงไม่ใช่ข้อที่บ่งชี้ว่าบุคคลอื่นไม่สามารถร่วมการชุมนุมได้
จำเลยทั้งสองไม่มีพยานผู้เชี่ยวชาญมาเบิกความยืนยัน และไม่มีพยานหลักฐานใดมาสนับสนุนให้เชื่อถือได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำตามประเพณีความเชื่อซึ่งไม่ใช่การชุมนุมที่อยู่ในบังคับของพ.ร.บ.ชุมนุมฯ
การโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กไม่ใช่องค์ประกอบความผิดฐานจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯมาตรา 10 วรรค 1 ไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
แต่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยที่สอง ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่สองมีพฤติการณ์เป็นผู้ประสงค์จัดการชุมนุมซึ่งโจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาและมีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ จึงไม่ใช่กรณีการพิพากษาถึงข้อเท็จจริงที่ไม่ได้บรรยายในฟ้องและโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลย
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดชั้นชอบแล้ว พิพากษายืน ให้ปรับเป็นเงินคนละ 2000 บาท
อ่านความในใจของพริษฐ์ (เพนกวิ้น) หนึ่งในจำเลยคดีนี้ที่มีต่อคดีและต่อพ.ร.บ.ชุมนุม https://freedom.ilaw.or.th/node/716