- เว็บไซต์ไอลอว์
- ศูนย์ข้อมูลฯ
ฐานข้อมูลคดี

ชื่อคดี
ผู้ต้องหา
เอกชัย
สถานะคดี
คำอธิบายสถานะคดี ภาษาไทย
ชั้นศาลอุทธรณ์
สถานะผู้ต้องหา
อื่นๆ(ลงโทษปรับฐานไม่แจ้งการชุมนุม)
ข้อหา / คำสั่ง
พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558
ผู้ต้องหา | สถานะผู้ต้องหา |
---|---|
โชคชัย | อื่นๆ (ลงโทษปรับฐานไม่แจ้งการชุมนุม) |
เนื้อหาคดีโดยย่อ
ต่อมาวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับคำปราศรัยของพรรคเพื่อไทยตอนหนึ่งว่า ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน
ในวันเดียวกันยังมีกระแสข่าวว่า ผบ.ทบ. มีคำสั่งให้กรมกิจการพลเรือนทหารบกนำเพลงแนวปลุกใจทหาร รวมทั้งเพลง หนักแผ่นดิน ไปเปิดในสถานีวิทยุกองทัพบกที่มีกว่า 160 สถานีทั่วประเทศ แต่ข่าวดังกล่าวก็ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จนสุดท้ายมีการประกาศยกเลิกการเปิดเพลงตามสถานี แต่ให้เปิดเป็นเสียงตามสายในค่ายทหารแทน
เมื่อถึงวันดังกล่าว เอกชัยพร้อมโชคชัย นำลำโพงไปเปิดเพลงประเทศกูมีและทำกิจกรรมจำลองเหตุการณ์ 6 ตุลาเพื่อสะท้อนให้เห็นว่าเพลงหนักแผ่นดินเคยถูกใช้ปลุกระดมให้คนใช้ความรุนแรงต่อกัน
เอกชัยและโชคชัยทำกิจกรรมได้ครู่หนึ่งจากนั้นก็ถูกเชิญตัวไปที่สน.นางเลิ้ง ทั้งสองถูกตั้งข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุมตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ ข้อหานี้ทั้งเอกชัยและโชคชัยให้การปฏิเสธ นอกจากข้อหาไม่แจ้งการชุมนุมเอกชัยยังถูกตั้งข้อหาใช้เ้ครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตเพิ่มเติมด้วย สำหรับข้อหานี้เอกชัยให้การรับสารภาพและถูกเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 200 บาท
ภูมิหลังผู้ต้องหา
นอกจากเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเลือกตั้งเอกชัยยังเคลื่อนไหวเกี่ยวกับปมนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วิงศ์สุวรรณ อย่างต่อเนื่องด้วย
โชคชัยยังร่วมกับเอกชัยทวงถามหาความรับผิดชอบเรื่องนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในหลายๆโอกาส
ข้อกล่าวหา
เป็นผู้จัดการชุมนุมไม่แจ้งการชุมนุม
-
รูปแบบการจำกัดเสรีภาพ
การดำเนินคดี
-
ประเภทสื่อ
การชุมนุมสาธารณะ
-
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
-
ศาล
ศาลแขวงดุสิต
-
หมายเลขคดีดำ
เลขคดีดำคือเลขที่ศาลออกเมื่อประทับรับฟ้องคดี
ชั้นศาล: ศาลชั้นต้น No: อ.487/2562 วันที่: 2019-04-22ชั้นศาล: ศาลอุทธรณ์ No: 277/2563
ต่อมาในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 จำเลยทั้งสองร่วมกันจัดการชุมนุมที่บุคคลอื่นสามารถเข้าร่วมได้ มีการปราศรัยเกี่ยวกับ ผบ.ทบ. ที่มีพฤติการณ์ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง มีการจำลองเหตุการณ์ 6 ตุลา โดยมีการนำตุ๊กตาหมีมาแขวนไว้บนต้นไม้และใช้เครื่องเสียงเปิดเพลงประเทศกูมีให้ทหารและประชาชนทั่วไปที่อยู่บริเวณนั้นฟัง
จำเลยทั้งสองประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะแต่ไม่ได้แจ้งการชุมนุมล่วงหน้าตามที่กฎหมายกำหนด จึงการชุมนุมที่ไม่ชอบ
เอกชัยและโชคชัยถูกควบคุมตัวจากหน้ากองบัญชาการกองทัพบกไปที่สน.นางเลิ้ง เมื่อรถที่ใช้ควบคุมตัวไปถึงสน.นางเลิ้งเอกชัยเดินเข้าไปในสน.ส่วนโชคชัยวิ่งออกจากสน.ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตามไปควบคุมตัว โชคชัยโพสต์ข้อความชี้แจงในเวลาต่อมาว่าเขานัดผู้ใหญ่คนหนึ่งว่าจะไปทำงานให้ และเจ้าหน้าที่ก็สามารถออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในภายหลังได้ ด้วยความร้อนใจที่รับปากผู้ใหญ่ไว้เขาจึงวิ่งออกจากสน. เพื่อไปทำธุระ
ทนายจำเลยถาม พ.ต.ท.สุทธิโรจน์ ว่า ตามคลิปวิดีโอหลักฐานของอัยการ ปรากฎภาพชายสวมชุดสีเทาเดินไปหาเอกชัยขณะลงจากรถ พ.ต.ท.สุทธิโรจน์ ทราบหรือไม่ว่า ชายชุดเทาเหล่านั้น คือเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ พ.ต.ท.สุทธิโรจน์ ตอบว่า ไม่ทราบว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นใคร
ทนายจำเลยถามต่อว่าในวันเกิดเหตุเมื่อเอกชัยนำตุ๊กตาหมีไปแขวนกับต้นไม้เพื่อจำลองเหตุการณ์ 6 ตุลา แต่ต่อมาตุ๊กตาตัวดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดึงออกไป พ.ต.ท.สุทธิโรจน์ เป็นผู้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการดังกล่าวใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุทธิโรจน์ ตอบว่า เขาไม่ได้เป็นผู้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการดังที่ทนายจำเลยถาม
ร.ต.อ.บุญยงค์เบิกความว่า ได้รับทราบจากผู้บังคับบัญชาจากทางไลน์ว่า ชุดสืบสวนรายงานมาว่า เอกชัย และโชคชัยมีการโพสต์เฟซบุ๊กว่าจะไปเปิดเพลงประเทศกูมีที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบกให้ทหารฟังในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ร.ต.อ.บุญยงค์ ขยายความว่าแอปพลิเคชันไลน์ที่พูดถึงเป็นกรุ๊ปไลน์ของเจ้าหน้าที่ที่ผู้บังคับบัญชาใช้สั่งการ
สำหรับโพสต์ของเอกชัย และโชคชัย ร.ต.อ.บุญยงค์ระบุว่า ไม่ได้ไปเปิดดูเอง สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ร.ต.อ.บุญยงค์เบิกความว่าผู้บังคับบัญชามอบหมายให้เขาเป็นหัวหน้าสายตรวจมีหน้าที่นำกำลังไปรักษาความสงบที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก
ต่อมาในเวลาประมาณ 9.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เอกชัย และโชคชัยนัดหมายเพื่อทำกิจกรรม เห็นจำเลยทั้งสองมาถึงที่เกิดเหตุด้วยรถส่วนตัว พร้อมทั้งนำตุ๊กตาหมี และลำโพงขนาด 350 วัตต์มาด้วย ขณะนั้นผู้บังคับบัญชา ทั้งผู้กำกับ และรองผู้กำกับสน.นางเลิ้งต่างก็อยู่ในที่เกิดเหตุนอกจากนั้นก็มีสื่อมวลชนมารอทำข่าวด้วย
จากนั้นทั้งสองคนมีการปราศรัยเรื่องที่ ผบ.ทบ. ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และเรื่องเพลงหนักแผ่นดิน เมื่อทั้งสองคนปราศรัยเสร็จได้นำตุ๊กตาหมีมาจำลองเหตุการณ์พฤษภาทมิฬด้วยการนำตุ๊กตาหมีไปผูกกับต้นไม้ (เข้าใจว่าน่าจะเป็นการเบิกความโดยสับสนระหว่างเหตุการณ์พฤษภา 35 กับเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 - iLaw) จากนั้นก็เปิดเพลงประเทศกูมีด้วยเครื่องเสียงที่เตรียมมา
อัยการเปิดคลิปวิดีโอให้ร.ต.อ.บุญยงค์ดูแล้วถามว่า ร.ต.อ.บุญยงค์อยู่ในคลิปหรือไม่ ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า ตัวเขาไม่ปรากฎในคลิปแต่ยืนยันว่าอยู่ในที่เกิดเหตุ สำหรับการชุมนุมดำเนินไปประมาณ 20 นาทีจึงยุติ
ต่อมาระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังเปิดเพลงประเทศกูมีก็มีเสียงเพลงความฝันอันสูงสุดดังขึ้นมาจากนั้นผู้กำกับ และรองผู้กำกับสน.นางเลิ้งได้เชิญตัวเอกชัย และโชคชัยไปที่สน. ตัวเขาเดินทางไปที่สน.พร้อมกับเอกชัยและโชคชัย เมื่อไปถึงสน. พ.ต.ท.สุทธิโรจน์ รองผู้กำกับ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยทั้งสอง อัยการแถลงหมดคำถาม
ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่าตัวเขามีอำนาจจับกุมบุคคลที่กระทำความผิดซึ่งหน้า แต่ที่ไม่ได้จับกุมจำเลยทั้งสองเป็นเพราะผู้บังคับบัญชาแจ้งว่าให้เชิญตัวไปที่สน.เนื่องจากทั้งสองทำความผิด
ทนายจำเลยขอให้ร.ต.อ.บุญยงค์เล่าถึงสภาพสถานที่ในเช้าวันเกิดเหตุ ร.ต.อ.บุญยงค์เล่าว่า ในวันเกิดเหตุเขากับพวกนำรถกระบะของสน.นางเลิ้งไปขับวนตรวจการณ์รอบๆ หน้ากองบัญชาการกองทัพบก พบว่ามีเจ้าหน้าที่ประมาณ 20 นายประจำการอยู่ที่เกาะกลางถนนหน้ากองบัญชาการกองทัพบก
เมื่อทนายจำเลยถามในรายละเอียดว่า บริเวณหน้าป้ายกองทัพบกมีการกั้นแผงเหล็กไว้หรือไม่ ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า ไม่ทราบ ทนายจำเลยถามว่านอกจากเจ้าหน้าที่ของสน.นางเลิ้งแล้ว มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นร่วมปฏิบัติการด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า มีแต่จะมาจากสังกัดใดไม่ทราบ
ทนายจำเลยถามต่อว่า แล้วทราบหรือไม่ว่าขณะที่เอกชัยเดินเข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเดินมาด้วย ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า ขณะเกิดเหตุยังไม่ทราบ มาทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่สายสืบจากตำรวจนครบาล
ทนายจำเลยให้ร.ต.อ.บุญยงค์ดูคลิปวิดีโอแล้วถามว่า ตามคลิปวิดีโอที่ให้ดู ปรากฎภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนคล้องแขนอยู่ด้านหลังเอกชัยและโชคชัย กั้นระหว่างทั้งสองคนกับขอบทางเท้าที่จะข้ามไปกองบัญชาการกองทัพบกใช่หรือไม่ ร.ต.อ.บุญยงค์รับว่า ใช่
ทนายจำเลยถามว่าร.ต.อ.บุญยงค์ได้ไปร่วมคล้องแขนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นที่ล้อมจำเลยด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า ไม่ได้ร่วมคล้องแขนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ทนายจำเลยถาม ทนายจำเลยถามต่อว่าในวงที่จำเลยทั้งสองยืนอยู่ นอกจากผู้กำกับ และรองผู้กำกับสน.นางเลิ้งแล้วมีบุคคลอื่นอยู่กับจำเลยทั้งสองด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า ในบริเวณที่เจ้าหน้าที่ล้อมจำเลยทั้งสอง นอกจากผู้กับกับ และรองผู้กำกับสน.นางเลิ้งแล้วก็ไม่มีบุคคลอื่นยืนอยู่ข้างใน สำหรับผู้สื่อข่าวจะยืนอยู่ด้านนอกวงด้านหน้าจำเลยทั้งสอง
ทนายจำเลยถามต่อว่าร.ต.อ.บุญยงค์เคยฟังเพลงหนักแผ่นดินหรือเพลงประเทศกูมีหรือไม่ ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่าเขาไม่เคยฟังทั้งสองเพลง
ทนายจำเลยถามว่า ตอนที่รองผู้กำกับและผู้กำกับสน.นางเลิ้งเชิญตัวเอกชัย และโชคชัยไปที่สถานีร.ต.อ.บุญยงค์ได้ยินหรือไม่ว่าทั้งสองพูดคุยกับโชคชัย และเอกชัยว่าอะไรบ้าง ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า ไม่ได้ยิน ทนายจำเลยถามว่า ตอนที่เอกชัย และโชคชัยกำลังจะขึ้นรถตำรวจ เจ้าหน้าที่มีการดันตัวทั้งสองใช่หรือไม่ ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า อาจจะมีการดันกันบ้างเนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีปริมาณคนหนาแน่นทั้งเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าว ทนายจำเลยที่หนึ่งแถลงหมดคำถาม
ทนายจำเลยถามว่า ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งมีการประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อรับสถานการณ์ ร.ต.อ.บุญยงค์ ได้เข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า เขาไม่ได้ร่วมการประชุมเพราะการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมระดับสารวัตรขึ้นไป สำหรับการสั่งการให้มาปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ ร.ต.อ.บุญยงค์เบิกความว่า ได้รับการสั่งการผ่านทางไลน์
ทนายจำเลยถามว่า ระหว่างที่เอกชัย และโชคชัยเปิดเพลงประเทศกูมีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเพลงขึ้นแทรก ร.ต.อ.บุญยงค์ทราบหรือไม่เป็นเพลงอะไร ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า จำไม่ได้
ทนายจำเลยถามว่าจำเลยทัังสองมีการนำตุ๊กตาหมีมาด้วยแต่ถูกเจ้าหน้าที่ยึดไป ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่า ตอนที่อยู่ในที่เกิดเหตุตัวเขาไม่เห็นว่ามีการยึดตุ๊กตาหมี ร.ต.อ.บุญยงค์เบิกความด้วยว่าตามวิดีโอคลิปที่ทนายจำเลยเปิดให้ดู เหตุการณ์ตอนที่เอกชัย และโชคชัยถูกเชิญตัวขึ้นรถของตำรวจ ปรากฎภาพผู้กำกับการสน.นางเลิ้งจับแขนของเอกชัย ทนายจำเลยแถลงหมดคำถาม
อัยการถามว่า ที่ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบทนายจำเลยว่า ผู้กำกับสน.นางเลิ้งจับแขนเอกชัยตอนเชิญตัวไปที่สน.นางเลิ้ง เป็นการจับแขนแบบแน่นหรือจับลักษณะใด ร.ต.อ.บุญยงค์ตอบว่าเป็นลักษณะแตะตัวชี้ทางไปที่รถ ไม่ใช่จับแบบแน่น
พ.ต.อ.กัมปนาทเบิกความเกี่ยวกับพ.ร.บ.ชุมนุมฯว่า ในขณะที่เขาเป็นผู้กำกับฯสน.นางเลิ้ง มีหน้าที่รับแจ้งการชุมนุมที่จะจัดขึ้นในเขตรับผิดชอบของสน.นางเลิ้ง สำหรับประชาชนที่ประสงค์จะทำการชุมนุมก็สามารถทำได้แต่ต้องแจ้งการชุมนุมกับเจ้าหน้าที่เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมงก่อนการชุมนุม
การแจ้งการชุมนุมสามารถดำเนินการได้ทั้งทางแฟกซ์ อีเมล หรือมาแจ้งด้วยตัวเองที่สถานีตำรวจ
ในกรณีที่แจ้งการชุมนุมไม่ทันตามที่กฎหมายกำหนดผู้จัดการชุมนุมก็สามารถแจ้งขอผ่อนผันได้ เกี่ยวกับหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หลังรับแจ้งการชุมนุม พ.ต.อ.กัมปนาทเบิกความตอบอัยการว่า ผู้รับแจ้งการชุมนุมจะต้องทำเอกสารสรุปสาระสำคัญการชุมนุมส่งให้ผู้แจ้งการชุมนุมภายในเวลา 24 ชั่วโมงนับจากที่ได้รับแจ้งการชุมนุม
สำหรับอีเมลที่จะใช้ในการแจ้งการชุมนุม รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์หรือโทรสารที่จะใช้ติดต่อสน.นางเลิ้งเพื่อแจ้งการชุมนุม พ.ต.อ.กัมปนาทเบิกความว่า มีการประกาศไว้ทั้งบนเว็บไซต์อและติดป้ายประกาศที่บริเวณสถานี พ.ต.อ.กัมปนาทเบิกความด้วยว่าอในวัน และเวลาเกิดเหตุตัวเขาได้ไปดูแลเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุด้วย อัยการแถลงหมดคำถาม
ทนายจำเลยถามว่ามีบุคคลใดเข้าร่วมการประชุมบ้าง พ.ต.อ.กัมปนาทตอบว่า มีรองผู้กำกับฝ่ายสืบสวน ฝ่ายสอบสวน และฝ่ายปราบปรามร่วมประชุมเพื่อกำหนดแนวทางในการรับสถานการณ์
สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าว ทราบเพียงแต่ว่ามีฝ่ายข่าวของสน.นางเลิ้ง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวของนครบาล 1 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในที่เกิดเหตุ ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวตำรวจจากหน่วยงานอื่นหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวทหารมาร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วยหรือไม่นั้นไม่ทราบ
ส่วนที่ทนายจำเลยถามว่าจำเลยเขียนข้อความลักษณะดังกล่าวโดยมีเจตนาให้คนมาแนะนำเพลงในคอมเมนท์ใต้โพสต์หรือไม่นั้นเขาไม่ทราบเจตนาของเอกชัย
เมื่อทนายจำเลยให้ดูวิดีโอคลิปเหตุการณ์ พ.ต.อ.กัมปนาทเบิกความยืนยันว่า ภาพเหตุการณ์ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนคล้องแขนเป็นวงล้อมรอบเอกชัยและโชคชัย มีภาพของพ.ต.อ.กัมปนาท กับพ.ต.ท.สุทธิโรจน์ จารุสินธุพงศ์ รองผู้กำกับสน.นางเลิ้งในขณะนั้นปรากฎอยู่กับภาพร่วมกับเอกชัย และโชคชัยด้วย
ทนายจำเลยถามว่า ในวันเกิดเหตุที่มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลพื้นที่การชุมนุมเป็นไปเพื่ออำนวยความสะดวกกับคนที่มาชุมนุมใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กัมปนาทรับว่า ใช่
ทนายจำเลยถามต่อว่า วัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนดให้มีการแจ้งการชุมนุมเป็นไปเพื่ออะไร พ.ต.อ.กัมปนาทตอบว่า เพื่อรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้ชุมนุม และประชาชนทั่วไป
ทนายจำเลยถามว่า ทราบหรือไม่ว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มีบทบัญญัติเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน พ.ต.อ.กัมปนาทตอบว่า จำไม่ได้ว่ามีหรือไม่มี
ส่วนจำเลยทั้งสองจะเคยทำกิจกรรมลักษณะเดียวกับคดีนี้ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลหรือสำนักงานปปช. หรือไม่ตัวเขาไม่ทราบ และไม่ทราบว่าทั้งสองไม่เคยถูกแจ้งข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุมจากการทำกิจกรรมดังกล่าว
ทนายจำเลยถามว่า พ.ต.อ.กัมปนาทมีอำนาจจับกุมบุคคลที่กระทำความผิดซึ่งหน้าใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กัมปนาทรับว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่าที่กรณีนี้พ.ต.อ.กัมปนาทไม่ได้ทำการจับกุมจำเลยทั้งสองเป็นเพราะไม่ได้ทำความผิดใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กัมปนาทตอบว่า ที่ไม่ได้จับกุมเพราะได้เชิญตัวทั้งสองไปที่สน.เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาว่าการกระทำของทั้งสองเป็นความผิดหรือไม่แล้ว
ทนายจำเลยถามว่ากองบัญชาการกองทัพบก สำนักงานองค์การสหประชาชาติ และทำเนียบรัฐบาล อยู่ในการดูแลของสน.นางเลิ้งใช่หรือไม่ พ.ต.อ.กัมปนาทตอบว่าทำเนียบรัฐบาลอยู่ในความรับผิดชอบของสน.ดุสิต ส่วนพื้นที่สหประชาชาติ และกองบัญชาการกองทัพบกอยู่ในความรับผิดชอบของสน.นางเลิ้ง
ทนายจำเลยถามต่อว่าในการทำสรุปสถานการณ์มีการรายงานเรื่องกลุ่มคนฝั่งธนรักสันติมามอบดอกไม้ให้ ผบ.ทบ. หรือไม่ พ.ต.อ.กัมปนาทตอบว่าจำไม่ได้ ทนายจำเลยถามว่า กลุ่มคนฝั่งธนรักสันติที่มาให้กำลังใจ ผบ.ทบ. มีการแจ้งการชุมนุมหรือไม่ พ.ต.อ.กัมปนาทตอบว่าจำไม่ได้ ทนายจำเลยแถลงหมดคำถาม
อัยการถามว่า ที่เห็นว่าโพสต์ของเอกชัยที่เชิญชวนคนมาแนะนำเพลง แท้จริงแล้วเป็นการเชิญชวนคนมาชุมนุมเป็นเพราะเหตุใด พ.ต.อ.กัมปนาทตอบว่า เป็นเพราะในโพสต์ดังกล่าวมีการแจ้งวันเวลา และสถานที่ชุมนุมไว้ชัดเจน
อัยการถามว่าพื้นที่เกาะกลางถนนหน้ากองทัพบกซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ เป็นพื้นที่ที่ทางราชการจัดไว้ให้ประชาชนมายื่นหนังสือหรือเป็นพื้นที่สาธารณะที่คนใช้สัญจรไปมา พ.ต.อ.กัมปนาทตอบว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่ใช่พื้นที่สำหรับการยื่นหนังสือ อัยการแถลงหมดคำถาม
ขณะที่ทนายจำเลยทั้งสองแถลงต่อศาลว่าฝ่ายจำเลยมีคำถามจะถามพยานโจทก์ปากพนักงานสอบสวนจำนวนมาก น่าจะเลื่อนไปสืบพยานปากนี้ในวันถัดไป ขณะที่อัยการแถลงไม่คัดค้าน ศาลจึงสั่งให้เลื่อนการสืบพยานปากนี้ออกไปเป็นวันถัดไปคือวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 โดยให้สืบพยานปากนี้ก่อนสืบพยานจำเลย
จากการสอบสวนพบว่าบุคคลทั้งสองมีการโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะเชิญชวนประชาชนให้มาชุมนุมโดยมีการระบุว่าบุคคลทั้งสองจะมาชุมนุม อัยการให้พ.ต.ท.ไพรัชดูภาพบันทึกหน้าจอ ที่บันทึกมาจากสถานะของเอกชัย และโชคชัยที่โพสต์ข้อความว่าทั้งสองจะมาชุมนุม พ.ต.ท.ไพรัชเบิกความว่าภาพดังกล่าวเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเป็นผู้นำมามอบให้ตัวเขา
เอกชัยให้การรับสารภาพในข้อหานี้จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 200 บาท ส่วนข้อกล่าวหาไม่แจ้งการชุมนุมทั้งเอกชัย และโชคชัยให้การปฏิเสธ อัยการนำใบเสร็จรับเงินค่าปรับในความผิดฐานใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตของเอกชัยให้พ.ต.ท.ไพรัชยืนยันว่า ใบเสร็จดังกล่าวเป็นใบเสร็จที่เขาออกให้เอกชัยจริง
พ.ต.ท.ไพรัชเบิกความด้วยว่า ที่มีความเห็นสั่งฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นเพราะจำเลยทั้งสองมีการโพสต์ข้อความเชิญชวนให้ประชาชนมาชุมนุม และมีผู้ใช้เฟซบุ๊กข้อมาแชร์ข้อความเชิญชวนของจำเลยทั้งสอง แต่จำเลยทั้งสองกลับไม่แจ้งการชุมนุม อัยการแถลงหมดคำถาม
ทนายจำเลยถามต่อว่าการประชุมดังกล่าวพูดคุยกันเรื่องอะไร พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า เป็นการมอบนโยบายเพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ชุมนุม และประชาชนทั่วไป ทนายจำเลยถามว่าในการประชุมมีการมอบนโยบายเรื่องการจับกุมด้วยหรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า ไม่มี
ทนายจำเลยถามว่า ในวันเกิดเหตุผู้กล่าวหา หรือจำเลยทั้งสองเดินทางมาพบกับพ.ต.ท.ไพรัชก่อน พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่าทั้งผู้กล่าวหา และจำเลยมาพบกับเขาในเวลาเดียวกัน และระหว่างที่พ.ต.ท.สุทธิโรจน์กล่าวโทษจำเลยทั้งสองกับตัวเขาซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน จำเลยทั้งสองก็นั่งอยู่ด้วย
ทนายจำเลยถามว่า พ.ต.ท.ไพรัชเคยเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับพ.ร.บ.ชุมนุมฯหรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า เคย ทนายจำเลยถามว่า พ.ต.ท.ไพรัชสามารถแยกได้หรือไม่ว่า การกระทำใดเป็นการทำกิจกรรม การกระทำใดเป็นการชุมนุม พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า เขาสามารถแยกได้
ทนายจำเลยถามว่า ข้อความที่จำเลยที่หนึ่งโพสต์ไม่ได้มีลักษณะเป็นการชวนบุคคลอื่นมาร่วมชุมนุมใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่าใช่ แต่ก็มีข้อความส่วนที่เชิญชวนคนมาแนะนำเพลงซึ่งตัวเขาเข้าใจว่าเป็นการเชิญชวนบุคคลอื่นมาร่วมชุมนุม
ทนายจำเลยถามต่อว่า พ.ต.ท.ไพรัชทราบหรือไม่ว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าวเอกชัยมีเจตนาเชิญชวนให้คนมาแนะนำเพลงด้วยการตอบในคอมเมนท์ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า ไม่ทราบเจตนาของเอกชัย
การแจ้งข้อกล่าวหาครั้งนี้เป็นการแจ้งข้อกล่าวหานี้กับจำเลยทั้งสองเป็นครั้งแรกสำหรับเหตุที่เกิดในท้องที่สน.นางเลิ้ง
ทนายจำเลยถามว่า ในวันเกิดเหตุนอกจากกลุ่มของจำเลยทั้งสองที่มาทำกิจกรรมคัดค้าน ผบ.ทบ. แล้ว ก็มีกลุ่มคนมาทำกิจกรรมมอบดอกไม้ให้กำลังใจด้วย พ.ต.ท.ไพรัชได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลดังกล่าวหรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลดังกล่าว และไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนำบุคคลกลุ่มดังกล่าวมาส่งให้เขาตั้งข้อกล่าวหา
ทนายจำเลยถามว่า ในวันเกิดเหตุพ.ต.ท.ไพรัชอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยหรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า เขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ทนายจำเลยที่หนึ่งหมดคำถาม
ทนายจำเลยถามว่า ในบันทึกการแจ้งสิทธิมีการแก้ไขข้อความจากคำว่าถูกจับกุมเป็นถูกแจ้งข้อกล่าวหาใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า เป็นไปตามเอกสาร ทนายจำเลยถามต่อว่า ในการสอบปากคำพ.ต.ท.สุทธิโรจน์ พ.ต.ท.ไพรัชได้ถาม พ.ต.ท.สุทธิโรจน์ หรือไม่ว่า ได้รับการแต่งตั้งจาก ผบ.ตร. ให้เป็นเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมตามพ.ร.บ.ชุมนุมหรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า ไม่ได้ถาม
พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า เนื่องจากโพสต์ของโชคชัยมีการตั้งค่าเป็นสาธารณะที่คนทั่วไปสามารถอ่านได้
ทนายจำเลยให้พ.ต.ท.ไพรัชดูนิยามของพ.ร.บ.ชุมนุมฯแล้วถามว่า หากเป็นการกระทำที่คนทั่วไปเข้าร่วมไม่ได้ก็ไม่ถือเป็นการชุมนุมสาธารณะใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า นิยามของพ.ร.บ.ชุมนุมฯเป็นไปตามที่ปรากฎในตัวบท
ทนายจำเลยถามว่า ในการทำสำนวนคดีนี้ พ.ต.ท.ไพรัชได้เรียกผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 1 มาสอบปากคำหรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า ไม่ได้เรียก ทนายจำเลยถามว่า ได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบทั้งที่เป็นทหาร และตำรวจมาสอบปากคำหรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า ไม่ได้เรียก และไม่ได้เรียกเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนมาสอบปากคำ
ทนายจำเลยถามว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่นายใดคือผู้ควบคุมเหตุการณ์ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า พ.ต.อ.กัมปนาทคือผู้ดูแลสถานการณ์ ทนายจำเลยที่สองแถลงหมดคำถาม
อัยการถามว่า ข้อความที่เอกชัยโพสต์ไม่ได้มีลักษณะเป็นการปิดกั้นไม่ให้บุคคลอื่นมาร่วมการชุมนุมใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่าใช่ อัยการถามต่อว่า ข้อความที่จำเลยบอกให้คนมาแนะนำเพลงก็ไม่ได้มีการระบุว่าให้มาแนะนำไว้บนคอมเมนท์ใต้โพสต์ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า ใช่
อัยการถามว่า ที่ทนายจำเลยถามว่า ไม่มีการดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่มาให้กำลังใจ ผบ.ทบ. พ.ต.ท.ไพรัชก็ไม่ทราบใช่ หรือไม่ว่า จะมีเจ้าหน้าที่คนอื่นดำเนินการใดๆหรือเปล่า พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า ใช่
อัยการถามว่าที่ทนายจำเลยถามถึงการแก้ไขข้อความบนบันทึกการแจ้งสิทธิ แท้ที่จริงเป็นอย่างไร พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า เป็นเพียงการแก้ไขให้สอดคล้องกับเอกสารบันทึกเหตุการณ์ประจำวันซึ่งจำเลยทั้งสองก็ได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วย
อัยการถามว่า การชุมนุมสาธารณะ หากมีการประกาศต่อสาธารณะแม้ในการชุมนุมจริงจะมีเพียงสื่อมาทำข่าวก็ถือว่าเป็นการชุมนุมสาธารณะแล้วใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ไพรัชตอบว่า ใช่ อัยการแถลงหมดคำถาม และแถลงหมดพยาน
เอกชัยเบิกความเกี่ยวกับการใช้งานเฟซบุ๊กว่า ทุกอย่างที่เขาโพสต์บนเฟซบุ๊กจะเป็นการโพสต์ต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตามในการรับบุคคลใดเป็นเพื่อนบนเฟซบุ๊กจะรับเฉพาะคนรู้จักเท่านั้น เพราะกลัวมีคนมาโพสต์ข้อความ หรือภาพที่ผิดกฎหมาย เอกชัยเบิกความด้วยว่า ตัวเขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตามบนเฟซบุ๊ก โดยเจ้าหน้าที่ที่มาติดตามมักจะเป็นบัญชีเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อหรือภาพประกอบปลอม
เอกชัยเบิกความต่อว่า ในช่วงต้นปี 2561 เขาทำกิจกรรมเกี่ยวกับนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนที่จะทำกิจกรรมเขามักจะโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กแจ้งเจ้าหน้าที่ และผู้สื่อข่าวทุกครั้ง
ทนายจำเลยถามว่า ในการไปทำกิจกรรมเรื่องนาฬิกาเอกชัยมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยหรือไม่ เอกชัยตอบว่า เขาจะแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยทุกครั้ง เช่น เคยทำป้ายไวนิลเป็นรูปนาฬิกาหรูไปยืนถือ
ทนายจำเลยถามว่า เวลาเอกชัย และโชคชัยไปทำกิจกรรมกันสองคนเคยแจ้งการชุมนุมหรือไม่ เอกชัยตอบทนายว่า เขาไม่เคยแจ้งการชุมนุมเพราะเป็นการไปทำกิจกรรมกันสองคนจึงไม่ใช่การชุมนุม เอกชัยเบิกความด้วยว่า เมื่อครั้งที่มีคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ห้าคนบังคับใช้ เขาจะไปทำกิจกรรมกับโชคชัยสองคนเพื่อไม่ให้เกินจำนวนที่ห้ามชุมนุม
ซึ่งหลังจากนั้น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกก็ให้สัมภาษณ์ว่าให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน และยังสั่งการให้นำเพลงหนักแผ่นดินไปเปิดในคลื่นวิทยุของกองทัพบก
เอกชัยเบิกความต่อว่า เมื่อทราบข่าวนี้ก็ได้ไปหาข้อมูลเพลงหนักแผ่นดิน ก็พบว่าเป็นเพลงที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มีการปราบปรามนักศึกษา
ซึ่งเมื่อคิดดังนั้นเขาก็โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเพื่อแจ้งข่าวว่าจะไปเปิดเพลงประเทศกูมี สำหรับเหตุที่เลือกเปิดเพลงประเทศกูมีเป็นเพราะมีเนื้อหาสะท้อนสังคม เอกชัยเบิกความว่า แนวคิดของ ผบ.ทบ. เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ในเวลาต่อมา ผบ.ทบ. จึงสั่งให้ยกเลิกการเปิดเพลงหนักแผ่นดิน
เอกชัยเบิกความด้วยว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งบอกกับเขาว่าไม่ให้ทำกิจกรรมตรงป้ายแต่ให้มาทำตรงจุดเกิดเหตุแทน เอกชัยเบิกความต่อว่าเมื่อเขามาถึงที่เกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเดินมาหาเขาที่รถยนต์ เจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นเป็นคนพาเอกชัยเดินข้ามถนนไปที่เกาะกลางถนนซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ
ทนายจำเลยถามว่า เอกชัยทราบได้อย่างไรว่าบุคคลที่เดินมาหาเขาที่รถเป็นเจ้าหน้าที่ ทั้งๆ ที่บุคคลเหล่านั้นไม่ได้สวมเครื่องแบบ เอกชัยตอบว่า เขาเคยรู้จักคนเหล่านั้นโดยเคยพบกันเมื่อเขาทำกิจกรรมครั้งก่อนๆ
ทนายจำเลยถามเอกชัยว่า ในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติการอย่างไร เอกชัยตอบว่าเจ้าหน้าที่มีการยืนคล้องแขนล้อมเขากับโชคชัยในลักษณะเป็นเกือกม้า ทำให้บุคคลอื่นๆ ไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่ได้ สำหรับบริเวณที่เขาหันหน้าออกไปซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่ยืนคล้องแขนก็มีผู้สื่อข่าวหลายคนยืนล้อมอยู่ เขากับโชคชัยจึงถูกล้อมอยู่ในวงที่ครึ่งหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อีกครึ่งหนึ่งเป็นนักข่าว
เอกชัยเบิกความด้วยว่า เมื่อเจ้าหน้าที่มาแย่งตุ๊กตาเขาก็โวยวายออกมาด้วยความโกรธ แต่ก็ทำกิจกรรมต่อโดยทำท่าใช้เก้าอี้ตีโชคชัยแทนตุ๊กตาหมีที่ถูกแย่งไป
ทนายจำเลยถามว่า เจ้าหน้าที่เข้ามาบอกให้เอกชัยไปเอาตุ๊กตาคืนตอนไหน เอกชัยตอบว่า ตอนที่เขากำลังทำท่าเอาเก้าอี้ตีโชคชัย ซึ่งเขาก็บอกเจ้าหน้าที่ไปว่าทำไมต้องไปเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
ทนายจำเลยขอให้เอกชัยเบิกความถึงเหตุการณ์ขณะที่ตำรวจเชิญตัวเขาขึ้นรถไปที่สน.นางเลิ้ง เอกชัยเบิกความว่า เขาจำเหตุการณ์โดยละเอียดไม่ได้ จำได้ว่าตำรวจตั้งแถวคล้ายกั้นเส้นทางเดินให้เขาไปที่รถของตำรวจ เมื่อขึ้นรถมีตำรวจมานั่งด้านหลังกับเขา และโชคชัย เอกชัยเบิกความด้วยว่า เห็นตุ๊กตาหมีของเขาอยู่ท้ายรถตำรวจ
เอกชัยตอบคำถามค้านอัยการว่า เฟซบุ๊กของเขาใช้งานในลักษณะเฟซบุ๊กสาธารณะ มีผู้ติดตามเฟซบุ๊กของเขาประมาณ 10000 คน ขณะที่สื่อมวลชนบางคนก็ติดตามความเคลื่อนไหวหรือการทำกิจกรรมของเขาผ่านทางเฟซบุ๊ก
อัยการถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่สื่อมวลชนจะทราบเรื่องการทำกิจกรรมของเอกชัยจากเฟซบุ๊ก และติดตามมา เอกชัยตอบว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น อัยการถามต่อว่า หากเอกชัยต้องการทำกิจกรรมเป็นการส่วนตัวก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องโพสต์บนเฟซบุ๊กใช่หรือไม่ เอกชัยตอบว่า การโพสต์เฟซบุ๊กเป็นสิ่งที่เขาตกลงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนว่าจะใช้เป็นช่องทางสื่อสาร
นอกจากนั้นตัวเขาเคยถูกทำร้ายจากการทำกิจกรรม การโพสต์เฟซบุ๊กจึงเป็นการสื่อสารถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาคอยดูแลความปลอดภัยให้เขาด้วย แต่ในการทำกิจกรรมก็มีแค่เขากับโชคชัยเท่านั้น
อัยการถามเอกชัยถึงข้อความที่บอกให้คนอื่นมาแนะนำเพลงว่าข้อความดังกล่าวเอกชัยไม่ได้เขียนว่าให้คนมาคอมเมนท์ชื่อเพลงไว้ท้ายโพสต์ใช่หรือไม่ เอกชัยตอบว่า ถึงแม้จะไม่ได้เขียนแต่อ่านข้อความนั้นแล้วก็ไม่น่าจะเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้ จึงไม่ได้เขียนไว้ให้ซับซ้อน
อัยการถามว่า หากมีคนเห็นด้วยกับกิจกรรมของเอกชัย และอยากแนะนำเพลงก็สามารถมาบอกเอกชัยในที่ชุมนุมได้ใช่หรือไม่ เอกชัยตอบว่า ไม่ได้เพราะหากมาบอกหน้างานเขาก็ไม่สามารถจะเตรียมเพลงมาได้ทัน อัยการถามว่า ที่ผ่านมาเวลาเอกชัยไปยื่นหนังสือจะไม่ได้แจ้งการชุมนุม แต่กิจกรรมที่เป็นเหตุในคดีนี้ไม่ใช่การยื่นหนังสือใช่หรือไม่ เอกชัยตอบว่า การเปิดเพลงก็เป็นการยื่นหนังสือรูปแบบหนึ่ง
อัยการถามว่า บริเวณป้ายหน้ากองทัพบกเป็นพื้นที่สาธารณะที่คนเดินไปเดินมาได้ใช่หรือไม่ เอกชัยรับว่าใช่ เอกชัยตอบอัยการด้วยว่า ในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมตัวเขากับโชคชัยไว้ จึงต้องทำกิจกรรมกันเพียงสองคน
เอกชัยเบิกความตอบทนายด้วยว่าเขาเคยมาทำกิจกรรมที่กองทัพบกครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่จัดให้เขายืนตรงข้างๆ ป้ายกองทัพบกซึ่งบริเวณดังกล่าวไม่กีดขวางทั้งคนที่ต้องการเข้าออกกองทัพบก และคนที่สัญจรไปมา
ก่อนหน้านี้เอกชัยเคยถูกทำร้ายร่างกายระหว่างเดินทางไปทำกิจกรรมและไปที่ศาล เขาจึงขอให้เจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดภัยระหว่างมาศาลในวันนี้
เอกชัยยังมีการโพสต์ข้อความเชิญชวนให้คนมาแนะนำเพลงที่อยากให้เขานำไปเปิดให้ผบ.ทบ.ฟังบนเฟซบุ๊กของเขาด้วย
เมื่อไม่ปรากฎว่าทั้งสองแจ้งการชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า จำเลยทั้งสองจึงมีความผิด ให้ลงโทษปรับคนละ 2000 บาท
จากนั้นศาลอ่านคำพิพากษาโดยย่อ พิพากษายืนลงโทษปรับจำเลยทั้งสองคนละ 2000 บาทโดยศาลอุทธรณ์ให้เหตุผลว่า การกระทำของจำเลยที่สองเข้าข่ายเป็นการชุมนุมสาธารณะ และจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการชุมนุมจริง เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองไม่แจ้งการชุมนุมการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงถือเป็นความผิด
สรุปคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เมื่อตรวจสอบพบว่าวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 9.02 น.โชคชัยจำเลยที่สองทำการโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับกิจกรรมดังกล่าวต่อมา เวลา 16.00 น. เอกชัยจำเลยที่หนึ่งโพสต์ข้อความชักชวนโชคชัยจำเลยที่สองในการทำกิจกรรมดังกล่าว โดยระบุสาเหตุว่า
มาจากการกองทัพบกได้สั่งการให้สถานีวิทยุทั่วประเทศกว่า 100 สถานีเปิดเพลงหนักแผ่นดิน โดยจำเลยทั้งสองจะทำกิจกรรมที่หน้ากองทัพบกในวันที่20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 9.30 น.
จำเลยทั้งสองเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมเครื่องขยายเสียง, เก้าอี้พลาสติก และตุ๊กตาหมีมาด้วย พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ แจ้งโชคชัยจำเลยที่สอง โดยมีเอกชัยจำเลยที่หนึ่ง ยืนอยู่ข้างๆ ว่า การกระทำของทั้งสองเป็นการชุมนุมสาธารณะต้องแจ้งการชุมนุมล่วงหน้า 24 ชั่วโมงก่อนการชุมนุม
โชคชัยกล่าวว่าเขาและเอกชัยยังไม่ได้แจ้งการชุมนุม พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ จึงกล่าวต่อโชคชัยจำเลยที่สองอีกครั้งว่า ถ้าไม่แจ้ง การชุมนุมจะไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่จำเลยทั้งสองเดินไปที่ใต้ต้นมะขามพูดคุยกับประชาชนบริเวณดังกล่าวมีการกล่าวถึงการรัฐประหาร 2519 และเปิดเพลงประเทศกูมีไปด้วย
ต่อมา พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ กล่าวอีกครั้งว่าไม่ได้รับแจ้งการชุมนุมกิจกรรมดังกล่าวจึงผิดตามกฎหมายแต่จำเลยทั้งสองยืนยันว่าจะทำกิจกรรมต่อไปจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวจำเลยทั้งสองส่ง สน.นางเลิ้ง
ขณะที่โชคชัยจำเลยที่สอง ก็ระบุว่าการจัดกิจกรรมนั้นเป็นไปเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่บริเวณหน้าป้ายกองทัพบกประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้จึงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองต้องการจัดกิจกรรมต่อสาธารณะถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชักชวนประชาชนเข้าร่วมโดยตรงก็ตาม
เอกชัยจำเลยที่หนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กทำนองว่าเอกชัย และโชคชัย จะไปที่หน้ากองทัพบกเพื่อเปิดเพลงประเทศกูมีให้ทหารฟังใครมีเพลงอื่นแนะนำเชิญได้เป็นการประกาศว่าจำเลยทั้งสองจะทำการจัดกิจกรรมต่อมาวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 ได้มีการโพสต์อีกว่าวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 09.30 น. จะจัดกิจกรรมเปิดเพลงประเทศกูมี
เฟซบุ๊กที่โพสต์ข้อความดังกล่าวตั้งค่าเป็นสาธารณะประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้จึงเป็นการแจ้งยืนยันให้ทราบวันเวลาและสถานที่ในที่สาธารณะอย่างชัดเจนไม่ได้มีการห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมจึงถือเป็นการเชิญชวนนัดหมายให้มาร่วมกิจกรรม
ดังนั้น การชุมนุมสาธารณะจึงเป็นการรวมตัวของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อสนับสนุน เรียกร้อง หรือคัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยแสดงออกต่อประชาชนทั่วไป และประชาชนทั่วไปสามารถเข้าร่วมการชุมนุมกับจำเลยทั้งสองได้
เจ้าหน้าที่เพิ่งมาคล้องแขนล้อมจำเลยทั้งสองเมื่อมีเจ้าพนักงานแจ้งกับจำเลยทั้งสองว่าการชุมนุมของจำเลยทั้งสองเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบ เพื่อควบคุมตัวจำเลยทั้งสอง และเป็นเหตุที่เกิดขึ้นตอนท้ายของการชุมนุมเท่านั้น
ภาพ cover จากเฟซบุ๊ก ฟอร์ด เส้นทางสีแดง