- เว็บไซต์ไอลอว์
- ศูนย์ข้อมูลฯ
ฐานข้อมูลคดี

ชื่อคดี
ผู้ต้องหา
วันเพ็ญ ชื่อเล่นว่า พลอย
สถานะคดี
คำอธิบายสถานะคดี ภาษาไทย
อื่นๆ
สถานะผู้ต้องหา
ถอนฟ้อง / จำหน่ายคดี
ข้อหา / คำสั่ง
มาตรา 14 (1) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ , มาตรา 326 / 328 ประมวลกฎหมายอาญา
เนื้อหาคดีโดยย่อ
ภูมิหลังผู้ต้องหา
บริษัท ทุ่งคำ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับสิทธิในการสำรวจและพัฒนาแหล่งแร่ทองคำ และได้ประทานบัตรในการทำเหมืองแร่ทองคำและทองแดง กระทรวงอุตสาหกรรม ในพื้นที่อำเภอวังสะพุง อำเภอเมือง จังหวัดเลย และมีสำนักงานสาขาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต
บริษัท ทุ่งคำ จำกัด มีกรรมการหกคน คือ นายชนะ วงศ์สุภาพ นายปราโมทย์ บันสิทธิ์ นายบัณฑิต แสงเสรีธรรม นายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล นายวิชัย เชิดชีวศาสตร์ และนายธนภูมิ เดชเทวัญดำรง
ข้อกล่าวหา
หมิ่นประมาท, เผยแพร่ส่งต่อข้อความละเมิดกฏหมาย
-
รูปแบบการจำกัดเสรีภาพ
การดำเนินคดี
-
ประเภทสื่อ
โทรทัศน์
-
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
-
ศาล
ศาลอาญา
-
หมายเลขคดีดำ
เลขคดีดำคือเลขที่ศาลออกเมื่อประทับรับฟ้องคดี
ชั้นศาล: ศาลอาญา No: อ.3756/2558
หากการจัดค่ายเยาวชนเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาเยาวชนให้รักบ้านเกิด กลับถูกคุกคามคัดค้านโดยผู้มีอำนาจ แล้วสังคมไทยจะเหลือเสรีภาพให้ทำอะไรได้บ้าง
2. เจ้าหน้าที่รัฐต้องเคารพสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ที่ถูกรับรองโดยปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้
3. ทางคณะผู้จัดขอยืนยันว่า จะจัดกิจกรรมต่อเนื่องต่อไปตามแผนการเรียนรู้ที่ได้ออกแบบไว้ เพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชน
4. เหตุการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการจัดค่ายเยาวชนฯ ครั้งนี้ ถือเป็นความรับผิดชอบของคณะผู้จัดในนามของเครือข่ายคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมเท่านั้น
นัดไต่สวนมูลฟ้อง พยานโจทก์คนที่ 1 นายสรพงษ์ ลิมปัชโยพาส ตำแหน่งรักษาการกรรมการบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ครั้งที่ 1 เบิกความต่อศาล
เวลา 9 นาฬิกา ที่ห้องพิจารณาคดี 812 ศาลอาญาสั่งยกฟ้อง ศาลพบว่า หลายหน่วยงานระบุตรงกันถึงการตรวจพบสารไซยาไนด์ในแหล่งน้ำ ทำให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ไม่ได้ และศาลยืนยันจำเลยทำหน้าที่สื่อนำเสนอปัญหา เป็นการวิจารณ์โดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
21 พฤษภาคม 2561
สำนักข่าวพลเมืองไทยพีบีเอสรายงานว่า นัดพร้อมคดี จำเลยทั้ง 5 คน เดินทางมาศาล ประกอบด้วย 1.วิรดา แซ่ลิ่ม ผู้ดำเนินรายการช่วงข่าวพลเมือง 2.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) โดยรศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล เป็นผู้แทน 3.สมชัย สุวรรณบรรณ อดีต ผอ.ส.ส.ท. 4.ก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าว และ 5.โยธิน สิทธิบดีกุล ผู้อำนวยการสำนักโทรทัศน์และวิทยุ
จำเลยทั้ง 5 แถลงขอให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ตลอดข้อกล่าวหา พร้อมยื่นขอพิจารณาคดีลับหลังจำเลย ผู้บริหารไทยพีบีเอส แถลงต่อศาลยืนยันในภารกิจของไทยพีบีเอสที่นำเสนอข้อมูลที่สมดุล ให้เสียงของประชาชนได้มีโอกาสพูดโดยสุจริตใจ ศาลได้แจ้งให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่าย ไกล่เกลี่ยหาข้อยุติในคดี เนื่องจากข้อหานั้นไม่ร้ายแรงและเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ โดยเริ่มวันนัดไกล่เกลี่ยเป็นวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.00 น.
รัษฎา มนูรัษฎา ทนายจำเลยในคดีกล่าวว่า แนวทางต่อสู้คดีของจำเลยจะเป็นการต่อสู้ว่าจำเลยเป็นสื่อสาธารณะ และเป็นองค์กรที่ต้องทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะ และสะท้อนปัญหาเรื่องของคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อมของประชาชนซึ่งก็เป็นเรื่องสำคัญ ถือว่าเป็นประเด็นสาธารณะที่มีความจำเป็นที่จะต้องนำเสนอต่อประชาชน
รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผอ.ส.ส.ท. กล่าวว่า ในฐานะสื่อสาธารณะ เราต้องยืนยันในภารกิจของเรา ในเรื่องของการเสนอข้อมูลที่สมดุล และการให้เสียงของประชาชนที่เขาได้รับผลกระทบจากเรื่องของสิ่งแวดล้อม เรื่องของทรัพยากรได้มีโอกาสที่จะได้พูดโดยสุจริตใจ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของไทยพีบีเอสก็คือมาแสดง มายืนยันในภารกิจนี้ของสื่อสาธารณะ
13 กรกฎาคม 2561
นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครั้งที่ 1
สำนักข่าวพลเมืองไทยพีบีเอสรายงานว่า บุคคลที่เดินทางมาศาล ประกอบด้วย ทนายความของจำเลยทั้ง 5 คน, นางสาวสุวรรณา สมบัติรักษาสุข รอง ผอ.ส.ส.ท. ในฐานะผู้แทนไทยพีบีเอส, นางสาววิรดา แซ่ลิ่ม จำเลยที่ 1, นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผอ.สำนักข่าว จำเลยที่ 4, นางสลิลโรจน์ โชติลภัส ในฐานะผู้แทนนายประกัน, นายสมเกียรติ จันทรสีมา ผอ.สำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ ขณะที่ฝั่งโจทก์มีเพียงนายฐปนรรฆ์ คามวัลย์ ทนายโจทก์ที่มาศาล ส่วนผู้บริหารของ บริษัท ทุ่งคำ ไม่ได้มาศาล
ทนายโจทก์พูดคุยกับทนายจำเลยและจำเลยว่า ทางบริษัท ทุ่งคำ ตอนนี้มีผู้บริหารเข้ามาใหม่ ซึ่งยังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียดว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับคดีนี้ แต่มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะมีทางตกลงกันได้ที่จะหาทางออกร่วมกันเพราะคดีนี้เป็นคดีกันมาหลายปีแล้ว ประกอบกับผู้บริหารใหม่อาจมีแนวทางที่ดีที่จะนำเสนอให้ทุกฝ่ายพอใจ จึงขอเลื่อนการไกล่เกลี่ยไปอีกครั้งในวันที่ 2 สิงหาคม 2561 เวลา 13.30 น.
2 สิงหาคม 2561
นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครั้งที่ 2
โจทก์และจำเลยได้พูดคุยกันเพื่อหาทางออกทางคดี โดยฝ่ายจำเลยนำเสนอให้มีการทำข่าวเล็กๆ เบื้องต้น เพื่อเปิดโอกาสให้โจทก์ได้ชี้แจงข้อสงสัยกับชาวบ้านในพื้นที่ และยินดีที่จะทำข่าวที่เป็นข้อเท็จจริงที่ทางโจทก์ต้องการนำเสนอกับชาวบ้านให้ได้รับทราบ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการพูดคุยและนำเสนอกรรมการของฝ่ายโจทก์ จึงขอเลื่อนการไกล่เกลี่ยไปอีกครั้งในวันที่ 21 กันยายน 2561 เวลา 9.00 น. และในการเจรจาครั้งนี้ทางโจทก์ยินดีที่จะถอนคำร้องทุกข์ต่อ น.ส.วันเพ็ญ หรือ “น้องพลอย” ซึ่งเป็นคดีอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนด้วย
28 สิงหาคม 2561
บริษัททุ่งคำฯ เปิดพื้นที่เหมืองทองให้กลุ่มชาวบ้านเข้าเก็บภาพและข้อมูลในพื้นที่สัมปทานการทำเหมืองแร่ของบริษัท และยังได้เปิดโอกาสให้ไทยพีบีเอสเข้าร่วมเก็บภาพและสัมภาษณ์ผู้บริหารเพื่อสื่อสารผ่านช่องทางสื่อสาธารณะด้วย
การลงพื้นที่ดังกล่าว สืบเนื่องจากการไกล่เกลี่ยในคดีที่ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน ผู้ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ 165 คน ทำการฟ้องคดีกับบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ต่อศาลจังหวัดเลย ในคดีหมายเลขดำที่ สว.(พ) 1/2561 ให้บริษัทฯ ดำเนินการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กลับคืนมาใกล้เคียงกับสภาพเดิม รวมทั้งการตั้งกองทุนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และดำเนินการชดเชยค่าเสียหายและค่าขาดรายได้จากการสูญเสียของระบบนิเวศ แหล่งอาหาร แหล่งน้ำ สุขภาพจิต และสุขภาพกาย
21 กันยายน 2561
นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครั้งที่ 3
หลังการลงพื้นที่ในวันที่ 27-29 ส.ค. 2561 โจทก์และจำเลยหารือกันเกี่ยวกับสกู๊ปข่าวความยาว 10 นาที ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561 ในรายการบ่ายโมงตรงประเด็น ทั้งนี้ ทางกรรมการบริษัทโจทก์รับว่าในวันที่ 27 กันยายน 2561 จะนำเรื่องที่ได้พูดคุยกันไปนำเสนอกรรมการชุดใหม่ เพื่อลงความเห็นว่าควรต้องฟ้องจำเลยหรือไม่ และจะนำมติมาบอก จึงขอเลื่อนการไกล่เกลี่ยไปอีก 1 นัด ไปเป็นวันที่ 10 ตุลาคม 2561 เวลา 09.00 น.
10 ตุลาคม 2561
นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครั้งที่ 4
โจทก์ระบุว่า การลงพื้นที่สัมภาษณ์และนำเสนอข่าวทำให้ทางกรรมการผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้เห็นความจริงใจในการแก้ไขข้อผิดพลาดของจำเลยและเห็นด้วยในการถอนฟ้องคดี แต่มีเงื่อนไขให้ลงข้อความเป็นตัววิ่ง
ทั้งนี้ การพูดคุยนำไปสู่การร่างข้อความตัววิ่งที่บริษัทต้องการชี้แจงต่อสังคมและให้มีการกำหนดที่แน่ชัดว่า เมื่อนำเสนอไปแล้วบริษัทฯ จะดำเนินการถอนฟ้องคดี โดยตัววิ่งจะถูกเผยแพร่ผ่านหน้าจอไทยพีบีเอสในวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ช่วงข่าวเที่ยง เป็นจำนวน 2 รอบ นอกจากนี้นายไพโรจน์ นวานุช ผู้พิพากษา ในฐานะผู้ประนีประนอม ได้ให้เลื่อนการไกล่เกลี่ยออกไปอีกครั้งเป็นวันที่ 24 ตุลาคม 2561 เวลา 09.00 น.
24 ตุลาคม 2561
นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครั้งที่ 5
ผู้ถือหุ้นและกรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท ทุ่งคำ จำกัดไม่ได้เดินทางมาศาลเนื่องจากมีนัดสืบพยานในคดีที่ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด จ.เลย ฟ้องบริษัททุ่งคำ จำกัด ข้อหาหรือฐานความผิดละเมิด เรียกค่าเสียหาย ในขณะที่ทนายจำเลยที่ 3, 4 และ 5 ติดภาระกิจไม่ได้มาศาลเช่นกัน แต่ได้แถลงไว้ในการไกล่เกลี่ย ครั้งที่ 4 แล้วว่า ไม่คัดค้านหากโจทก์ต้องการถอนฟ้อง
ทั้งนี้ จากการที่โจทก์ไม่ได้เดินทางมาศาลในวันนี้และยังไม่ได้เห็นข้อความตัววิ่งที่มีการออกอากาศไปแล้ว จึงขอให้เลื่อนนัดไกล่เกลี่ยไปอีก 2 สัปดาห์ ทนายจำเลยที่ 2 และทนายโจทก์จึงตกลงกันต่อหน้าผู้ประนีประนอมให้เลื่อนนัดไกล่เกลี่ยไปเป็นวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 เวลา 9.00 น.
13 พฤศจิกายน 2561
นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครั้งที่ 6
นายสิริพงศ์ สะอาดบุตร ผู้ถือหุ้นและกรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด และนายฐปนรรฆ์ คามวัลย์ ทนายโจทก์ ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่มีผู้รับมอบฉันทะทนายโจก์เดินทางมาศาล ในขณะที่ทนายจำเลยที่ 3 และ 4 ติดภารกิจไม่ได้มาศาลเช่นกัน แต่ได้แถลงไว้ในการไกล่เกลี่ยครั้งที่ 4 แล้วว่า ไม่คัดค้านหากโจทก์ต้องการถอนฟ้อง
ผู้รับมอบฉันทะทนายโจก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้ง 5 โดยในรายงานกระบวนการพิจารณา ระบุว่า นัดไกล่เกลี่ยวันนี้ศาลและผู้ประนีประนอมได้ทำการไกล่เกลี่ยแล้ว คดีสามารถตกลงกันได้ โจทก์ถอนฟ้องเนื่องจากจำเลยทั้ง 5 สามารถปฏิบัติได้ตามที่ตกลงกันไว้ และฝ่ายโจทก์จะไปถอนคำร้องทุกข์ในกรณีของน.ส.วันเพ็ญ หรือ “น้องพลอย” ที่สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี ภายใน 15 วัน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีสามารถตกลงกันได้ จึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้ง 5 ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ