- เว็บไซต์ไอลอว์
- ศูนย์ข้อมูลฯ
ฐานข้อมูลคดี

ชื่อคดี
ผู้ต้องหา
ประจักษ์ชัย
สถานะคดี
คำอธิบายสถานะคดี ภาษาไทย
อื่นๆ
สถานะผู้ต้องหา
อื่นๆ(จำเลยเสียชีวิตก่อนคดีสิ้นสุด)
ข้อหา / คำสั่ง
มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา
เนื้อหาคดีโดยย่อ
19 กุมภาพันธ์ 2558 ประจักษ์ชัยเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมที่ทำเนียบรัฐบาล คำร้องที่เขายื่นถูกมองว่าเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ เขาจึงถูกจับกุมตัว ญาติเชื่อว่าประจักษ์ชัยทำความผิดไปเพราะมีอาการทางจิต ประจักษ์ชัยถูกส่งตัวไปตรวจรักษาอาการทางจิตที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ แล้วพบว่ามีอาการหลงผิดชัดเจน มีความเชื่อที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นโรคจิตเภท
ขั้นแรกศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว เนื่องจากจำเลยวิกลจริตไม่สามารถต่อสู้คดีได้ โดยให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 100,000 บาท ต่อมาศาลไต่สวนแพทย์แล้วสั่งให้ยกคดีกลับมาพิจารณาต่อ คดีดำเนินไปอย่างเชื่องช้าที่ศาลทหารกรุงเทพ เป็นเวลานานกว่า 4 ปีเต็ม
ระหว่างที่การสืบพยานโจทก์ดำเนินไปถึงปากที่แปด ซึ่งเป็นปากสุดท้าย ประจักษ์ชัยเสียชีวิตลงด้วยโรคตับ ซึ่งเป็นโรคประจำตัวของเขาอยู่ก่อนแล้ว ขณะเดียวกัน คสช. ก็สั่งยกเลิกการเอาพลเรือนขึ้นศาลทหาร คดีจึงโอนไปยังศาลอาญา และศาลอาญาสั่งจำหน่ายคดีในเดือนธันวาคม 2562
ภูมิหลังผู้ต้องหา
ประจักษ์ชัย เป็นช่างขัดอลูมิเนียมที่โรงงานแห่งหนึ่งซึ่งเพื่อนของเขาเป็นเจ้าของ ขณะถุกจับกุมเขาอายุ 41 ปี ประจักษ์ชัยมีปัญหาสุขภาพเป็นโรคตับแข็ง
พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดุสิต เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้
ข้อกล่าวหา
หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท
-
รูปแบบการจำกัดเสรีภาพ
การดำเนินคดี
-
ประเภทสื่อ
อื่นๆ
-
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
-
ศาล
ศาลทหารกรุงเทพ
-
หมายเลขคดีดำ
เลขคดีดำคือเลขที่ศาลออกเมื่อประทับรับฟ้องคดี
ชั้นศาล: ศาลชั้นต้น No: 148 ก./2558
ประจักษ์ชัยเดินทางมาทำเนียบรัฐบาลเพื่อเข้าพบและยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่นำกระดาษมาให้ประจักษ์ชัยเขียนข้อร้องเรียน เมื่อประจักษ์ชัยเขียนเสร็จและนำส่งเจ้าหน้าที่ เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวทันทีเพราะข้อร้องเรียนของเขาถูกมองว่าเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ
ประจักษ์ชัยถูกควบคุมตัวในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 ทันทีที่เขายื่นข้อหนังสือร้องเรียน ประจักษ์ชัยถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต และได้รับการปล่อยตัวหลังการสอบปากคำ
เขาถูกจับตัวอีกครั้งในช่วงค่ำ ขณะที่เขากำลังเดินทางไปที่โรงงานเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดักรอและเรียกเขาลงจากรถสองแถว จากนั้นจึงนำตัวกลับไปทำประวัติและควบคุมตัวไว้ที่สน.ดุสิตในคืนเดียวกัน
ช่วงเช้า ทนายยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 14 วรรค 2 ให้ส่งตัวจำเลยไปอยู่ในความดูแลของญาติ ในระหว่างที่ยังต้องเข้ารับการรักษาอาการอย่างต่อเนื่อง
ศาลถามคำให้การว่า ประจักษ์ชัยจะให้การคดีนี้อย่างไร ทนายความยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยให้เหตุผลว่าตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจนถึงขณะนี้จำเลยป่วยเป็นโรคจิตเภท มีอาการหลงผิด อีกทั้งยังมีเชาว์ปัญญา(IQ) 74 ซึ่งเป็นระดับปัญญาทึบมาก ตามผลการตรวจรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ซึ่งจะมีรายละเอียดอยู่ในชั้นพิจารณาและขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องของโจทก์ และขอให้มีนัดตรวจพยานหลักฐานก่อนการสืบพยาน
อัยการทหารไม่คัดค้านคำให้การของจำเลย แต่คัดค้านคำร้องขอให้มีนัดตรวจพยานหลักฐานโดยอ้างเหตุผลว่ามีพยานในคดีน้อย ทนายความแถลงต่อศาลว่าเนื่องจากเห็นว่ายังมีพยานและเอกสารที่ไม่ได้อยู่ในการครอบครองของจำเลยและยังมีเอกสารการรักษาอาการทางจิตทั้งก่อนก่อเหตุจนกระทั่งถึงหลังก่อเหตุ อีกทั้งยังต้องขอให้ศาลออกหมายเรียกเอกสารมาใช้ประกอบการพิจารณาคดี ศาลได้อนุญาตให้มีนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 24 สิงหาคม 2559
1 ธันวาคม 2559
สืบพยานโจทก์
นัดสืบพยานโจทก์ปากที่หนึ่ง พ.ต.ท.สุภัค วงษ์สวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม
ก่อนเริ่มการสืบพยานอัยการทหาร โจทก์แถลงต่อศาลว่า พยานทั้งสองปากที่จะมาเบิกความในวันนี้ได้รับการเลื่อนยศแล้ว ยศจริงกับยศที่ระบุไว้ในบัญชีระบุพยานจึงจะไม่ตรงกัน
ร.ต.อ.ประสิทธิ์ตอบด้วยว่าไม่ทราบว่าในวันอื่นในเวลาหลัง 16.00 น. จำเลยจะเคยมายื่นคำร้องอีกหรือไม่แต่หลังเวลาดังกล่าวทางศูนย์บริการฯจะปิดทำการแล้ว ตลอดระยะเวลาสามปีที่ทำงานที่ศูนย์บริการแห่งนี้ ร.ต.อ.ประสิทธิ์ไม่ได้มาทำงานทุกวันโดยบางวันอาจลาหรือถูกสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ส่วนงานอื่น
ก่อนศาลขึ้นบัลลังก์เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่าวันนี้พยานที่นัดไว้ไม่มาศาลแต่ให้ประจักษ์ชัยรออัยการทหารก่อนเพราะอัยการทหารติดพิจารณาคดีอื่นอยู่ อัยการทหารเข้ามาในห้องพิจารณาคดีในเวลาประมาณ 10.00 น.ซึ่งศาลขึ้นบัลลังก์หลังจากนั้นไม่นาน อัยการทหารแถลงว่า พยานโจทก์ที่นัดไว้ไม่มาศาลเนื่องจากป่วย จึงขอเลื่อนไปสืบพยานปากนี้ไปก่อนและจะขอเลื่อนพยานลำดับถัดไปขึ้นมาสืบพยานก่อน และจะขอวันนัดศาล 2 นัด
นัดสืบพยานโจทก์วันนี้ ประจักษ์ชัยเดินทางมาศาลพร้อมกับ สุภัสสร น้องสาวที่เป็นผู้รับดูแลประจักษ์ชัยอยู่ ทนายความของจำเลย โจทก์ และพยานสองคนที่นัดไว้มาศาล ศาลขึ้นบัลลังก์เวลาประมาณ 9.30
จำเลยและทนายจำเลยเดินทางมาศาล แต่โจทก์แจ้งว่า พยานโจทก์ไม่มาศาล เนื่องจากติดต่อไม่ได้ จึงเลื่อนไปสืบพยานปากต่อไปในวันที่ 23 มีนาคม 2561
พ.ต.อ.อัคนีรักษ์เบิกความถึงวันเกิดเหตุว่า ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งเป็นเวลาที่มีการประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร พ.ต.ท.สุภักดิ์ควบคุมตัวจำเลยจากศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของทำเนียบรัฐบาลซึ่งอยู่บริเวณใต้ถุนตึก กพร. มาส่งเพื่อให้เขาดำเนินคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยนำแบบฟอร์มร้องทุกข์และปากกา 1 แท่งซึ่งเป็นของกลางมามอบให้ด้วย
พ.ต.ท.สุภักดิ์แจ้งพฤติการณ์ของคดีกับเขาว่า จำเลยเขียนข้อความร้องทุกข์ในลักษณะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯจึงการจับกุม
พ.ต.อ.อัคนีรักษ์เบิกความต่อว่าเขาทำการสอบสวนพยานอีกหลายปาก รวมทั้งจำเลย พ่อ แม่ และพี่สาวของจำเลยด้วย และได้สอบปากคำมินตรา นักศึกษาที่มาติดต่อราชการพอดี ซึ่งให้ความเห็นว่า ข้อความที่จำเลยเขียนเข้าข่ายดูหมิ่น อาฆาตมาดร้าย
อัยการทหารแถลงต่อศาลว่า ฝ่ายโจทก์ไม่สามารถติดต่อให้มินตรามาเบิกความต่อศาลได้ จึงขอส่งบันทึกคำให้การของมินตรา ที่เคยให้การไว้กับพนักงานสอบสวนเป็นหลักฐานแทน
ทนายจำเลยแถลงต่อว่า ในนัดตรวจพยานหลักฐาน ฝ่ายจำเลยได้ตรวจดูคำให้การพยานทั้ง 12 ปากในชั้นสอบสวนแล้ว พยานปากพ.ต.อ.อัคนีรักษ์ เป็นพนักงานสอบสวนผู้จัดทำบันทึกคำให้การเหล่านั้น ทนายจำเลยต้องการให้อัยการทหารส่งสำนวนคดีในชั้นสอบสวนเข้ามาเป็นหลักฐานเพื่อที่ทนายจำเลยจะใช้เป็นหลักฐานประกอบการถามค้านพยานปากนี้
เนื่องจากบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเป็นเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของโจทก์ทั้งหมดจึงขอให้ศาลออกหมายเรียกให้โจทก์ส่งเข้ามาเป็นหลักฐานในคดีด้วย และขอให้เลื่อนการถามค้านออกไปก่อนจนกว่าจะได้เอกสารทั้งหมดมา
ศาลพยายามอธิบายกับทนายจำเลยว่า เท่าที่พยานมาเบิกความต่อศาลก็เป็นข้อเท็จจริงที่เพียงพอแล้ว และฝ่ายจำเลยก็มีสิทธิซักค้านได้แล้ว แต่ทนายจำเลยยืนยันว่า ก่อนหน้านี้อัยการทหารเคยบอกจะนำส่งบันทึกปากคำพยานในชั้นสอบสวนให้ฝ่ายจำเลยระหว่างการสืบพยานปากพนักงานสอบสวน ฝ่ายทนายจำเลยก็รอเอกสารมาตลอดแต่สุดท้ายก็ไม่มีการนำส่ง
ทนายจำเลยแจ้งอัยการทหารว่าตัวเขาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 6 มีนาคม 2562 เขามีนัดสืบพยานอีกคดีหนึ่งที่ศาลทหารกรุงเทพ หากอัยการจะนัดวันสืบพยานคดีนี้ในช่วงต้นเดือนมีนาคมก็ขอให้นัดในสัปดาห์เดียวกันเพื่อจะได้เดินทางมาในคราวเดียว