1258 1637 1063 1195 1371 1174 1539 1023 1934 1551 1321 1341 1971 1985 1112 1819 1037 1279 1348 1132 1460 1223 1434 1833 1795 1805 1651 1697 1887 1195 1896 1370 1469 1033 1124 1535 1474 1584 1005 1275 1801 1916 1225 1073 1293 1111 1282 1122 1131 1567 1323 1841 1861 1704 1842 1666 1058 1094 1193 1395 1436 1677 1988 1469 1956 1375 1137 1075 1641 1864 1759 1125 1111 1100 1387 1793 1002 1542 1268 1108 1046 1504 1699 1181 1359 1822 1575 1936 1166 1992 1532 1377 1253 1524 1930 1746 1115 1158 1829 ยุทธศักดิ์: บทสนทนาราคาแพงของคนขับแท็กซี่ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ยุทธศักดิ์: บทสนทนาราคาแพงของคนขับแท็กซี่

ด้วยสภาพการทำงานที่บังคับให้ต้องนั่งอยู่ในห้องโดยสารแคบๆคนเดียวทั้งวัน คนขับแท็กซี่หลายๆคน จึงมักจะชวนผู้โดยสารคุย เพื่อคลายความเหงา บทสนทนาของคนขับแท็กซี่กับผู้โดยสารก็มักเป็นเรื่องทั่วๆไป อย่างลมฟ้าอากาศ กีฬา เรื่องปากท้อง ไปจนถึงเรื่องการเมือง บทสนทนาระหว่างผู้โดยสารกับคนขับแท็กซี่คงไม่ใช่เรื่องพิเศษหรือมีอะไรน่าจดจำ ถึงที่หมายจ่ายค่าโดยสารก็ลืมกันไป ยุทธศักดิ์เองก็คงหวังให้บทสนทนาเรื่องการเมืองระหว่างเขากับผู้โดยสารคนหนึ่งเป็นเช่นนั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริง คือยุทธศักดิ์กำลังรับโทษจำคุกด้วยมาตรา 112 เพราะบทสนทนาที่ออกรสเกินไป       
 
-------------------------------------------------------------------------------------------------
 
ยุทธศักดิ์ เป็นคนขับรถแท็กซี่ธรรมดาๆคนหนึ่ง รถแท็กซี่ที่เขาขับเช่ามาจากอู่แห่งหนึ่งในย่านห้วยขวาง ยุทธศักดิ์ไม่เคยไปร่วมชุมนุมทางการเมือง ไม่ว่ากับเสื้อสีใด เนื่องจากต้องทำมาหากิน
 
8 มกราคม 2557 ยุทธศักดิ์รับผู้โดยสารคนหนึ่งจากซอยสุขุมวิท 55 ไปส่งที่ซอยอารีย์ ช่วงนั้น บรรยากาศทางการเมืองกำลังคุกรุ่น มีการชุมนุมยืดเยื้อเพื่อประท้วงรัฐบาล การเมืองจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาระหว่างยุทธศักดิ์กับผู้โดยสาร แม้ว่าเครื่องปรับอากาศจะทำให้อากาศในรถจะเย็นสบาย แต่บทสนทนาระหว่างยุทธศักดิ์กับผู้โดยสารก็ทำให้บรรยากาศในรถร้อนระอุขึ้นมา เมื่อการถกเถียงในประเด็นการเมืองเริ่มร้อนแรงขึ้น และมีการพาดพึงถึงสถาบันฯ ผู้โดยสารก็ใช้โทรศัพท์บันทึกบทสนทนาไว้ เมื่อยุทธศักดิ์ขับรถไปส่งผู้โดยสารถึงที่หมาย เขาก็ขับรถจากไปโดยไม่ได้เอะใจเลยว่า การถกเถียงประเด็นการเมืองระหว่างเขากับผู้โดยสาร จะกลายเป็นหลักฐานที่ใช้ในการดำเนินคดีเขาในเวลาต่อมา
 
ผู้โดยสารนำคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างเธอกับยุทธศักดิ์ไปมอบให้พนักงานสอบสวนหลังเกิดเหตุ 1 วัน แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่มีการจับกุม ยุทธศักดิ์ยังคงใช้ชีวิตและทำมาหากินตามปกติ จนกระทั่งมีการรัฐประหารในปลายเดือนพฤษภาคม และมีการเร่งรัดนำตัวผู้ถูกกล่าวโทษในคดี 112 มาเข้ากระบวนการยุติธรรม ยุทธศักดิ์จึงถูกจับกุมในวันที่ 2 มิถุนายน 2557 เขาถูกควบคุมตัวจากบริเวณใกล้ๆอู่แท็กซี่ย่านห้วยขวางไปที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไท ซึ่งเป็นที่ๆผู้โดยสารมาร้องทุกข์ไว้ 
 
310
 
ยุทธศักดิเป็นโรคเบาหวาน ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ หลังนอนที่โรงพักได้หนึ่งคืนเขาก็จำเป็นต้องฉีดอินซูลินอีกครั้ง จึงได้ประสานขอให้เพื่อนที่ขับแท็กซี่อู่เดียวกันนำมาให้ ยุทธศักดิ์ขออนุญาตร้อยเวรที่เฝ้าห้องควบคุมตัวฉีดยา แต่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะร้อยเวรเกรงว่า หากยุทธศักดิ์เป็นอะไรไปก็จะต้องรับผิดชอบ ยุทธศักดิ์พยายามอธิบายว่าเขาฉีดยาเองเป็นประจำอยู่แล้ว และหากไม่ได้ฉีดอาการจะกำเริบ แต่ร้อยเวรไม่ยอม ยืนยันว่าต้องให้แพทย์มาฉีดให้เท่านั้น ซึ่งก็คงเป็นไปได้ยาก สุดท้ายยุทธศักดิ์จึงขอให้ร้อยเวรติดต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนเพื่อขออนุญาต ซึ่งพนักงานสอบสวนก็เข้าใจและบอกกับร้อยเวรว่าให้ยุทธศักดิ์ฉีดยาได้ ยุทธศักดิ์จึงถูกนำตัวออกมานอกห้องขังชั่วคราวเพื่อให้ฉีดยาได้สะดวก 
 
ในวันเดียวกันนี้มีคนขับแท็กซี่คนหนึ่ง ซึ่งไม่เคยรู้จักกับยุทธศักดิ์มาก่อน หิ้วขนมและน้ำมาฝากยุทธศักดิ์ โดยบอกว่ามาเยี่ยมในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพ ร้อยเวรผู้รับฝากของอนุญาตให้ยุทธศักดิ์นำขนมและน้ำบรรจุขวดพลาสติกเข้าไป แต่ไม่อนุญาตให้นำเครื่องดื่มบรรจุกระเป๋องเข้าไป โดยอธิบายว่าเป็นระเบียบของโรงพักเพราะกระป๋องน้ำอัดลมอาจใช้เป็นอาวุธได้  
 
ยุทธศักดิ์ถูกควบคุมตัวที่สถานีตำรวจอยู่สองคืน เจ้าหน้าที่ก็นำตัวเขาไปที่ศาลอาญาในวันที่ 4 มิถุนายน เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง ทันทีที่มาถึงศาลในช่วงเที่ยงยุทธศักดิ์ก็รีบประสานให้ญาติมายื่นประกันตัว ยุทธศักดิ์รอญาติซึ่งอยู่ไกลถึงฝั่งธนอย่างกระวนกระวายใจ เพราะหากญาติมายื่นเอกสารไม่ทัน เขาก็ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งราวบ่ายสามโมง ชายชรากับหญิงวัยกลางคน ซึ่งเป็นญาติห่างๆของยุทธศักดิ์เดินทางมาที่ศาล
 
ทันทีที่มาถึง ญาติของยุทธศักดิ์ก็รีบลงไปที่ห้องขังใต้ถุนศาล การพูดคุยของยุทธศักดิ์กับญาติเป็นไปอย่างยากลำบาก ระยะห่างจากห้องขังและเขตที่กั้นไว้ให้ญาติยืน ห่างกันราว 2 เมตร ขณะที่โทรศัพท์สายตรงที่ต่อไว้ให้คนด้านในและด้านนอกคุยกันก็ใช้ไม่ได้ ญาติและผู้ถูกควบคุมตัวจึงต้องตะโกนคุยกันท่ามกลางเสียงดังอึงอื้อตลอดเวลา ยุทธศักดิ์จึงทำได้แค่กับญาติตะโกนทักทายกันสั้นๆ ก่อนที่ญาติจะรีบขึ้นมาเพื่อยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว 
 
ชายชราซึ่งแทนตัวว่า "อาเจ็ก" เล่าว่า ตอนนี้ยุทธศักดิ์ไม่มีใคร เพราะแยกออกมาอยู่ตัวคนเดียวหลายปีแล้ว อาเจ๊กเองก็ไม่ได้เจอหน้าเขามานานแล้ว แต่ก็เป็นญาติคนเดียวที่ยังติดต่อกันอยู่บ้าง เจ้าหน้าที่ศาลผู้รับคำร้องขอประกันตัวช่วยเหลือญาติของยุทธศักดิ์ซึ่งไม่รู้เรื่องกฎหมายและไม่เคยขึ้นโรงขึ้นศาลในการเขียนคำร้องเป็นอย่างดีแต่ก็บอกว่า คงยากที่ศาลจะให้ประกันตัว
 
... ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น .... 
 
หลังจากนั่งรอคำสั่งศาลได้ประมาณชั่วโมงเศษ เจ้าหน้าที่ศาลก็เรียกญาติของยุทธศักดิ์ไปที่หน้าเคาเตอร์พร้อมกับแจ้งว่า ศาลยกคำร้องประกันตัว เพราะคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ เป็นคดีร้ายแรง กระทบกระเทือนต่อจิตใจประชาชน และมีโทษสูง หากปล่อยตัวไปเกรงว่าจะมีการหลบหนี     
 
เมื่อญาติบอกยุทธศักดิ์ว่าเขาไม่ได้ประกันตัว ยุทธศักดิ์ก็ตะโกนขอบคุณอาเจ็กและลูกสาวของอาเจ็กที่ช่วยเดินเรื่องประกันให้ พร้อมกับสั่งเสีย ว่าให้ช่วยจัดการเรื่องห้องเช่ารวมทั้งทรัพย์สินในห้องพัก เพราะตนเองคงจะไม่ได้กลับไปอีกนาน
 
----------------------------------------------------------
 
ยุทธศักดิ์ถูกศาลพิพากษาในเดือนสิงหาคม 2557 ว่ามีความผิดตามมาตรา 112 และถูกตัดสินจำคุก 5 ปี แต่ศาลลดโทษเหลือ 2 ปี 6 เดือน เพราะยุทธศักดิ์รับสารภาพ ทุกวันนี้คนขับแท็กซี่แปลกหน้าที่ส่งขนมและน้ำให้ยุทธศักดิ์ที่สถานีตำรวจยังเดินทางไปเยี่ยมยุทธศักดิ์ที่เรือนจำอยู่บ่อยๆ
 
หากเรื่องนี้ทำให้คุณอยากรู้รายละเอียดของคดี คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่ฐานข้อมูลของเรา
 
ชนิดบทความ: