1496 1945 1609 1654 1576 1497 1171 1549 1601 1150 1155 1679 1869 1667 1369 1832 1472 1942 1552 1878 1268 1099 1601 1942 1685 1888 1023 1115 1077 1842 1103 1312 1449 1657 1850 1129 1910 1557 1878 1712 1591 1403 1166 1507 1302 1691 1022 1982 1257 1473 1173 1224 1832 1593 1279 1271 1904 1485 1193 1314 1340 1901 1007 1834 1521 1371 1909 1777 1376 1449 1675 1526 1395 1650 1001 1082 1968 1704 1866 1240 1844 1080 1207 1492 1227 1238 1662 1482 1775 1645 1094 1118 1711 1037 1360 1963 1889 1956 1901 หนังสือ 842+ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

หนังสือ 842+

 

 

630

 

ศาลทหารที่เราเคยกลัว ต้องเป็นศาลทหารที่เป็นบทเรียน
 
ในภาวะที่ทุกคนกำลังสับสน หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจและประกาศให้พลเรือนต้องขึ้นศาลทหารความสับสนและความหวาดกลัวก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ 
 
ตอนแรกเราสับสนและกลัว กลัวความไม่เป็นธรรม กลัวมีผู้ถูกกระทำและกลัวการปิดหูปิดตา ในวันที่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากจุดไหน เราก็ยังต้องพยายามเดินหน้าสื่อสารความรู้ให้สังคมพอมีข้อมูลและเท่าทันความเป็นไป
 
แม้ตอนแรกเราจะเปิดอ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับศาลทหารแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เราก็เรียนรู้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ผ่านคดีจริงที่ทยอยตามมา
 
ครั้งแรกที่ไปศาลทหาร เราต้องเปิด google map นำทาง เดินผ่านปืนใหญ่หน้ากระทรวงกลาโหม ผ่านทหารยามรักษาการณ์ที่ถือปืนอยู่หน้าถนน ผ่านการตรวจกระเป๋า แลกบัตร ต้องพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ใส่ชุดทหาร ทั้งสีเขียว สีกากี สีน้ำเงิน บรรยากาศแบบนี้อย่างไรเสียก็ต้องเรียกว่า "ไม่เป็นมิตร" คนที่ไปครั้งแรกถ้าจิตไม่แข็งเป็นหินก็คงมีสั่นกันบ้าง ไม่นับรวมความรู้สึกของจำเลยที่ต้องเผชิญหน้ากับตุลาการในชุดทหารออกนั่งบัลลังก์ ทับด้วยครุยยาวแถบพาดบ่าสีทอง 
 
เมื่อคดีมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องไปศาลทหารเพื่อสังเกตการณ์คดีบ่อยเข้า เราเริ่มคุ้นเคยหรืออาจจะชินชาต่อปืนในมือของพลทหารยาม เจ้าหน้าที่แลกบัตรเริ่มยิ้มให้ เจ้าหน้าที่รับคำร้องก็เริ่มเข้าใจ แม้กระทั่งทหารนอกเครื่องแบบที่คุมการปิดถนนเวลามีคดีใหญ่ก็เริ่มคุ้นหน้าคุ้นตากัน
 
กว่า 2 ปีในยุค คสช. มีพลเรือนหลายพันหรืออาจจะถึงหลักหมื่นคนต้องเดินเข้าออกศาลทหาร ในฐานะจำเลย ญาติ เพื่อน ทนายความ นายประกัน และผู้ไปสังเกตการณ์
 
ระหว่างที่พลเรือนพยายามทำตัวให้ชินศาลทหารเองก็ต้องดิ้นรนปรับตัวเพื่อรองรับสายตาที่เพ่งมองจากสังคมไทยและนานาชาติ
 
คดีการเมืองหลายคดีศาลทหารออกคำสั่งหรือคำพิพากษาที่ค้านสายตาค้านความรู้สึกมีทั้งลงโทษหนัก มีทั้งที่ตีความกฎหมายแบบน่าประหลาดใจ ขณะที่หลายคดีศาลทหารก็ผ่อนปรน สั่งปล่อยผู้ต้องหา สั่งให้ประกันตัว หรือสั่งไม่รับฟ้องเอาเสียก็ได้ ซึ่งอาจจะเพื่อลดแรงกดดันต่อศาลทหารและ คสช. เอง
 
จนวันหนึ่งในเดือนกันยายน 2559 คสช. สั่งยุติการเอาคดีพลเรือนมาเพิ่มที่ศาลทหาร บางคนอาจเข้าใจไปว่า ยกเลิกการเอาพลเรือนขึ้นศาลทหารไปหมดแล้ว และอาจลืมเลือนประเด็นเหล่านี้ไปทีละน้อย แต่อันที่จริงแล้วคดีเก่าที่ค้างอยู่อีกเพียบก็ยังเดินหน้าพิจารณากันที่ศาลทหารต่ออย่างไม่เร่งรีบตามวันเวลาและสิทธิเสรีภาพของประชาชน
 
จากประสบการณ์ติดตามสังเกตการณ์คดีในศาลทหารกว่า 2 ปี เราพยายามจะเล่าออกมาในหลากหลายรูปแบบ แม้จะยังมีหลายคนไม่ค่อยอยากได้ยินในช่วงนี้ แต่หวังว่าในระยะยาวสังคมไทยจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง จากประสบการณ์ที่เอาความยุติธรรมไปฝากไว้ในมือของนักรบ
 
 
 
.......................................................................................
 
842 วัน เป็นจำนวนวันนับตั้งแต่ คสช. ประกาศให้พลเรือนขึ้นศาลทหาร เมื่อ 25 พฤษภาคม 2557 เรื่อยมาจนถึงวันที่ออกคำสั่งยุติ เมื่อ 12 กันยายน 2559 แต่คดีที่ยังคงตกค้างอยู่ในศาลทหารก็ยังเดินหน้าพิจารณาต่อไปจนถึงวันไหนก็ไม่อาจทราบได้ 
 
หนังสือ 842+ จึงรวบรวมบทเรียน เรื่องราว ความรู้ ประสบการณ์ ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปในอีกหลายวันข้างหน้า จากการเอาคดีทางการเมืองของพลเรือนขึ้นศาลทหาร
 
 
 
 
 
 
 
ชนิดบทความ: