1186 1017 1432 1772 1993 1030 1740 1204 1700 1259 1707 1744 1941 1192 1055 1303 1101 1338 1242 1135 1666 1237 1589 1245 1061 1461 1981 1290 1580 1908 1711 1877 1532 1346 1323 1008 1648 1395 1687 1525 1144 1516 1191 1045 1289 1406 1164 1812 1497 1470 1640 1811 1724 1524 1847 1159 1036 1116 1481 2000 1115 1769 1689 1976 1739 1007 1926 1667 1023 1060 1241 1862 1895 1505 1140 1145 1911 1536 1495 1785 1958 1613 1610 1532 1471 1504 1812 1990 1345 1081 2000 1742 1140 1509 1789 1869 1085 1630 1763 ผู้มีอำนาจออกคำสั่งเซ็นเซอร์เนื้อหาในสื่อ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ผู้มีอำนาจออกคำสั่งเซ็นเซอร์เนื้อหาในสื่อ

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมสื่อ ให้อำนาจแก่องค์กรหลายรูปแบบเป็นผู้พิจารณาและออกคำสั่งเพื่อปิดกั้นหรือ เซ็นเซอร์สื่อ กฎหมายแต่ละฉบับต่างให้อำนาจในการใช้วิจารณญาณแก่องค์กรที่แตกต่างกัน แสดงถึงความหลากหลายของลักษณะของผู้ถืออำนาจและความอ่อนไหวในการปิดกั้นสื่อ

21 Media Censorship Authorities

 

วิทยุ และโทรทัศน์

พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 37 วรรคสอง กำหนดว่า

 

“ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการที่มีลักษณะตามวรรคหนึ่ง หากผู้รับใบอนุญาตไม่ดำเนินการ ให้กรรมการซึ่งคณะกรรมการมอบหมายมีอำนาจสั่งด้วยวาจา หรือเป็นหนังสือให้ระงับการออกอากาศรายการนั้นได้ทันที และให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวโดยพลัน”

 

ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่มีอำนาจและหน้าที่ตรวจสอบและเซ็นเซอร์เนื้อหาของรายการที่จะออกอากาศ คือ ผู้รับใบอนุญาต หรือ ผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ ผู้บริหารสถานีวิทยุและโทรทัศน์นั้นๆ

 

ทุกสถานีจึงต้องมีเจ้าหน้าที่และระบบสำหรับทำหน้าที่กลั่นกรองเนื้อหา และหากเจ้าของสถานีไม่ดำเนินการ ก็ให้มีคณะกรรมการทำหน้าที่กำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการในที่นี้หมายถึง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือที่เรียกว่า “กสทช.”               กล่าวคือ องค์กรที่เซ็นเซอร์เนื้อหาของรายการวิทยุและโทรทัศน์ มีอยู่สองระดับ คือ เจ้าของสถานีในฐานะสื่อที่ต้องรับผิดชอบกันเอง และมีรัฐกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง

 

สิ่งพิมพ์

พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 มาตรา 10 กำหนดว่า

 

“มาตรา 10 ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีอำนาจออกคำสั่งโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาห้ามสั่งเข้าหรือนำเข้าเพื่อเผยแพร่ในราชอาณาจักร ซึ่งสิ่งพิมพ์ใด ๆ ที่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือจะกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน โดยจะกำหนดเวลาห้ามไว้ในคำสั่งดังกล่าวด้วยก็ได้”

 

กล่าวคือ กฎหมายให้เป็นอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติผู้เดียวในการออกคำสั่งห้ามสั่งเข้า หรือ นำเข้าซึ่งสิ่งพิมพ์

 

ภาพยนตร์

พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑ กำหนดให้ภาพยนตร์ทั้งไทยและเทศทุกเรื่องต้องผ่านการอนุญาตและจัดเรทติ้งโดยคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้ตรวจพิจารณาก่อนนำออกฉายในประเทศไทย และมาตรา ๑๖ วรรคสอง กำหนดว่า

 

“มาตรา ๑๖ วรรคสอง คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๑) ให้มีจำนวนไม่เกินเก้าคน โดยแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการต่างประเทศ ภาพยนตร์ ศิลปวัฒนธรรม สื่อสารมวลชน หรือสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการภาพยนตร์”

 

อินเทอร์เน็ต

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๒๐ กำหนดว่า

 

“มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้”

 

พระราชบัญญัตินี้กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์เป็นผู้ยื่นคำร้องขอปิดเว็บ โดยต้องให้รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารลงนามให้ความยินยอม ก่อนจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อพิจารณาและออกคำสั่งให้ปิดกั้นเนื้อหาได้              

 

กล่าวคือ ผู้เกี่ยวข้องกับการบล็อคเว็บ มีทั้งเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ โดยได้รับความยินยอมจากฝ่ายบริหาร คือรัฐมนตรี และสุดท้ายผู้ที่มีอำนาจใช้วิจารณญาณและออกคำสั่งคือศาลซึ่งเป็นอำนาจตุลาการ

ชนิดบทความ: