1563 1088 1637 1081 1036 1390 1009 1991 1949 1488 1686 1222 1353 1573 1691 1801 1294 1305 1630 1538 1578 1892 1174 1287 1958 1386 1286 1857 1896 1452 1616 1841 1142 1842 1532 1438 1308 1697 1211 1605 1759 1813 1598 1685 1098 1080 1389 1625 1067 1303 1847 1709 1070 1636 1390 1450 1231 1194 1933 1323 1015 1747 1324 1937 1839 1991 1981 1840 1105 1331 1717 1644 1045 1777 1717 1009 1502 1137 1128 1217 1313 1651 1907 1343 1967 1507 1457 1630 1990 1481 1506 1440 1247 1835 1651 1341 1259 1256 1483 ณัฐ: เหตุการณ์เดิมๆ กับสถานที่แห่งเดิม | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ณัฐ: เหตุการณ์เดิมๆ กับสถานที่แห่งเดิม

 

ผมรู้จัก ณัฐ ชายร่างสูงเพรียว ท่าทางกระฉับกระเฉง มาเกือบๆ 2 ปีแล้ว จำไม่ได้ว่าครั้งแรกเราพบกันที่ไหนและเมื่อไหร่ ถ้าไม่ใช่ที่ศาลก็คงเป็นที่เรือนจำ ซึ่งเป็นที่ๆ คนอื่นคงไม่อยากเฉียดใกล้
 
ณัฐเล่าให้ฟังว่า เขาเริ่มสนใจการเมืองตั้งแต่ช่วงปี 49 เคยไปสมัครเป็นสมาชิกเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งเพื่อแสดงความเห็นทางการเมืองบ่อยๆ ผมแย็บถามเขาไปว่า เรียนอะไรมาถึงได้สนใจการเมือง ณัฐบอกว่าเขาเรียนมาไม่สูง ไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำ
 
คำตอบของณัฐทำให้ผมอึ้ง เพราะจากท่วงทำนองในการสนทนา เขาดูจะมีความรู้เรื่องความเป็นมาเป็นไปของการเมืองไทยและโลกเป็นอย่างดี ระหว่างการสนทนา เขาใช้คำพูดทับศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่บ่อยๆ หลายๆ คำผมเองก็ไม่รู้จัก ดูเหมือนณัฐจะมีความรู้รอบตัวและรู้ภาษาอังกฤษมากกว่าคนจบปริญญาหลายๆ คนเสียอีก
 
ณัฐเผยเคล็ดลับในความรอบรู้ของเขาว่า เพราะเรียนน้อย เขาจึงต้องดิ้นรนหาความรู้ด้วยตัวเอง ทั้งจากหนังสือ อินเทอร์เน็ต และการพูดคุยกับคนต่างชาติ เพราะความสนใจและความตื่นตัวทางการเมือง ณัฐเริ่มเขียนอีเมลโต้ตอบกับชาวต่างชาติคนหนึ่ง ที่เขาไม่เคยเจอตัวมาก่อน ท้ายที่สุดเขาก็ถูกจับเพราะส่งอีเมลโต้ตอบกับชาวต่างชาติซึ่งเป็นคนที่ทางการไทยจับตามองอย่างใกล้ชิด อีเมล์ของเขาถูกมองว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา112
 
ณัฐเล่าถึงเหตุการณ์ขณะถูกจับกุมอย่างออกรสว่า บ่ายวันที่ 13 ตุลาคม 2552 ขณะอยู่ที่คอนโด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เมื่อเปิดประตู ณัฐพบแขกผู้มาเยือนกว่า 10 คนในชุดพนักงานออฟฟิศ ผู้มาเยือนแจ้งณัฐว่าพวกเขามาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ พร้อมทั้งแสดงหมายจับและทำการค้น
 

165

 

ตอนที่ทราบว่าผู้มาเยือนเป็นใคร เขาตื้อไปหมด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หลังเจ้าหน้าที่ค้นบ้านเสร็จ ก็พาตัวเขาไปสอบสวนที่ดีเอสไอ ณัฐยอมรับว่าระหว่างสอบสวนเขารู้สึกกลัวมาก จนยอมให้พาสเวิร์ดอีเมลกับเจ้าหน้าที่ไป แม้เหตุการณ์จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ณัฐยังเล่าเรื่องที่เขาถูกจับกุมด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นมาก ทำให้ผมรู้สึกเครียดไปด้วย แต่แล้วณัฐก็หักมุมเรื่องแบบดื้อๆโดยตั้งข้อสังเกตว่า เท่าที่เขาเคยเห็นมา ห้องขังของดีเอสไอดูจะหรูที่สุดเพราะมีแอร์ ไม่เหมือนห้องขังโรงพักทั่วไป
 
ณัฐเป็น "แขกพิเศษ" ที่ดีเอสไอ 2 คืนก่อนจะถูกส่งตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โชคยังเข้าข้างเขาอยู่บ้าง หลังจากย้ายไปนอนที่เรือนจำได้สองสัปดาห์ ณัฐก็ได้ประกันตัวในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2552 ด้วยเงินประกัน 400,000 บาท
 
ณัฐได้ออกมาสูดกลิ่นอายแห่งอิสรภาพเป็นช่วงสั้นๆเท่านั้น 14 ธันวาคม 2552 สองเดือนเต็มหลังถูกจับกุม ณัฐไปขึ้นศาลและให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำพิพากษาในวันเดียวกันให้จำคุก 9 ปี ก่อนจะลดโทษเหลือ 3 ปี 18 เดือน อิสรภาพของณัฐหลุดลอยไปทันทีที่การอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น
 
ในเรือนจำ ณัฐพบปัญหาการปรับตัวในช่วงแรก เขาไม่กล้าบอกคนอื่นว่าเข้ามาเพราะคดีอะไร จึงไม่ค่อยกล้าคุยกับใคร ณัฐเล่าให้ผมฟังว่าช่วงเวลาหกเดือนแรกที่อยู่ในเรือนจำ เขาต้องทำงาน "ปั่นถ้วย" ซึ่งหมายถึงการทำถ้วยกระดาษก้นแหลม ที่มักติดไว้กับตู้น้ำดื่มสาธารณะ ซึ่งมีการให้นักโทษทำกันเป็นล่ำเป็นสัน 5 วัน ต่อสัปดาห์ โดยจ่ายเงินปันผลเดือนละ 100 บาท
 
เดือนสิงหาคม 2553 ชีวิตของณัฐเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อเรือนจำประกาศให้ผู้ต้องขังสอบแข่งขันเข้าทำงานฝ่ายการศึกษา ด้วยความที่เคยจับคอมพิวเตอร์มาก่อน ณัฐจึงสมัครสอบและได้รับคัดเลือกเข้าทำงานในฝ่ายการศึกษา ไม่ต้องนั่งปั่นถ้วยอีกต่อไป หน้าที่ใหม่ของณัฐคือการเป็นผู้ช่วยสอนคอมพิวเตอร์ เขาจะต้องเข้าไปประกบเพื่อนผู้ต้องขังและสอนวิธีใช้โปรแกรมต่างๆ ในขณะที่ผู้สอนอีกคนบรรยายที่หน้าชั้น ณัฐบอกว่าคนที่นำสอนจะต้องพูดจาฉะฉานและที่สำคัญ เสียงต้องดัง ณัฐบอกว่าสอนหนังสือผู้ต้องขังจะพูดเสียงเบาเหยาะแหยะไม่ได้ ณัฐทำหน้าที่ผู้ช่วยสอน จนเดือนเมษายน 2555 เมื่อเขาได้รับการปล่อยตัว
 
ณัฐได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนด เพราะเขามีความประพฤติดี ณัฐเล่าว่า พลันที่เขาย่างเท้าออกจากเงาทะมึนของเรือนจำ เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
 
แม้จะพ้นโทษแล้ว ณัฐก็ยังแวะเวียนกลับไปที่เรือนจำบ่อยๆ เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจอดีตเพื่อนร่วมชะตากรรมบางคน นั่นคงเป็นช่วงเวลาที่ณัฐได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม และคงเป็นโอกาสที่ผมกับเขาได้รู้จักกัน ณัฐบอกว่า การไปเยี่ยมเพื่อนนักโทษ ไม่ใช่แค่นักโทษได้รับกำลังใจ หรือความช่วยเหลือจากคนไปเยี่ยม แต่คนไปเยี่ยม ก็จะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากนักโทษด้วย
 
ตั้งแต่ถูกปล่อยตัวในปี 55 จนถึง เดือนพฤษภาคม 57 ณัฐก็ประกอบอาชีพสุจริตมาโดยตลอด ด้วยความเป็นคนใฝ่รู้และชอบความท้าทาย ณัฐลองผิดลองถูกธุรกิจหลายอย่าง ไปได้ดีบ้าง ล้มเหลวบ้าง รวมทั้งเคยมาช่วยงานของผมและเพื่อนบ้างเป็นครั้งคราว แต่ณัฐก็ไม่เคยทำอะไรที่เข้าไปใกล้จะผิดกฎหมายอีกเลย เพราะเขาตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไม่กลับเข้าไปในเรือนจำอีก
 
พฤษภาคม 2557 คณะทหารยึดอำนาจการปกครองประเทศพร้อมทั้งประกาศเรียกคนจำนวนมากเข้ารายงานตัว ณัฐเองก็ถูกหางเลข มีชื่อในคำสั่งเรียกรายงานตัวด้วย แต่เขาไม่เข้าไปรายงานตัวตามกำหนด เพราะไม่แน่ใจในความปลอดภัย นั่นทำให้ในเดือนมิถุนายน 2557 ณัฐถูกเจ้าหน้าที่บุกจับตัวอีกครั้ง ที่คอนโดแห่งเดิมและถูกนำตัวไปไว้ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งเป็นเวลา 7 วัน เพื่อ"ปรับทัศนคติ" ก่อนที่จะกลับมาพบว่า มีหมายจับในความผิดฐานไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งรอเขาอยู่ที่บ้าน
 
ณัฐประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะเข้าไปพบที่สน.สามเสน แต่ก่อนถึงวันนัด เจ้าหน้าที่จากอีก สน.หนึ่งบุกจับเขาที่คอนโดอีกครั้งเป็นคำรบที่สองในปีนั้น และเป็นครั้งที่สามในชีวิตของเขา แม้ว่าณัฐจะประสานขอมอบตัวไปก่อนแล้วก็ตาม
 
มกราคม 2558 ใกล้ถึงวันที่ศาลนัดพิพากษาในความผิดฐานไม่มารายงานตัวงวดเข้ามา ณัฐเริ่มโพสต์สเตตัสแสดงความกังวลต่อคดีของเขา มิตรสหายหลายคนพยายามให้กำลังใจเขา เพราะเท่าที่ผ่านมา ผู้ถูกดำเนินคดีฐานไม่มารายงานตัวตามคำสั่งคสช.ก็ได้รับการรอลงอาญาโทษจำคุกกันหมด ผมเองก็เคยส่งข้อความไปหาเพื่อให้เขาคลายความกังวลเช่นกัน ปรากฎว่า ผมและหลายๆคนคิดผิด!
 
วันที่ 22 มกราคม 2558 ศาลแขวงดุสิตพิพากษาจำคุกณัฐเป็นเวลา 1 เดือนกับ 10 วัน (ลดจาก 2 เดือน 20 วัน เพราะเขารับสารภาพ) โดยไม่รอลงอาญา ศาลให้เหตุผลว่า เขากระทำความผิดหลังพ้นโทษจากคดี 112 มาไม่ถึง 5 ปี จึงไม่ให้รอลงอาญา ณัฐยื่นขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 40,000 บาท แต่ศาลไม่มีคำสั่งในวันนั้น และส่งให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้สั่งแทน ณัฐจึงต้องเข้าไปนอนรอคำสั่งในเรือนจำพิเศษกรุงเทพอีกครั้ง
 
ผมไปเยี่ยมเขาในวันรุ่งขึ้นหลังเขาถูกส่งเข้าไปยังสถานที่ที่เขายืนยันว่าไม่พร้อมจะกลับเข้าไป
 
"ที่นี่เปลี่ยนไปมากนะ กำแพงอะไรก็สร้างใหม่ และที่ตกใจมากคือตอนนี้คดี112 เยอะมาก เต็มไปหมดเกือบห้าสิบคน" ณัฐเล่า
 
"ถ้าศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัวก็ไม่ต้องยื่นแล้วนะ สองเดือนผมอยู่ได้" เขาบอกอย่างมีกำลังใจ
 
เป็นเวลา 4 คืน ในสถานที่แห่งเดิม ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะอนุญาตให้ประกันตัวในวันที่ 26 มกราคม 2558
 
ผมพบกับณัฐอีกครั้งหลังได้ประกันตัว ณัฐมาในทรงผมสั้นเกรียนติดหัว ซึ่งเป็นทรงที่คนในเรือนจำทุกคนต้องตัด ณัฐบอกว่าเขาไม่รู้สึกแย่กับผมทรงใหม่ เพราะเข้าใจว่าสภาพแวดล้อมในเรือนจำ การไว้ผมยาวคงไม่เหมาะ แต่สิ่งที่เขารู้สึกแย่ คือการที่เขาต้องกลับไปอีกครั้ง ทั้งๆที่เขาก็อยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไร ที่สำคัญชะตากรรมของณัฐก็ยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน ณัฐก็อาจต้องกลับไป "พักร้อน" ในเรือนจำอีก 1 เดือน กับ 6 วัน ที่เหลืออยู่
 
หากเรื่องนี้ทำให้คุณอยากรู้รายละเอียดของคดี คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่ฐานข้อมูลของเรา
และติดตามคดีไม่ไปรายงานตัวของ ณัฐ ได้ที่นี่
 
 
 
ชนิดบทความ: