1553 1896 1842 1326 1695 1952 1724 1246 1034 1933 1149 1607 1083 1188 1584 1270 1621 1700 1984 1449 1852 1463 1380 1536 1386 1105 1559 1779 1140 1693 1145 1862 1129 1228 1588 1790 1078 1014 1963 1872 1018 1885 1689 1219 1630 1554 1875 1541 1978 1116 1448 1004 1159 1985 1569 1471 1833 1165 1018 1352 1297 1423 1322 1175 1734 1866 1198 1708 1890 1479 1548 1046 1305 1904 1597 1972 1161 1064 1358 1784 1532 1273 1519 1087 1673 1868 1517 1602 1126 1145 1761 1616 1511 1405 1922 1961 1837 1183 1215 ใหญ่ แดงเดือด: ในฤดูร้อนที่ไม่เป็นเช่นเคย | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ใหญ่ แดงเดือด: ในฤดูร้อนที่ไม่เป็นเช่นเคย

 
โดย ซาราวัก ศักดาวิสูตร
 
สายวันหนึ่งในช่วงปลายมีนาคม 2558  ฤดูร้อนที่เปลวแดดยังแผดแรง อาคารกรมพระธรรมนูญ หรือที่ตั้งศาลทหารกรุงเทพฯ ครอบครัวหนึ่งอาศัยรถตู้โดยสาร เดินทางจากนครปฐมเพื่อมานัดตามหมายศาล ด้วยความหวังว่าจะได้พบกับคนที่พลัดพราก และจะได้อยู่ร่วมวันชี้ชะตากรรมในเวลาที่เหลืออยู่ข้างหน้า พวกเขามาเฝ้ารอลุ้นจำนวนปีที่คนคนหนึ่งจะต้องถูกคุมขังอันเป็นโทษทัณฑ์ของการโพสต์เฟซบุ๊ก 
 
     
ย้อนกลับไปเมื่อธันวาคมปีที่เเล้ว บรรยากาศปลายปี ที่ผู้คนกำลังเตรียมฉลองกันอย่างชื่นมื่น  พวกเขากลับประสบเหตุการณ์อันส่อเค้าว่าปีใหม่ปีนี้ คงไม่ใช่ปีที่ดีนัก   
 
18 ธันวาคม 2557 ประมาณ 9.00 น. ที่บ้านพักของเธียรสุธรรม ย่านลาดพร้าว ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบ ทำทีมาถามหาบ้านของคนในละแวกนั้น โดยภรรยาเป็นผู้มาเปิดประตู เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบผู้มาเยือนดูจะไม่เข้าใจเส้นทางที่ภรรยาของเธียรสุธรรมอธิบาย เธียรสุธรรมจึงเดินออกมาเพื่อช่วยอธิบาย เมื่อเขาเดินมาถึงบริเวณรั้วบ้าน เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบก็เข้าจู่โจมโดยที่เธียรสุธรรมไม่ทันตั้งตัว เธียรสุธรรมถูกควบคุมตัวไปที่ กองบังคับการทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 พร้อมตัวภรรยา
 
25 ธันวาคม 2557 เจ้าหน้าที่นำตัวเธียรสุธรรมมาขออำนาจศาลทหารกรุงเทพฝากขังในผลัดที่ 1   ภรรยาของเขาวางเงินสด 400,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน และแจ้งต่อศาลว่าเธียรสุธรรมเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่ได้มีอิทธิพลหรือความสามารถที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานได้ และให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า เขามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ป่วยเป็นโรคไซนัสอักเสบ ภูมิแพ้และโรคกระเพาะ ต้องรับประทานยาเพื่อรักษาโรคดังกล่าวและพบแพทย์เป็นประจำ นอกจากนี้เธียรสุธรรมก็มีความรับผิดชอบต้องประกอบธุรกิจหารายได้อย่างเร่งด่วน เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว มีภาระต้องเลี้ยงดูภรรยาและบุตรอีกจำนวน 3 คน
 
อย่างไรก็ตาม ศาลก็มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวเนื่องจาก เห็นว่าเป็นคดีร้ายแรง เกรงว่าปล่อยตัวไปแล้วจะหลบหนีคดี
 
 
ระหว่างฝากขังรวม 84 วัน ภรรยาพยายามยื่นขอประกันตัวเธียรสุธรรมอย่างน้อย 4 ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล  
 
วันที่ 31 มีนาคม 2558 ศาลนัดสอบคำให้การ   รถของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมาส่งเธียรสุธรรมที่ศาลในเวลา 10.00 น. ศาลทหารสั่งพิจารณาคดีเป็นการลับ ทำให้ภรรยาและญาติของเธียรสุธรรมรวมทั้งผู้สังเกตการณ์คดีไม่สามารถเข้าฟังได้ ภรรยาของเธียรสุธรรมทำได้เพียงแนบแผ่นกระดาษที่ลูกๆเขียนบรรยายถึงพ่อ ให้ทนายความนำไปยื่นในคำร้องประกอบคำรับสารภาพ เพื่อให้ศาลลงโทษสถานเบา
  
เมื่อศาลสั่งพิจารณาลับ ในห้องพิจารณาคดีจึงมีเพียงผู้พิพากษา อัยการทหาร จำเลย ทนายจำเลย และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เท่านั้น ภายหลังการพิจารณาคดี ทนายความเปิดเผยว่าเธียรสุธรรมให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ศาลจึงอ่านคำพิพากษาทันที    
 
เธียรสุธรรม รับสารภาพว่าเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ใหญ่ แดงเดือด" โพสต์ข้อความรูปภาพวิจารณ์คสช. และพาดพิงสถาบันกษัตริย์ฯ จำนวน 5 ข้อความ ถือเป็นความผิด 5 กรรม ศาลทหารกรุงเทพลงโทษจำคุกเธียรสุธรรมในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯและความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14(3) จากการโพสต์ข้อความ ข้อความละ 10 ปี 5 ข้อความ รวม 50 ปี  
  
เนื่องจากเธียรสุธรรมให้การรับสารภาพจึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงโทษจำคุก 25 ปี นอกจากนี้ ศาลสั่งด้วยว่า เวลา 7 วันที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกไม่สามารถนำมาหักลบจากเวลาที่จำเลยจะต้องรับโทษได้
 
"จำคุก 50 ปี" เป็นสถิติใหม่ของการกำหนดโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ เท่าที่ไอลอว์เคยบันทึกมา
 
199
 
 
ขณะถูกจับกุม เธียรสุธรรม อายุ 58 ปี ก่อนถูกจับกุมเขาประกอบอาชีพผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นกำลังหลักหาเลี้ยงครอบครัว ที่ประกอบด้วย ภรรยา ลูกที่ติดจากภรรยาที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมปลาย และลูกบุญธรรมที่กำลังศึกษาโรงเรียนเตรียมทหาร 
 
ภรรยาของเธียรสุธรรมยอมรับว่า การขาดหายไปของเธียรสุธรรม ทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบมาก ทั้งด้านจิตใจ และ รายได้ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่มาจากร้านขายเครื่องเขียนที่เพิ่งกลับมาทำอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้เคยทำเเล้วให้ผู้อื่นเช่ากิจการต่อ อย่างไรก็ตามกำลังใจจากลูกๆ ก็ยังพอเยียวยาให้ชีวิตมีความหวังบ้าง และยังรอคอยวันได้พบกันพร้อมหน้าอีกครั้ง 
 
 
"เราพบกันช่วงเทศกาลเมื่อหน้าร้อนของปีหนึ่ง..พี่เลี้ยงน้องมาก่อนเจอพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ทราบดีว่าพี่ชอบช่วยเหลือคน ยิ่งน้องน่าสงสารที่พ่อแม่เลิกกัน เด็กๆ เหล่านี้เป็นเด็กที่ขาดพ่อ..พี่พยายามเติมเต็มคำว่าพ่อที่ดี ให้กับลูกพี่และน้องหนึ่งลูกบุญธรรม พอมาเจอกับพี่ใหญ่ ดีใจเด็กๆชื่นชมว่าพ่อเก่ง เก่งมาก เด็กก็พยายามถามถึงการเรียน ว่าต้องทำอย่างไรจะเก่งแบบพ่อ ด้วยความรู้ที่พี่ใหญ่มีมักจะเอาออกมาสอนเด็กๆในช่วงวันหยุด เช่น สอนการออกเสียงการพูดภาษาอังกฤษ การวางแผนการเรียนว่าต้องไปทางไหนอย่างไร"  
 
"จากเสาหลักของครอบครัว เป็นบุคคลบันดาลใจของลูกๆ ให้ขยันตั้งใจเรียน และสิ่งที่เด็กน้อยตามหามาทั้งชีวิตคือความรักความอบอุ่น มาวันนี้สิ่งนั้น กลับถูกพลัดพรากไป แบบโหดร้ายเหลือเกิน สำหรับเขา พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม โทษมันหนักขนาดนี้" ภรรยาของเธียรสุธรรมเล่า
 
"สุดท้ายพี่คือหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลทุกๆคน เพราะสถานการณ์มันบีบให้เราต้องเป็น และการจะทิ้งคนๆหนึ่งไว้ที่คุกเพียงแค่คำว่าลำบาก นั่นไม่ใช่จากชีวิตของผู้หญิงอย่างพี่ ยามดีๆ เขาก็ดูแลเราและลูกเราดีถึงจะเป็นเวลาสั้นๆ พี่จึงทิ้งพี่ใหญ่ไม่ลง และจะสู้ต่อไปจนสุดแรง เท่าที่จะทำได้นะ" เหล่านี้คือคำตัดพ้อ ของภรรยาหลังคำพิพากษาออกมา 
 
ในคราฤดูร้อน ไม่เป็นเช่นเคย
 
หากเรื่องนี้ทำให้คุณอยากรู้รายละเอียดของคดี คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่ฐานข้อมูลของเรา
ชนิดบทความ: