1041 1304 1653 1363 1619 1771 1249 1909 1018 1857 1394 1424 1742 1720 1150 1091 1614 1573 1961 1265 1015 1161 1302 1313 1508 1992 1330 1058 1801 1021 1652 1141 1510 1531 1650 1049 1832 1931 1281 1456 1414 1692 1864 1815 1528 1614 1951 1445 1470 1931 1773 1785 1192 1739 1960 1263 1642 1117 1705 1169 1770 1413 1540 1181 1834 1129 1092 1211 1631 1759 1144 1965 1977 1292 1014 1915 1245 1505 1184 1795 1798 1625 1840 1174 1786 1060 1955 1718 1106 1613 1472 1906 1855 1501 1095 1057 1220 1783 1519 ประเทศตัวอย่างที่ "วิจารณ์ศาลได้" ไม่มีความผิด | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ประเทศตัวอย่างที่ "วิจารณ์ศาลได้" ไม่มีความผิด

ข่าวนักวิชาการไทยอย่างน้อย 2 คนที่ถูกศาลฎีกา และศาลรัฐธรรมนูญเรียกเพื่อไปให้ข้อมูลกับศาลเนื่องจากอาจมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจากการวิพากษ์วิจารณ์ และการติชมในพื้นที่สาธารณะทำให้บรรยากาศการแสดงความคิดเห็นต่อศาลกลายเป็นสิ่งที่น่าหวาดระแวง 
 
แต่ทว่า ในหลายประเทศซึ่งมีความก้าวหน้าทางประชาธิปไตย เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร หรืออินเดีย กลับเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้ทำหน้าที่ตรวจสอบศาลผ่านการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่เปิดกว้างให้วิพากษ์วิจารณ์ได้ แม้ว่าการวิพากษ์วิจารณ์นั้นจะผิดพลาด หรือมุ่งร้าย หรือไม่เป็นธรรมเท่าใดก็ตาม แต่การกระทำของประชาชนก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล หรือดูหมิ่นศาล หากจะเป็นความผิดก็เป็นเพียงความผิดฐานหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาแทน
 
1169 ประเทศตัวอย่างที่ "วิจารณ์ศาลได้" ไม่มีความผิด
 
สหราชอาณาจักร: วิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต และเป็นประโยชน์สาธารณะ สามารถทำได้
 
ในสหราชอาณาจักรมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการวิพากษ์วิจารณ์ศาล อย่างน้อยสองฉบับ ได้แก่
 
หนึ่ง The Contempt of Court Act 1981 ที่บัญญัติความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นของสื่อมวลชนไว้ในมาตรา 2 (2) ซึ่งระบุให้การเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นภัยอย่างชัดแจ้งหรือก่อให้เกิดอคติอย่างร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรมที่กำลังดำเนินอยู่เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
 
แต่กฎหมายดังกล่าวก็มีข้อยกเว้นให้ไม่ต้องรับผิดไว้ อย่างเช่น ในมาตรา 4 ที่ระบุว่าการนำเสนอกระบวนการพิจารณาของศาลที่ถูกต้องและโดยสุจริตย่อมได้รับการคุ้มครอง กับ ในมาตรา 5 ระบุว่า การเผยแพร่เนื้อหาของสื่อที่ถูกต้องและเป็นธรรมโดยสุจริตถึงกระบวนการพิจารณาคดีของศาล และการเผยแพร่ข้อมูลนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ และประโยชน์นั้นต้องมีน้ำหนักความสำคัญเหนือยิ่งกว่าปัจจัยที่จะก่อให้เกิดความลำเอียง หรืออคติต่อคู่ความในคดี การกระทำดังกล่าวไม่ถือเป็นความผิด
 
กับ สอง The Court and Criminal Act เป็นกฎหมายที่กำหนดให้การ "ดูหมิ่นวิจารณ์ศาล" ให้เสียหายจนสาธารณะเสื่อมศรัทธานั้น (scandalising) มีความผิด แต่ต่อมาคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายของรัฐสภาอังกฤษ ได้ทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกความผิดฐานดูหมิ่นศาล และมีรายงานสรุปในปี 2012 แนะนำให้ “เลิก” ความผิดนี้เสีย เนื่องจาก เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นสิ่งจำเป็นในการเปิดช่องให้มีการอภิปรายถกเถียงถึงข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และทำให้กฎหมาย The Court and Criminal Act ปี 2013 ในมาตรา 33 ยกเลิกความผิดฐานดูหมิ่นศาลออก
 
อินเดีย: วิพากษ์วิจารณ์และติชมศาลโดยสุจริตสามารถทำได้
 
ในอดีตประเทศอินเดียมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดอำนาจศาจชื่อว่า The Contempt of Courts Act 1926 แต่ในปี ค.ศ. 1952 ได้มีการออกกฎหมายใหม่ชื่อว่า  The Contempt of Courts Act 1952 ซึ่งกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไว้ 3 กรณี คือ การวิพากษ์วิจารณ์ศาลอย่างไม่เหมาะสม การดูหมิ่นคู่ความในคดี และการรบกวนขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้อง
 
ต่อมา ในปี 1971 มีการแก้กฎหมายดังกล่าวอีกครั้ง และได้กำหนดการยกเว้นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไว้สองกรณี [1] ได้แก่
 
หนึ่ง การเผยแพร่ข้อมูลโดยสุจริตไม่ว่าด้วยวาจาหรือการเขียนก็ดี หากผู้เผยแพร่เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าข้อมูลที่เผยแพร่มาจากคดีที่ยุติแล้ว หรือเป็นเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ได้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม การกระทำดังกล่าวไม่เป็นความผิด
 
กับ สอง การติชมและการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต ซึ่งรัฐธรรมนูญอินเดียได้ให้การคุ้มครองการติชมและวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาในคดีที่ยุติแล้วโดยสุจริต แต่การติชมและการวิพากษ์วิจารณ์นั้นต้องไม่เป็นการลดความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม 
 
อเมริกา: การวิพากษ์วิจารณ์ศาลในคดีที่สิ้นสุดแล้วไม่ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล
 
ในสหรัฐอเมริกาไม่มีกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือดูหมิ่นศาล แต่มีหลักเกณฑ์ซึ่งอ้างอิงจากคำพิพากษาในอดีตว่า ารตีพิมพ์บทความหรือเนื้อหาไม่อาจถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลได้เว้นแต่เป็น “ภยันตรายที่เห็นได้ชัดเจน” ต่อกระบวนการยุติธรรม โดยบรรทัดฐานการพิสูจน์ทางกฎหมายนี้ถูกวางขึ้นจากคำพิพากษาคดีระหว่าง บริดเจส (Bridges) กับแคลิฟอร์เนีย ในปี 2484
 
นอกจากนี้ ในคดี Patterson v. Colorado ศาลได้วางหลักไว้ว่า เมื่อคดีถึงที่สุดลงศาลย่อมอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ดุจดังคนธรรมดา นอกจากนี้ในคดี Craig v. Hecht ศาลระบุว่า สิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสรีต่อการพิจารณาคดี ต่อความเห็นหรือคำพิพากษาของศาเป็นสิ่งสำคัญและสมควรได้รับการสงวนรักษาไว้ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาล และศาลก็ไม่มีอำนาจในการลงโทษ ไม่ว่าการวิพากษ์วิจารณ์นั้นจะผิดพลาด หรือมุ่งร้าย หรือไม่เป็นธรรมเท่าใดก็ตาม หนทางที่จะเยียวยามีอยู่เพียงทางเดียวคือ ฟ้องคดีแพ่งฐานหมิ่นประมาทเท่านั้น[2]
 
ทั้งนี้ เหตุที่ศาลมุ่งคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ยึดมั่นในการปกครองระบบประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ประชาชนต้องมีอำนาจเหนือรัฐบาลและองค์กรทุกหน่วยของระบบการปกครอง การเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถวิจารณ์ ติชมกลไกของรัฐบาลอย่างเสรี จึงเป็นการควบคุมให้การดำเนินนโยบายของรัฐ เป็นไปในทางสนองความต้องการของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
 
ข้อมูลอ้างอิง
 
[2]  พนัส ทัศนียานนท์, "การลงโทษการวิพากษ์วิจารณ์ หรือ ติชมศาลฐานละเมิดอำนาจศาลในสหรัฐอเมริกา
Article type: