1214 1370 1243 1045 1246 1527 1031 1582 1864 1893 1960 1721 1909 1891 1178 1902 1491 1451 1640 1123 1828 1652 1109 1059 1518 1616 1126 1378 1629 1007 1052 1200 1180 1277 1148 1707 1050 1836 1592 1133 1847 1587 1085 1008 1233 1521 1924 1829 1373 1924 1507 1497 1989 1718 1227 1691 1599 1046 1243 1399 1070 1762 1642 1097 1697 1535 1652 1761 1365 1221 1328 1666 1189 1613 1768 1909 1932 1832 1261 1587 1951 1161 1155 1242 1400 1112 1375 1656 1491 1997 1280 1095 1576 1785 1856 1795 1494 1408 1878 ทำความเข้าใจ "โทษ 7 ปี 30 เดือน" ของชญาภา | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ทำความเข้าใจ "โทษ 7 ปี 30 เดือน" ของชญาภา

เปิดรายละเอียดคดีชญาภา 
"ศาลทหารพาตัวไปพิพากษาโดยไม่มีทนายความ" 
ให้ลงโทษตามมาตรา 112 จาก 2 โพสต์ ตามมาตรา 116 จาก 3 โพสต์ รวมจำคุก 19 ปี ลดเหลือ 7 ปี 30 เดือน
 
สำหรับรายละเอียดของคดีนี้ ดูได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th/case/689
 
ในช่วงที่มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าอาจมีรัฐประหารซ้อนเพื่อโค่นล้มรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ชญาภา อายุ 48 ปี อาชีพเป็นพนักงานบัญชีของบริษัทเอกชน ถูกจับกุมและจัดให้มีการแถลงข่าวการจับกุมเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2558 จากการโพสต์ข่าวลือดังกล่าวบนเฟซบุ๊ก ทั้งที่เธอไม่ได้เป็นคนแรกและคนเดียวที่พูดถึงข่าวลือนี้ การจับกุมชญาภาจึงคล้ายเป็นการส่งสัญญาณว่าข่าวลือเรื่องรัฐประหารซ้อนต้องหยุดแพร่กระจายในทุกลักษณะ
 
ชญาภาถูกจับกุมด้วยอำนาจพิเศษตามมาตรา 44 โดยไม่มีหมายจับ และถูกกักตัวไว้สอบสวน 7 วัน เพียงการโพสต์ข่าวลือกลับทำให้เธอถูกตั้งข้อหาตามมาตรา 116 แต่หลังการสอบสวนและตรวจสอบเฟซบุ๊กอย่างละเอียด เธอถูกตั้งข้อหาตามมาตรา 112 เพิ่มมาอีก ชญาภายื่นขอประกันตัวด้วยวงเงิน 400,000 บาท แต่ศาลไม่ให้ประกันตัว เธอจึงถูกคุมขังเรื่อยมาตั้งแต่ถูกจับ
 
หลังอัยการยื่นฟ้อง ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ติดตามขอถ่ายสำเนาคำฟ้องอยู่หลายครั้ง ตอนแรกศาลทหารไม่อนุญาตให้ทนายความถ่ายสำเนา โดยอ้างว่า ส่งให้จำเลยในเรือนจำแล้ว แต่ทนายความก็ยังติดตามขอถ่ายสำเนาอยู่จนศาลทหารอนุญาตเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2558 หลังจากนั้นทนายความก็ได้ติดตามสอบถามวันนัดหมายการพิจารณาคดีมาโดยตลอด แต่ไม่เคยได้รับแจ้งกำหนดนัด
 
จนกระทั่งคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2558 เจ้าหน้าที่เรือนจำบอกกับชญาภาว่าต้องไปศาลทหารในวันรุ่งขึ้น แต่เธออยู่ในเรือนจำไม่สามารถติดต่อกับใครได้ เป็นเหตุให้เช้าวันที่ 15 ธันวาคม 2558 ชญาภาถูกนำตัวมาศาลเพียงลำพัง โดยไม่มีญาติและทนายความมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังไม่ได้ปรึกษาเรื่องคดีกับทนายความว่าควรจะให้การอย่างไร จึงบอกกับศาลว่าจะรับสารภาพ และศาลมีคำพิพากษาทันที
 
(อ่านรายละเอียดการถูกพาตัวมาศาลโดยไม่มีทนายความได้ที่ https://tlhr2014.wordpress.com/2015/12/15/chayapha/)
 
ทั้งนี้ ศาลพิพากษาให้ชญาภามีความผิด 5 กรรม โดยเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), (2) และ (5) จำนวน 2 กรรม ให้ลงโทษจำคุกตามมาตรา 112 ในฐานะบทกฎหมายที่หนักที่สุด กรรมละ 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี ลดโทษลงครึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกกรรมละ 2 ปี 6 เดือน รวม 4 ปี 12 เดือน
 
ส่วนอีก 3 กรรมเป็นความผิดฐานยุยงปลุกปั่น เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), (2) และ (5) ให้ลงโทษจำคุกตามมาตรา 116 ในฐานะบทกฎหมายที่หนักที่สุด กรรมละ 3 ปี รวมจำคุก 9 ปี ลดโทษลงครึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกกรรมละ 1 ปี 6 เดือน รวม 3 ปี 18 เดือน
รวมแล้วให้จำคุกจำเลย 7 ปี 30 เดือน และริบโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นของกลาง
 
 
382
Article type: