1916 1293 1059 1525 1822 1582 1921 1426 1583 1015 1793 1484 1093 1895 1003 1574 1327 1249 1415 1382 1699 1391 1557 1853 1253 1547 1637 1342 1100 1080 1552 1023 1521 1264 1047 1172 1611 1365 1380 1307 1086 1680 1885 1453 1258 1090 1187 1689 1386 1644 1600 1179 1379 1379 1762 1393 1541 1571 1095 1411 1558 1163 1615 1453 1805 1435 1914 1616 1159 1052 1682 1770 1519 1648 1365 1968 1560 1668 1983 1175 1218 1192 1225 1424 1804 1305 1923 1708 1415 1055 1415 1703 1152 1149 1492 1922 1936 1841 1923 ยกฟ้อง ม.116 คดี 13 นักกิจกรรมชุมนุมปราศรัยวิจารณ์คสช. หน้าสน.ปทุมวัน ปี 58 | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ยกฟ้อง ม.116 คดี 13 นักกิจกรรมชุมนุมปราศรัยวิจารณ์คสช. หน้าสน.ปทุมวัน ปี 58

3023
 
 
18 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. ห้อง 405 ชั้น 4 ศาลอาญากรุงเทพใต้  มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ข้อหายุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในราชอาณาจักร ของอดีตนักกิจกรรมและนักศึกษาจากกลุ่มดาวดินและขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) จำนวน 13 ราย ซึ่งถูกดำเนินคดีสืบเนื่องจากการชุมนุมปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่หน้า สน.ปทุมวัน เมื่อ 24 มิถุนายน 2558
 
โดยจำเลยที่ถูกฟ้องในคดีนี้ 13 คน ได้แก่ 1) รัฐพล ศุภโสภณ 2) อภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ 3) ปกรณ์ อารีกุล 4) ทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ 5) อภิวัฒน์ สุนทรารักษ์ 6) พายุ บุญโสภณ 7) ภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ 8) ศุภชัย ภูครองพลอย 9) วสันต์ เสตสิทธิ์ 10) สุไฮมี ดูละสะ 11) ชลธิชา แจ้งเร็ว 12) พรชัย ยวนยี และ 13) สุวิชชา พิทังกร.
 
ศาลอ่านคำพิพากษา ใจความว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2558 ที่หน้าสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันของจำเลยทั้งหมด เป็นการชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีการใช้อาวุธ ไม่ได้ปรากฏเหตุการประทะหรือใช้กำลังกับเจ้าหน้าที่ และยุติการชุมนุมเองโดยไม่มีการสลายการชุมนุมจากเจ้าหน้าที่ แม้จะมีการปราศรัยโจมตีคสช. และเชิญชวนประชาชนให้ไม่ยอมรับอำนาจของการรัฐประหาร ก็ถือว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ตามสิทธิพึงมีในรัฐธรรมนูญชั่วคราวซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะนั้น จึงพิพากษายกฟ้อง 
 
อนึ่ง คดีนี้ในตอนแรกมีผู้ถูกกล่าวหารวมทั้งหมด 17 ราย โดยมีอีกสี่ราย ที่เคยถูกแจ้งข้อหา ได้แก่ วรวุฒิ บุตรมาตร, “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, รังสิมันต์ โรม และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่อัยการยังไม่ได้คำสั่งฟ้องทั้งสี่แต่อย่างใด 
 
ที่มาของคดีนี้ ตามคำฟ้องของพนักงานอัยการ ย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2558 กลุ่มจําเลยได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเวทีปราศรัยชั่วคราว บริเวณใกล้กับ สน.ปทุมวัน โดยมีกลุ่มมวลชนผู้ให้การสนับสนุนอยู่ร่วมด้วยประมาณ 200 คน กล่าวโจมตีรัฐบาลในทํานองว่าไม่ยอมรับหมายจับที่ออกโดยอํานาจศาลทหาร ไม่ยอมรับอํานาจของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มาจากการรัฐประหาร และกล่าวปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์ผลกระทบจากการรัฐประหารในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา ในด้านสิทธิมนุษยชน ทรัพยากร และเสรีภาพในการแสดงออก และกล่าวโจมตีว่ารัฐบาลหนุนหลังกลุ่มนายทุนใช้อํานาจข่มเหงประชาชน ไม่ยอมรับการทำงานของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
 
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการปลุกปั่นท้าทายเจ้าหน้าที่ทหาร และตํารวจ ให้เข้าไปทําการจับกุมตัวจำเลยกับพวกบางส่วน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลทหาร ในความผิดฐานมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจํานวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป จนเจ้าหน้าที่ทหารและตํารวจหวั่นเกรงว่าหากใช้ดุลพินิจเข้าไปสลายการชุมนุมหรือบุกเข้าไปจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว ออกมาจากกลุ่มมวลชน อาจเกิดการชุลมุนและต่อต้านของกลุ่มมวลชนเพื่อช่วยเหลือหรือแย่งตัวผู้ต้องหา อันจะนําไปสู่วิกฤติการจลาจลก็เป็นได้ 
 
นอกจากนี้ จําเลยกับพวกยังได้เชิญชวนประชาชนทั่วไปให้ออกมาร่วมต่อต้านรัฐบาล พร้อมกับปลุกระดมประชาชนให้ไม่ยอมรับในอํานาจการปกครองของ คสช. เป็นการกระทําที่ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนทั่วไปด้วยวาจา โดยมีเจตนาอันมิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
 
พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ (ยศขณะนั้น) เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายกฎหมาย คสช. ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี จากเหตุการณ์วันที่ 24 มิถุนายน 2558 ซึ่งมีการชุมนุมให้กำลังใจกลุ่มนักกิจกรรมและผู้ชุมนุมที่ถูกออกหมายเรียกไปดำเนินคดีจากการชุมนุมครบรอบหนึ่งปีรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ทางกลุ่มนักกิจกรรมต้องการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงในวันดังกล่าว และปฏิเสธการเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากไม่ยอมรับการใช้อำนาจของ คสช. จึงไปทำกิจกรรมที่หน้า สน.ปทุมวัน
 
เมื่อกลุ่มนักศึกษาจะเดินทางเข้าแจ้งความกลับใน สน.ปทุมวัน กลับถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ สน. จึงมีการตั้งเวทีปราศรัยขึ้นบริเวณหน้าสถานีตำรวจ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ผู้ที่จะเข้าแจ้งความเท่านั้นเข้าไปใน สน. ขณะทำกิจกรรมมีการร้องเพลง มอบดอกไม้ อ่านบทกวี ดำเนินไปตลอดบ่ายถึงค่ำ ก่อนจะมีการยุติการชุมนุมในเวลาต่อมา
 
ปกรณ์ อารีกุล หนึ่งในจำเลยคดีนี้กล่าวว่า “หลังจากนี้คงต้องรอดูว่าทางพนักงานอัยการจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ เบื้องต้นตนและเพื่อนๆ ขอขอบคุณ ศาลที่มอบความยุติธรรมให้กับพวกตน ถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานการชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่พึงกระทำได้ไม่ว่าผู้มีอำนาจจะมาจากการรัฐประหารหรือไม่ก็ตาม”
 
Article type: