1448 1271 1530 1074 1122 1772 1025 1075 1222 1667 1214 1374 1979 1156 1430 1870 1300 1133 1384 1238 1042 1839 1088 1622 1061 1809 1680 1502 1674 1426 1564 1983 1436 1695 1323 1328 1944 1434 1079 1343 1343 1416 1335 1683 1577 1113 1404 1005 1212 1661 1634 1902 1155 1609 1390 1376 1105 1757 1711 1450 1548 1428 1660 1793 1134 1407 1443 1346 1643 1833 1908 1767 1001 1453 1963 2000 1466 1462 1862 1998 1709 1765 1712 1750 1065 1387 1792 1987 1677 1505 1343 1149 1932 1936 1867 1789 1337 1728 1664 "ไม่อยากจับแต่นายสั่งมา" เหตุการณ์รวบกลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรี ระหว่าง Car Mob | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

"ไม่อยากจับแต่นายสั่งมา" เหตุการณ์รวบกลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรี ระหว่าง Car Mob

1 สิงหาคม 2564 สมบัติ บุญงามอนงค์หรือ บก.ลายจุด นัดหมายประชาชนทำกิจกรรม #CarMob บนถนนวิภาวดีรังสิต ในเวลา 13.00 น. กิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากประชาชนในหลายๆ จังหวัด เท่าที่มีข้อมูลมีประชาชนจาก 40 จังหวัด นัดหมายทำกิจกรรม CarMob รวม 48 จุด นอกจากนั้น ประชาชนที่จัดกิจกรรมในจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพ เช่น นนทบุรี นครปฐม และปทุมธานี ยังวางแผนนำขบวนมาร่วมสมทบกับขบวนที่ถนนวิภาวดีด้วย
 
เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรีโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเพจของกลุ่มในวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ประกาศจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ โดยจะรวมตัวในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 เวลา 10.00 น. ที่สถานีรถไฟฟ้า MRT สะพานพระนั่งเกล้า จากนั้นจะเคลื่อนตัวไปที่กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ กระทรวงสาธารณสุข ท่าน้ำนนท์ กรมราชทัณฑ์ ศูนย์ราชการนนทบุรี ก่อนจะเข้าไปร่วมกับขบวนหลักที่ถนนวิภาวดี 
 
อย่างไรก็ตามเมื่อขบวนเคลื่อนมาถึงบริเวณหน้าศูนย์ราชการนนทบุรี ตรงข้ามสภ.รัตนาธิเบศร์ ปรากฎว่าขบวน CarMob นนทบุรีถูกสกัดและมีประชาชนถูกควบคุมตัวไปเบื้องต้นเก้าคน หลังจากมีการตั้งข้อกล่าวหากับผู้ร่วมกิจกรรมรวมเจ็ดคน ทั้งหมดถูกส่งตัวไปทำการสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาคหนึ่ง (ตชด.ภาค1) ปทุมธานี แต่ภายหลังเมื่อมีประชาชนไปชุมนุมที่หน้าตชด. เจ้าหน้าที่ก็เพียงแต่พิมพ์ลายนิ้วมือและปล่อยผู้ต้องหาทั้งหมดกลับโดยนัดมาสอบปากคำที่สภ.รัตนาธิเบศร์ในวันที่ 4 สิงหาคม 2564   

กีตาร์ ประธานเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี หนึ่งในผู้ถูกจับกุมเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ทางกลุ่มประชาสัมพันธ์กิจกรรมบนเฟซบุ๊กตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 31 กรกฎาคม มีการชี้แจงเส้นทางและเวลานัดหมายชัดเจน โดยทางกลุ่มไม่ได้ประกาศว่าจะปักหลักปราศรัยสถานที่ใดที่หนึ่งแต่อย่างใด จะเคลื่อนขบวนไปร่วมกับคาร์ม็อบที่วิภาวดีเท่านั้น โดยเมื่อถึงเวลานัดหมายมีรถมาร่วมในขบวนประมาณ 30 คัน มีรถเครื่องเสียงสีส้มนำหน้า ในเวลาประมาณเที่ยงเมื่อขบวนคาร์ม็อบนนทบุรีเคลื่อนตัวมาถึงหน้าศูนย์ราชการนนทบุรีก็พบว่า มีการตั้งจุดสกัด เจ้าหน้าที่ทำการยึดเครื่องเสียงของพวกเขาและมีผู้ชุมนุมทั้งหมดเก้าคนทุกควบคุมตัว
 
1892
 
นาทีจับตัว โดยไม่รู้ว่าผิดอะไร

"ประมาณเที่ยงขบวนของเราถึงศูนย์ราชการนนทบุรี จริงๆก็ยังไม่ถึงดี มีรถขนผู้ต้องหาคันใหญ่ของเจ้าหน้าที่จอดขวางถนนคู่ขนานที่เป็นถนนสองเลนส์ด้านหน้าศูนย์ราชการ รถผู้ต้องขังจอดขวางเลนศ์ซ้ายแล้วบังคับให้เดินรถเลนส์ขวาช่องทางเดียว พอรถเครื่องเสียงสีส้มของเรามาถึงก็ต้องจอดเพราะรถคันใหญ่ขับผ่านได้ยาก รถถูกเรียกให้จอดแล้วตำรวจสามคนก็ขึ้นไปบนรถ"
กีตาร์ระบุว่า ตัวเขาไม่ได้อยู่บนรถเครื่องเสียง เขาเพียงแต่ขับรถยนต์ตามขบวนและอยู่ห่างจากรถเครื่องเสียงไปประมาณ  2 คันรถ แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทำท่าจะปัดอุปกรณ์จากมือของรุ่นน้องทีมงานคนหนึ่งที่กำลังถ่ายทอดสดกิจกรรมเขาก็รีบวิ่งขึ้นไปบนรถเครื่องเสียงทันที

"ผมวิ่งขึ้นไปบนรถพยายามเอาตัวไปขวางระหว่างรุ่นน้องกับตำรวจก็โดนจับแล้ว ตำรวจเอามือกดคอผมไปติดกับผนังรถแบบที่เห็นในภาพข่าว ตำรวจตะโกนถามผมว่ามึงทำอะไร ผมก็บอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วตำรวจบอกผมให้ลงจากรถ ผมก็บอกว่าจะลงได้ไงพี่กดผมอยู่ เขาก็เลยกันตัวผมลงจากรถ จากนั้นก็มีตำรวจแต่งชุดคฝ. (ควบคุมฝูงชน) เข้ามาจับผม ผมก็ได้แต่ตะโกนถามเขาว่าพี่จับผมข้อหาอะไร 

ถามซ้ำๆ หลายรอบเขาก็ไม่ตอบ ผมก็บอกว่าจะจับก็ได้แต่แจ้งข้อหามาก่อนผมจะได้รู้เขาก็ไม่บอก ผมก็บอกว่างั้นผมขอไปที่รถไปเอาโทรศัพท์เอากระเป๋าตังก่อนเขาก็ไม่ยอมให้ผมไป ผมเป็นคนตัวใหญ่ คฝ.ที่คุมตัวผมเลยเข้ามากันทั้งหมดสี่คน สองคนจับแขนคนละข้างอีกสองคนประกบด้านหลัง แต่ไม่ได้อุ้มตัว ผมเดินไปเองเพราะผมก็ไม่ได้คิดจะขัดขืนอยู่แล้ว เขาเอาตัวผมไปขึ้นรถคุมผู้ต้องขังตรงนั้น" 

กีตาร์เล่าย้อนกลับไปว่า บนรถเครื่องเสียงมีตำรวจสามคน สองคนแต่งชุดควบคุมฝูงชนสีน้ำเงิน ส่วนอีกคนแต่งชุดสีกากี

"ตำรวจคนที่แต่งควบคุมฝูงชนหนึ่งในสองคนที่ขึ้นมาบนรถและน่าจะเป็นผู้สั่งการทำท่าชี้นิ้วสั่งแล้วก็มีขึ้นมึงขึ้นกูด้วย บอกว่าพวกมึงขึ้นรถไปก่อน แล้วก็สั่งการคนอื่นๆ ว่าจับพวกมันไปให้หมด ส่วนตำรวจแต่งชุดคฝ.คนอื่นๆรวมทั้งคนที่เข้ามาคุมตัวผมถึงจะไม่ได้ขึ้นมึงขึ้นกู พูดว่าขึ้นรถไปก่อนนะครับ แต่ฟังจากน้ำเสียงคิดว่าไม่ใช่น้ำเสียงที่เป็นมิตรแน่ๆ" 

รัตน์ ผู้ร่วมขบวนอีกคนซึ่งอยู่บนรถปราศรัยเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะมีการจับกุมตัวว่า ตัวเธอทำธุระส่วนตัวก่อนมาร่วมคาร์ม็อบ จึงไม่ได้ตามขบวนมาแต่แรก แต่เข้ามาร่วมขบวนตอนที่ขบวนมาถึงกระทรวงสาธารณสุขแล้ว เธอเห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องวัคซีนจึงได้ไปขึ้นรถเครื่องเสียงเพื่อปราศรัยวิจารณ์การทำงานและเรียกร้องให้ดูแลประชาชน
"พี่เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวข้องโดยตรงกับสถานการณ์เลยขึ้นไปปราศรัย เรียกร้องให้ดูแลประชาชนโดยเฉพาะเรื่องวัคซีน แล้วก็เชิญชวนประชาชนที่ผ่านไปมาให้มาร่วมคาร์ม็อบแล้วพี่ก็ปราศรัยต่อไปเรื่อยๆ ตั้งใจว่า พอไปถึงหน้าศูนย์ราชการจะลงจากรถเครื่องเสียงกลับไปขึ้นรถเก๋งเตรียมไปร่วมขบวนต่อแล้วก็มาถูกจับ"
 
รัตน์เป็นนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่นนทบุรีมานานและมีประสบการณ์ประสานงานกับตำรวจในพื้นที่มาก่อนระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่มาประสานงานเธอมักจะเป็นคนเจรจา อะไรที่ยอมได้ก็จะยอมเพื่อลดการเผชิญหน้า

"ตอนอยู่บนรถ ตำรวจบอกว่า ถ้าไม่หยุดใช้เครื่องเสียงจะยึด พี่ก็บอกว่า ได้ จะหยุดใช้ เขาก็พุดต่อว่าให้พวกพี่ลงจากรถไม่งั้นจะยึดเครื่องเสียง แต่สุดท้ายถึงจะยอมลงเขาก็ยึดอยู่ดี พี่เองก็ถูกจับด้วย พี่ลงจากรถเป็นคนสุดท้าย แต่พี่บอกตำรวจว่าจะไม่ขึ้นรถคุมผู้ต้องขังเพราะสภ.มันอยู่ฝั่งตรงข้ามพี่กับน้องผู้หญิงอีกคนเดินข้ามฝั่งไป มีตำรวจห้าหกคนเดินคุมเชิงตามมาด้วยแล้วก็คอยโบกรถให้พวกเราเดินข้ามถนน"

รัตน์ทราบภายหลังว่า ตำรวจที่แต่งเครื่องแบบควบคุมฝูงชุนและทำท่าทางสั่งการ คือ รองผู้กำกับการ สภ.รัตนาธิเบศร์
เมื่อถามว่าระหว่างการจับกุมมีเหตุวุ่นวายอะไรหรือไม่ กีตาร์ระบุว่าไม่มี เพราะคนที่ถูกจับก็ไม่ได้มีใครขัดขืนแบบเจตนา อาจจะมียื้อบ้างนิดหน่อยตอนที่ขอความชัดเจนว่า ถูกจับเพราะเหตุใด
"ตัวผมไม่ได้ขัดขืนอะไร ส่วนคนที่มากับคาร์ม็อบที่ขับรถตามเขาก็แค่ลงมาถ่ายรูป ถ่ายไลฟ์ อาจจะมีคนด่าตำรวจบ้างแต่ก็ไม่ได้มีใครเข้ามาขัดขวางอะไร"
 
รอคอยการตั้งข้อหา
 
หลังการจับกุม ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกนำตัวไปไว้ที่ห้องประชุมบนชั้นสองของอาคารสภ.รัตนาธิเบศร์ กีตาร์และรัตน์เล่าตรงกันว่า การถูกควบคุมตัวที่นี่น่าจะไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าการยื้อเวลา เพราะกว่าตำรวจจะบอกว่าพวกเขาจะจับกุมและดำเนินคดีข้อหาอะไรบ้างก็ล่วงเลยไปราวสี่โมงเย็น ที่น่าสนใจกว่าคือพวกเขาดูเหมือนจะเป็น 'เผือก' ที่สภ.รัตนาธิเบศถ์ก็ไม่อยากควบคุมตัวและเมื่อพวกเขาถูกส่งไปที่กองบังคับการตชด.ภาคหนึ่งตำรวจที่นั่นก็ดูจะไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก

"สามสี่ชั่วโมงไม่มีอะไรเลย รออย่างเดียว พอพวกเขาจับตัวพวกผมเสร็จก็พามาไว้ที่ห้องประชุมชั้นสอง ตำรวจก็ไม่ได้ใส่กุญแจมือและไม่ได้ยึดโทรศัพท์ของใคร ทนายความจากศูนย์ทนายฯ (ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน) ก็มาหาพวกเราหลังถูกจับไม่น่าจะเกินหนึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นก็ไม่ได้มีการสอบสวน ตำรวจเข้ามาในห้องที่เราอยู่ในลักษณะเข้าๆ ออกๆ ไม่ได้คุยอะไรกับใคร เรื่องคดีผมเองไม่รู้รายละเอียดอะไรเ พราะทนายจะเป็นคนคุย ผมรู้แค่ว่าที่หน้าห้องประชุมน่าจะมีตำรวจแต่งชุดคฝ.ประมาณสิบคนยืนประจำการอยู่" กีตาร์เล่าถึงบรรยากาศระหว่างอยู่ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ 

ขณะที่รัตน์ก็เล่าทำนองเดียวกันว่า "ตอนที่อยู่ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ไม่ได้มีการสอบปากคำพวกเรา มีแค่ตำรวจนายหนึ่งที่น่าจะอยู่ฝ่ายสืบมาคุยกับพี่ทำนองว่า พวกเขา(สภ.รัตนาธิเบศร์) ไม่ได้ตั้งใจจะจับ และที่ผ่านมาทางสภ.กับกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อน ซึ่งก็ถูก เพราะที่นี่จะมีนายตำรวจท่านหนึ่งที่เคยประสานงานเจรจากับพี่ อะไรถอยได้ก็ถอย พี่ก็เลยถามเขาไปว่าทำไมไม่มาคุยดีๆ ตำรวจที่มาคุยก็บอกว่า จริงๆทางรัตนาธิเบศร์ตั้งใจแค่จะสกัดชะลอขบวนของพวกเขาไว้ชั่วระยะหนึ่งแล้วจะปล่อยให้ไปต่อ แต่มีทางจังหวัดสั่งมาว่าให้ทำการจับกุมก็เลยต้องจับ"

กีตาร์เล่าต่อว่า พอถึงสี่โมงเย็นตำรวจก็มาแจ้งข้อกล่าวหาพวกเขารวมสามข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามชุมนุมตามพรกฉุกเฉินฯ ข้อหาใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาส่งเสียงดังอื้ออึงในที่สาธารณะ ซึ่งจุดนี้รัตน์ระบุว่า ตัวเธอลงจากรถเครื่องเสียงเป็นคนสุดท้ายแต่มีชื่อถูกดำเนินคดีเป็นอันดับแรกในฐานะแกนนำ

"กลายเป็นว่าพี่มีชื่อถูกดำเนินคดีเป็นคนแรกเลย ตำรวจที่มาคุยกับพี่เค้าก็ถามว่าทำไมถึงไม่ขับเข้าไปที่กรุงเทพเลย ขับเวียนปราศรัยในเมืองนนท์ทำไม พี่ก็ตอบไปว่า ก็ที่เมืองนนท์มันมีทั้งกระทรวงพาณิชย์ พี่ก็เลยต้องไปบอกกับประชาชนว่ารัฐบาลไม่ดูแลประชาชน ประชาชนก็ต้องออกมาเรียกร้อง แต่เราก็ไม่ได้ปักหลักเปิดเวทีปราศรัย พวกเราให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี อย่างตอนรวมตัวที่ MRT สะพานพระนั่งเกล้า ตำรวจบอกจอดไม่ได้พวกเราก็ไปวนรถรอคนมาร่วมขบวน"

สำหรับตัวกีตาร์ที่ถูกจับตัวมาด้วยที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ก็เพียงแต่เอาเขามากักไว้เฉยๆ เพราะเขาไม่ได้ถูกตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

"ตอนแรกในเอกสารมันมีชื่อผมด้วย ตำรวจคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นระดับผู้บังคับบัญชาบอกว่า ผมจะไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเพราะผมไม่ได้อยู่บนรถเครื่องเสียงแต่แรก แต่พอเอาเอกสารแจ้งข้อหามามันมีชื่อผมด้วยก็เลยโวยกลับไป เขาบอกว่ามันมีภาพเหตุการณ์ตอนที่ผมลงจากรถ ผมก็เลยโต้ไปว่า งั้นมันก็ต้องมีภาพตอนที่ผมขึ้นไปบนรถด้วยเหมือนกัน จำได้ว่าตอนนั้นผมเดือดแล้วมีขึ้นมึงกูไปด้วย"

รัตน์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมตรงจุดนี้ว่าผู้กำกับการสภ.รัตนาธิเบศร์เป็นคนที่แจ้งกับคนที่ถูกจับมารวมเก้าคนว่าคดีนี้ว่ากันไปตามเนื้อผ้า คนที่ไม่อยู่บนรถเครื่องเสียงตั้งแต่แรกจะไม่ดำเนินคดี แต่รองผู้กำกับคนที่เป็นคนสั่งการช่วงการจับกุมจะดำเนินคดีกับกีตาร์ด้วย รัตน์จึงบอกกับทางตำรวจไปว่าทางเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินคดีกับเธอกับพวกรวมเจ็ดคนแล้ว น้อง (กีตาร์) เขาไม่ได้อยู่บนรถ จะเอาชื่อเขาออกไปสักคนหนึ่งคงไม่เป็นไร เมื่อผู้กำกับยอมรองผู้กำกับก็ยอมตามและนำเอกสารไปแก้ไข
 
1893
ภาพผู้ต้องหา จาก เฟซบุ๊ก เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี

เพราะเพื่อนสู้จึงมีอิสรภาพ

"หลังตำรวจนำเอกสารแจ้งข้อกล่าวหามา ก็บอกกับพี่ว่าจะพาพี่กับคนที่ถูกดำเนินคดีทั้งหมดไปควบคุมและสอบปากคำที่ตชด. แล้วพรุ่งนี้เช้าจะพาตัวกลับมาทำเรื่องฝากขังและประกันตัว พี่ก็บอกไปว่า งั้นวันนี้ก็สอบให้เสร็จไปเลยจะโต้รุ่งก็ได้แล้วก็ประกันตัวพรุ่งนี้เช้า แต่ตำรวจก็ไม่ยอม พี่กับคนที่ถูกจับทั้งหมดเจ็ดคนถูกพาขึ้นรถผู้ต้องหาไปที่ตชด. แต่ปรากฎว่า พอไปถึงเขาก็ไม่เอาพวกเราลงจากรถ ตอนแรกก็ทำท่าเหมือนจะสอบปากคำเราบนรถนั่น แต่พอสุดท้ายม็อบมาก็มีตำรวจโทรมาหาพี่บอกว่า เปลี่ยนแผน เดี๋ยวปล่อยตัวกลับเลยแล้วนัดมารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมทั้งให้การวันที่ 4 สิงหาแทน จากนั้นตำรวจก็รีบพาเราออกจากรถไปพิมพ์ลายนิ้วมือแล้วก็ปล่อยเราไป"

"พอตำรวจพาตัวคนที่ถูกจับไปที่ตชด.ประชาชนก็ไปชุมนุมที่นั่น ผมได้ยินมาว่าตำรวจตชด. กับตำรวจสภ.คลองหลวงที่รับผิดชอบพื้นที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่คนถูกจับถูกส่งไป เพราะพวกเขาไม่เกี่ยวอะไรด้วยแต่กลายเป็นว่าจะต้องถูกพวกเพนกวิ้นไปปราศรัยด่าแทน ส่วนที่รัตนาธิเบศ์ส่งตัวคนที่ถูกจับไปที่ตชด.ฯ ก็เป็นเพราะไม่อยากให้พวกเพนกวิ้นมาปราศรัยด่าที่หน้าสถานี" กีตาร์ระบุ

"พี่เชื่อว่าถ้าไม่มีคนมาชุมนุมที่หน้าตชด.พวกเราก็คงไม่ได้ออกกัน" รัตน์ระบุก่อนปิดท้ายบทสนทนา
Article type: