- iLaw Website
- Documentation Center
บทบันทึกการชุมนุมภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 โดยอ้างความจำเป็นในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพล.อ.ประยุทธ์อาศัยอำนาจตามมาตรา 9 ของพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ออกข้อกำหนตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับที่ 1 โดยมีข้อ 5 กำหนด "ห้ามมิให้มีการชุมนุม กำรทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทำกำรดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ภายในเขตพื้นที่ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานกรณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงประกาศกำหนด" โดยผู้ที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดนี้จะมีโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แม้จะมีข้อจำกัดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และข้อกำหนดห้ามชุมนุมตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ประชาชนส่วนหนึ่งก็ยังออกมาทำกิจกรรมรำลึกถึงเหตุการณ์ทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ที่ครบรอบสิบปีในปีนี้ รวมถึงการรัฐประหาร 2557 ที่ครบรอบหกปีในปีนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มประชาชนที่รวมตัวทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในประเด็นทางเศรษฐกิจเรียกร้องให้ประกันสังคมจ่ายเงินสะสมวัยชราให้ผู้ประกันตนบางส่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ต้องตกงานหรือขาดรายได้เพราะมาตรการรับมือกับโรคโควิด 19 ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศห้ามชุมนุมตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ผู้ชุมนุมเองก็มีความพยายามปรับตัว ทั้งปรับรูปแบบกิจกรรมให้เป็นลักษณะของการรำลึกหรือไว้อาลัย บางกลุ่มหลีกเลี่ยงการประกาศเชิญชวนประชาชนใช้วิธีนัดกันเป็นการส่วนตัวเพื่อไปแสดงสัญลักษณ์เป็นเวลาสั้นๆ
หากนับตั้งแต่วันที่ 13-22 พฤษภาคม 2563 ซึ่งเป็นวันครบรอบหกปี การรัฐประหาร มีการชุมนุมหรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในที่สาธารณะเกิดขึ้นอย่างน้อยแปดครั้ง มีอย่างน้อยสามกรณีที่ผู้จัดหรือเข้าร่วมกิจกรรมถูกดำเนินคดี โดยมีสองกรณีที่ตั้งข้อกล่าวหาด้วยพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ตั้งข้อหาพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 'ฟอร์ด เส้นทางสีแดง' หลังจัดรำลึกเสธ.แดง
วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกถูกยิงเสียชีวิตบริเวณแยกศาลาแดงระหว่างร่วมการชุมนุมกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในโอกาสครบรอบ 10 ปี การเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ อนุรักษ์ เจนตะวณิชหรือ 'ฟอร์ด เส้นทางสีแดง' นักกิจกรรมทางสังคมประกาศจัดกิจกรรมรำลึกถึงเสธ.แดงบนเฟซบุ๊กของเขา โดยในวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 อนุรักษ์โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
"ปีนี้ครบรอบ 10 ปีที่เสธแดงถูกลอบยิงเสียชีวิตในขณะที่ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยที่ราชประสงค์ ทุกปีจะมีคนเสื้อแดงที่ไม่ลืมการเสียสละของเขานำดอกไม้ เทียนแดงไปวางตรงที่เขาถูกยิงบริเวณลานพระรูปร.6 จุดขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้า BTR สีลมเพื่อรำลึกดวงวิญญาณของเขา ทว่าในวันนี้ีที่ยังมี พรก.ฉุกเฉินอยู่ การชุมนุมทางการเมืองยังเป็นสิ่งต้องห้าม แต่หากมีประชาชนต่างคนต่างไปนำดอกไม้และเทียนแดงไปจุด ยืนนิ่งอย่างสงบ 3 นาทีโดยไม่มีกิจกรรมทางการเมืองอย่างอื่น
ผมเชื่อว่าตำรวจ สน.ลุมพินีจะไปอำนวยความสะดวก จัดระเบียบให้ประชาชนเข้าออก ตลอดจนดูแลไม่ให้มีการจัดกิจกรรมทางการเมือง รักษาระยะห่าง 1 เมตรเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส ขอขอบคุณทุกท่านมาณ.ที่นี้ #ที่เก่าเวลาเดิม"
งานรำลึกสิบปีการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก 13 พฤษภาคม 2563
เห็นได้ชัดว่า อนุรักษ์เองก็ทราบเรื่องข้อจำกัดการทำกิจกรรมภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯและพยายามชี้แจงเรื่องการทำกิจกรรมในลักษณะที่น่าจะไม่ขัดต่อกฎหมาย หลังจากนั้นในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 อนุรักษ์ก็โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กตัวเองอีกครั้ง ทำนองเดียวกันว่า
"พรุ่งนี้ครบรอบ 10 ปีการจากไปของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล จุดที่เสธแดงถูกยิงคือบริเวณทางขึ้นลงรถไฟฟ้าใต้ดิน BRT สถานี Silom ฝั่งตรงข้ามรร.ดุสิต วันพรุ่งนี้จะมีคนเสื้อแดงไปจุดเทียนแดง วางดอกไม้แดงเพื่อรำลึกถึงดวงวิญญาณของเขาที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องประชาชน ถึงแม้ในยามมีพรก.ฉุกเฉินแต่หากไปวางดอกไม้ด้วยความเป็นระเบียบ ใส่หน้ากากอนามัย ใช้เวลาคนละ 3 นาทีและไม่มีการจัดกิจกรรมการเมืองหรือการปราศรัยผมเชื่อว่าตำรวจสน.ลุมพินีจะไปอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเหมือนทุกปี #ที่เก่าเวลาเดิมทุกปี"
งานรำลึกสิบปีการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก 13 พฤษภาคม 2563
ในวันที่ 13 พฤษภาคมเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบวางประมาณ 50 นาย วางกำลังที่สวนลุมพินีตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 น.โดยที่สวนลุมพินียิงมีการนำไวนิลขนาดใหญ่พิมพ์ข้อกำหนดเรื่องห้ามชุมนุมตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินขนาดใหญ่มาติดไว้ด้วย ในเวลาประมาณ 16.50 น. อนุรักษ์และประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมทยอยกันมาถึงที่จุดทำกิจกรรม ระหว่างการทำกิจกรรมอนุรักษ์ประสานงานกับเจ้าหน้าที่และคอยสื่อสารกับผู้ชุมนุมในเรื่องต่างๆ เช่น ให้รักษาระยะห่างในการทำกิจกรรม และห้ามโพสต์รูปภาพระหว่างทำกิจกรรม เจ้าหน้าที่ยังมีการกั้นบริเวณจัดกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมต้องผ่านจุดคัดกรองวัดอุณหภูมิร่างกายรวมทั้งมีการนำเจลแอลกอฮอลล์มาตั้งให้ผู้ร่วมการชุมนุมใช้ล้างมือก่อนเข้าไปวางดอกไม้ด้วย ในขณะที่กิจกรรมดำเนินไปอนุรักษ์ยังถ่ายทอดสดกิจกรรมบนเฟซบุ๊กเป็นเหตุการณ์ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งที่มาร่วมไว้อาลัยถือป้ายไวนิลที่มีภาพเสธ.แดงด้วยโดยประชาชนที่อยู่ในในภาพไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย
งานรำลึกสิบปีการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก 13 พฤษภาคม 2563
ระหว่างการทำกิจกรรมมีประชาชนอย่างน้อยหนึ่งคนถือป้ายเขียนข้อความซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาเก็บโดยให้เหตุผลว่ากิจกรรมในวันนี้เป็นการไว้อาลัย หากถือป้ายข้อความแสดงออกอาจเข้าข่ายการชุมนุม กิจกรรมดำเนินไปอย่างเรียบร้อยจนถึงเวลาประมาณ 19.00 น. ขัตติยา สวัสดิผล บุตรสาวของพล.ต.ขัตติยะเดินทางมาไว้อาลัยให้พ่อของเธอ จากนั้นอีกไม่นานกิจกรรมก็ยุติลงด้วยความเรียบร้อย เวลา 19.30 น. อนุรักษ์โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า เขาถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปที่สน.ลุมพินี จากนั้นในเวลา 22.38 น. ในวันเดียวกัน อนุรักษ์โพสต์ภาพบันทึกการจับกุมบนเฟซบุ๊กพร้อมเขียนข้อความสรุปได้ว่า เขาประสานงานและให้ความร่วมมือกับตำรวจด้วยดี ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวมหน้ากากอนามัย และจัดระเบียบเว้นระยะห่าง แต่น่าจะมาพลาดตรงที่เชิญผู้ร่วมกิจกรรมมาถ่ายภาพกับป้ายภาพพล.ต.ขัตติยะ โดยเอกสารบันทึกการจับกุมของสน.ลุมพินีระบุตอนหนึ่งว่า ในขณะที่มีการทำกิจกรรม ผู้ร่วมกิจกรรมหลายคนไม่สวมหน้ากากอนามัย ผู้ร่วมกิจกรรมหลายคนจับกลุ่มพูดคุยกัน ถ่ายภาพร่วมกัน จับกลุ่มกันอย่างแออัดโดยไม่มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล อันเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ในทางคดีอนุรักษ์ให้การปฏิเสธและต้องวางเงิน 40,000 บาทกับตำรวจเพื่อประกันตัวในชั้นสอบสวน
ดูรายละเอียดคดีของอนุรักษ์
ภาพถ่ายเหตุการณ์ที่อนุรักษ์ระบุว่าน่าเป็นหนึ่งในเหตุที่เจ้าหน้าที่นำมาใช้ดำเนินคดีเขา (ภาพจากเฟซบุ๊กฟอร์ด เส้นทางสีแดง)
รำลึกน้องเฌอและชุมนุมที่ประกันสังคมผ่านไปด้วยดีไม่มีคดีความ
วันที่ 15 พฤษภาคม มีการรวมตัวทำกิจกรรมเกิดขึ้นสองครั้ง ช่วงเช้ากลุ่มผู้ประกันตนรวมตัวกันที่สำนักงานประกันสังคมภายในกระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี เพื่อเรียกร้องให้ประกันสังคมจ่ายเงินสะสมของผู้ประกันตนบางส่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบเพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ส่วนช่วงเย็นมีกิจกรรมรวมตัวรำลึกครบรอบสิบปีการเสียชีวิตของสมาพันธ์ ศรีเทพหรือ "เฌอ" เยาวชนวัย 17 ปี ที่เสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 ที่ซอยรางน้ำ
กิจกรรมเริ่มในเวลาประมาณ 8.00 น.ผู้ร่วมการชุมนุมประมาณ 20 คนรวมตัวกันที่ป้ายรถประจำทางตรงข้ามสำนักงานประกันสังคม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนสวมหน้ากากบางคนเตรียมป้ายเขียนข้อความทำด้วยกระดาษเอสี และกระดาษแข็งขนาดใหญ่มาด้วย ในเวลาประมาณ 9.30 น. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเริ่มแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามสำนักงานประกันสังคมด้วยการถือป้ายและตะโกนสโลแกน "ขอคืนไม่ได้ขอทาน" โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบสามนายและนอกเครื่องแบบอีกประมาณห้านายมาคอยบันทึกภาพการทำกิจกรรม หลังจากนั้นในเวลา 10.00 น. ผู้ร่วมกิจกรรมทั้ง 20 คน ก็เดินเท้าข้ามฝั่งไปถือป้ายเขียนข้อความให้สื่อมวลชนถ่ายภาพที่หน้าป้ายประกันสังคมก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งที่บริเวณทางเข้าสำนักงานประกันสังคม
การชุมนุมเรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคมจ่ายเงินสะสมวัยเกษียณของผู้ประกันตนที่สำนักงานประกันสังคม 15 พฤษภาคม 2563
ตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมทั้งการเดินและการนั่งสมาธิแผ่เมตตา ผู้ร่วมกิจกรรมจะเว้นระยะห่างกันและสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา กิจกรรมดำเนินไปจนถึงเวลาประมาณ 12.00 น. จึงยุติโดยที่ทางสำนักงานประกันสังคมได้เตรียมข้าวและน้ำดื่มไว้ให้ผู้ร่วมกิจกรรมด้วย มีข้อสังเกตว่าแม้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกือบทุกคนจะถือป้ายเขียนข้อเรียกร้องแต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้มาแทรกแซงหรือสั่งให้เก็บป้ายแต่อย่างใด
การชุมนุมเรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคมจ่ายเงินสะสมวัยเกษียณของผู้ประกันตนที่สำนักงานประกันสังคม 15 พฤษภาคม 2563
วันเดียวกันในช่วงค่ำมีอีกกิจกรรมหนึ่งที่ซอยรางน้ำเป็นกิจกรรมรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 ซึ่งบริเวณนั้นมีผู้เสียชีวิตสามคนหนึ่งในนั้นคือสมาพันธ์ ศรีเทพหรือ "เฌอ" เด็กหนุ่มวัย 17 ปี รวมอยู่ด้วย โดยปกติงานรำลึกที่ "หมุดเฌอ" ซึ่งเป็นแผ่นเหล็กสลักรูปเฌอที่ถูกฝังทับกระเบื้องตรงจุดที่เฌอเสียชีวิตจะเป็นกิจกรรมที่มีคนมารวมตัวหลายคนแต่ในปีนี้มีผู้มาเข้าร่วมรำลึกไม่มากนักคาดว่าน่าจะเป็นเพราะมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและไม่มีการประกาศล่วงหน้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กิจกรรมในวันนั้นมีผู้มาร่วมรำลึกถึงเฌอประมาณ 20 คน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนสวมอนามัยเกือบตลอดเวลาแม้แต่ช่วงที่พันธ์ศักดิ์กล่าวคำรำลึกถึงบุตรชายและช่วงที่ศิลปินคนหนึ่งอ่านบทกวีก็ไม่ได้ถอดหน้ากาก
กิจกรรมรำลึกผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุมที่ซอยรางน้ำ 15 พฤษภาคม 2563
มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบมาคอยสังเกตการณ์และบันทึกภาพประมาณ 15 - 20 คน หลังกิจกรรมดำเนินไปได้ครู่ใหญ่ประกฎว่ามีเจ้าหน้าที่เทศกิจประมาณสามนายเดินมาที่บริเวณนั้นและฝากให้ประชาชนที่อาศัยอยู่แถวนั้นเดินมาบอกกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมว่าให้จดชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนให้ด้วยและสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่เทศกิจคนหนึ่งเข้ามาถ่ายภาพกิจกรรมด้วยแต่เท่าที่ทราบสุดท้ายไม่มีใครจดชื่อหรือเบอร์โทรศัพท์ให้ทางเทศกิจ กิจกรรมยุติลงด้วยความเรียบร้อยในเวลาประมาณ 19.00 น.เท่าที่ทราบหลังกิจกรรมไม่ได้มีการดำเนินคดีกับบุคคลใด
การชุมนุมเรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคมจ่ายเงินสะสมวัยเกษียณของผู้ประกันตนที่สำนักงานประกันสังคม 15 พฤษภาคม 2563
วางดอกไม้ 10 ปี สลายชุมนุมราชประสงค์ เจ้าหน้าที่ตั้งจุดคัดกรองเข้มแต่ไม่กระทบกิจกรรม
9 พฤษภาคม 2563 เป็นวันครบรอบ 10 ปี เหตุการสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ ในวันนี้มีการจัดกิจกรรมแยกเป็นสอง สองจุด จุดแรกที่วัดปทุมวนาราม พะเยาว์ อัคฮาด แม่ของกมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในวัดปทุมวนาราม พะเยาว์ไม่สามารถเข้าไปในวัดได้เนื่องจากที่หน้าวัดติดป้ายว่าปิดพ่นยาฆ่าเชื้อระหว่างวันที่ 18 - 20 พฤษภาคม 2563 พะเยาว์จึงทำได้เพียงนำรูปและดอกไม้วางและยืนไว้อาลัยที่หน้าประตูวัดแทน ระหว่างที่กิจกรรมดำเนินไปมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบประมาณหกนายคอยถ่ายภาพและสังเกตการณ์ และเท่าที่สังเกตน่าจะมีเจ้าหน้าที่บางส่วนประจำการบนทางเดินสกายวอล์กเพื่อถ่ายภาพและสังเกตการณ์จากมุมสูงด้วย กิจกรรมที่หน้าวัดปทุมวนารามผ่านไปด้วยดีโดยไม่มีการแทรกแซงใดๆจากเจ้าหน้าที่
กิจกรรมไว้อาลัยกมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม 19 พฤษภาคม 2563
สำหรับกิจกรรมสี่แยกราชประสงค์ตั้งแต่ก่อนเวลา 17.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นแผงเหล็กที่บริเวณป้ายสี่แยกราชประสงค์ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าจะมีประชาชนมาทำกิจกรรมรำลึกและมีพยาบาลจากโรงพยาบาลมาปฏิบัติหน้าที่คัดกรองวัดอุณภูมิร่างกายของบุคคลที่จะเข้าไปทำกิจกรรมรำลึกและมีการตั้งเจลล้างมือให้ผู้มาร่วมกิจกรรมใช้ ไม่พบว่ามีการนำกระถางดอกไม้มาวางจนเต็มพื้นที่อย่างที่เคยทำในกิจกรรมชุมนุมครั้งก่อนๆ ขณะที่บนสกายวอล์กมีการกั้นพื้นที่บางส่วน มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบยืนเฝ้าตามแต่ละจุดและมีการตั้งกล้องวงจรปิดถ่ายจากด้านบนสกายวอล์กลงมายังจุดที่มีการกิจกรรมรำลึก เวลา 17.30 น.เริ่มมีประชาชนที่บางส่วนสวมเสื้อสีแดงเข้ามายืนและนั่งบริเวณป้ายราชประสงค์ ประมาณ20-30คน ทุกคนต้องวัดอุณภูมิก่อนเข้าไปทำกิจกรรม โดยรอบๆพื้นที่จัดงานมีเจ้าหน้าที่ทั้งในเครื่องและนอกเครื่องแบบยืนสังเกตการณ์รวมกันประมาณ 50 นาย
กิจกรรมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่สี่แยกราชประสงค์ 19 พฤษภาคม 2563
ตลอดกิจกรรมตำรวจในเครื่องแบบนายหนึ่งจะคอยพูดจากเครื่องขยายเสียงขอให้ผู้ร่วมกิจกรรมรักษาระยะห่างในการทำกิจกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และขอให้เว้นทางเพื่อให้ประชาชนที่ต้องการใช้ทางสัญจรเดินผ่านไปมาได้ และแม้บางช่วงเวลาที่ผู้ร่วมกิจกรรมร่วมกันจัดเทียนและนักข่าวเข้าไปถ่ายภาพจนบางครั้งอาจเบียดกันบ้างเจ้าหน้าที่ก็จะคอยประกาศเตือนให้รักษาระยะห่าง แต่ไม่ได้มีการเข้ามาแทรกแซงหรือสั่งให้เลิกกิจกรรมขณะที่ผู้ร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโดยเกือบทั้งหมดสวมหน้ากากตลอดเวลา
กิจกรรมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่สี่แยกราชประสงค์ 19 พฤษภาคม 2563
การทำกิจกรรมรำลึกดำเนินไปถึงเวลาประมาณ 18.50 น. ตำรวจที่รับหน้าที่ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเริ่มประกาศว่าขณะนี้กิจกรรมดำเนินมาพอสมควรแล้วขอให้ผู้ร่วมกิจกรรมรำลึกทยอยกลับบ้านเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของกทม.ได้เข้ามาทำความสะอาดและปรับพื้นที่ให้คืนสภาพเดิน ผู้ร่วมกิจกรรมบางส่วนเริ่มทยอยเดินทางกลับ ก่อนที่กิจกรรมจะยุติลงในเวลาประมาณ 19.00 น.ด้วยความเรียบร้อย
กิจกรรมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่สี่แยกราชประสงค์ 19 พฤษภาคม 2563
เท่าที่ทราบกิจกรรมรำลึกในครั้งนี้ไม่ได้มีการโฆษณาทางสื่อสังคมออนไลน์ เป็นไปได้ว่าผู้ทำกิจกรรมอาจจะชักชวนกันเป็นการส่วนตัวหรือบางส่วนอาจตั้งใจมาเองโดยไม่ได้นัดหมายกับผู้อื่น นอกจากนั้นเท่าที่สังเกตก็พบว่าในวันนี้แทบไม่มีการแสดงออกในลักษณะของการชูป้ายเลย มีเพียงการนำป้ายเขียนข้อความ ที่นี่มีคนตาย และข้อความรำลึกประมาณสี่ถึงห้าแผ่นมาวางที่พื้นตรงจุดที่มีการวางดอกไม้และจุดเทียนรำลึก และมีชายคนหนึ่งถือป้ายข้อความ Stay Safe และข้อความเกี่ยวกับโรคโควิด19 นอกจากนี้มีการชูสัญลักษณ์สามนิ้วและการร่วมร้องเพลงนักสู้ธุลีดินเท่านั้น
หกปีรัฐประหาร กับวันอลวนของสี่ผู้ต้องหา
22 พฤษภาคม 2563 ครบรอบหกปีการรัฐประหาร จากการเฝ้าติดตามสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะเฟซบุ๊กของกลุ่มกิจกรรมนักศึกษาต่างๆไม่พบว่ามีกลุ่มใดที่ประกาศจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมสาธารณะเนื่องในโอกาสครบรอบหกปี การรัฐประหาร มีเพียงเฟซบุ๊กของอนุรักษ์ เจนตวณิชย์ หรือ 'ฟอร์ด เส้นทางสีแดง' ที่โพสต์ข้อความในวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 เชิญชวนประชาชนไปร่วมกิจกรรมดนตรีระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่หน้าหอศิล์กรุงเทพฯระหว่างเวลา 17.00 น. ถึง 20.00 น.
เมื่อถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ปรากฎว่ามีการจัดกิจกรรามเกิดขึ้นในเวลาและสถานที่ที่แตกต่างกันสามกิจกรรม ช่วงเช้า เครือข่ายนักเรียน นิสิต นักศึกษาเคียงข้างประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(คนป.) จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ชูป้ายที่รัฐสภา อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กองบัญชาการกองทัพบกและทำเนียบรัฐบาล เนื่องในโอกาสครบรอบหกปีการรัฐประหาร จากนั้นในช่วงบ่ายถึงเย็น สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย - สนท. ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและหน้าทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ช่วงเย็นถึงค่ำก็มีกิจกรรมที่จัดโดยกลุ่มของอนุรักษ์ที่หอศิลป์กรุงเทพฯ โดยกิจกรรมของนักศึกษาทั้งสองกลุ่มไม่มีการประกาศเชิญชวนประชาชนเข้าร่วม
คนป.ตระเวนชูป้ายเจอถ่ายภาพเจาะหน้าและขอข้อมูลส่วนตัว
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล สมาชิกคนป.คนหนึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต่อการทำกิจกรรมของพวกเธอว่า ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 เธอกับเพื่อนรวมสิบคนนัดกันไปแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่หน้ารัฐสภาในเวลา 9.30 น. โดยชูป้าผ้าเขียนข้อความ ส.ว. ที่เครื่องหมายกากบาทขีดทับและข้อความสสร” ที่มีเครื่องหมายถูกเพื่อสื่อถึงการคัดค้านการทำงานของส”ว.และเสนอให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยกลไก สภาร่างรัฐธรรมนูญหรือสสร.ที่มีที่มายึดโยงกับประชาชน ภัสราวลี เล่าว่าทันทีที่เธอกับเพื่อนๆกางป้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสภาก็เข้ามาสอบถามว่ามาทำอะไร และจะขอดูป้าย แต่รปภ.ก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือขับไล่ ระหว่างที่กิจกรรมดำเนินไปผู้สื่อข่าวประจำสภาก็เดินมาดูและถ่ายภาพ พวกเธอจึงแจ้งนักข่าวว่าจะไปทำกิจกรรมต่อที่กองทัพบก
กิจกรรมรำลึก 6 ปี รัฐประหารของคสช. ของเครือข่ายนักเรียน นิสิต นักศึกษาเคียงข้างประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล (ภาพจากเฟซบุ๊กเพจของทางเครือข่าย)
เมื่อมาถึงที่กองบัญชาการกองทัพบกในเวลาประมาณ 10.00 น.มีทั้งเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบอย่างน้อยสิบนายมาประจำการรออยู่พร้อมกับผู้สื่อข่าว ทันทีที่เธอกับเพื่อนๆแสดงตัวว่าจะถือป้ายผ้าเขียนข้อความ “กองทัพสีเทา”และ “ตัดงบกองทัพแก้ covid19 “เจ้าหน้าที่ทหารรักษาการก็เดินเข้ามาแจ้งว่าห้ามถือป้ายบริเวณหน้าป้ายกองทัพบกและได้นำแผงเหล็กมากั้นบริเวณหน้าป้าย แต่เมื่อพวกเธอขยับไปทำถือป้ายพ้นจากป้ายกองทัพบกเจ้าหน้าที่ทหารคนดังกล่าวก็ปล่อยให้พวกเธอทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์กันต่อไป ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนำโทรศัพท์มาถ่ายภาพเธอและเพื่อนๆที่ถือป้ายแบบเก็บรายละเอียดใกล้ที่ใบหน้าและพยายามถามชื่อและสถาบันการศึกษาว่าแต่ละคนเรียนที่ไหน ซึ่งบางคนก็ตอบบางคนก็ไม่ตอบ พวกเธอใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็เคลื่อนขบวนไปหน้าทำเนียบรัฐบาลโดยนระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่นอกเคื่องแบบทั้งเดิมตามและขี่มอเตอร์ไซค์ตามคอยถ่ายภาพพวกเธอตลอดเวลา
กิจกรรมรำลึก 6 ปี รัฐประหารของคสช. ของเครือข่ายนักเรียน นิสิต นักศึกษาเคียงข้างประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กองบัญชาการกองทัพบก (ภาพจากเฟซบุ๊กเพจของทางเครือข่าย)
เมื่อถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล ภัสราวลีระบุว่าเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบวางกำลังตามประตูต่างทางเขาทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ประตูทำเนียบทุกบานถูกปิดและไม่น่าจะมีเจ้าหน้าที่ของทำเนียบอยู่ด้านนอก อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่คนไหนเข้ามาห้ามปรามพวกเขาทำเพียงอย่างเดียวคือติดตามถ่ายภาพพวกเธอตลอดเวลา ภัสราวลีเล่าต่อว่าพวกเธอใช้เวลาถือป้ายผ้า 2191 วัน กับเผด็จการที่หน้าทำเนียบรัฐบาลประมาณสิบนาที จากนั้นจึงขับรถไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยซึ่งจะเป็นจุดสุดท้ายของการทำกิจกรรม โดยเดินทางด้วยรถส่วนตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ติดตามพวกเธอไป

กิจกรรมรำลึก 6 ปี รัฐประหารของคสช. ของเครือข่ายนักเรียน นิสิต นักศึกษาเคียงข้างประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (ภาพจากเฟซบุ๊กเพจของทางเครือข่าย)
เมื่อมาถึงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็มีทั้งผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 20 - 30 นาย วางกำลังรออยู่แล้ว ภัสราวลีระบุว่าพวกเธอไม่ได้ทำกิจกรรมในทันทีที่มาถึงเพราะต้องรอเพื่อนอีกกลุ่มมาสมทบ โดยแม้แต่ระหว่างที่พวกเธอนั่งรอเพื่อนเจ้าหน้าที่ก็ยังถ่ายภาพพวกเธอแทบทุกอิริยาบท จากนั้นสมาชิกผู้ร่วมกิจกรรมตามมาจนครบ ภัสราวลีและเพื่อนๆก็ท่าจะเดินขึ้นไปทำกิจกรรมบนตัวอนุสาวรย์ประชาธิปไตย ทว่ารอบอนุสาวรีย์ก็มีรั้วกั้น และตำรวจก็เข้ามาเจรจาว่าไม่ให้ทำกิจกรรมบนตัวอนุสาวรีย์ ทางกลุ่มจึงต้องย้ายไปถือป้ายผ้าและพวงหรีดที่เกาะกลางถนนตรงข้ามอนุสาวรีย์แทนโดยใช้เวลาทำกิจกรรมประมาณ 15 นาทีก็ยุติและเตรียมแยกย้าย
ภัสราวลีเล่าต่อว่าหลังเลิกกิจกรรมมีตำรวจท้องที่นายหนึ่งเดินมาหาเธอมาแนะนำตัวและขอแลกเบอร์โทร์กับไลน์ เบื้องต้นเธอเห็นว่าเขามาแลกข้อมูลด้วยดีจึงให้เบอร์โทรและไลน์ไป แต่หลังจากนั่งรถออกมาแล้วเจ้าหน้าที่นายนั้นก็โทรมาหาเธออีกหลายครั้งเพื่อขอข้อมูล เช่น ขอให้บอกข้อมูลส่วนตัว ชื่อ และสถาบันการศึกษาซึ่งเธอก็ไม่ได้ให้ข้อมูล เมื่อเธอปฏิเสธเขาก็โทรกลับมาอีกและพูดทำนองว่า หากไม่ให้ความร่วมมือด้วยการให้ข้อมูลก็อาจจะไม่ให้เข้ามาทำกิจกรรมในพื้นที่ในอนาคตและบอกว่าจริงๆทางตำรวจก็มีข้อกฎหมายจะเอาผิดได้ แต่เห็นว่าทางกลุ่มทำกิจกรรมในเวลาอันสั้นจึงผ่อนปรนให้
สนท. แห่ป้าย “6 ปีแล้วนะไอสัส” สุดท้ายโดนปรับข้อหาแต่งท่อ - ไม่มีใบขับขี่ - จอดรถกีดขวาง
ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล โฆษกสนท.ให้ข้อมูลว่า พวกเธอเริ่มทำกิจกรรมในเวลาประมาณ 13.00 น. โดยเริ่มขับรถกระบะที่ดัดแปลงเป็นรถแห่ติดป้ายไวนิลที่มีรูปพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมข้อความ "6 ปีแล้วนะไอสัส" ขับไปบนถนนในกรุงเทพโดยเริ่มจากวนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิสามรอบ ไปตามถนนพญาไทผ่านห้างเซนทรัลเวิล์ดก่อนจะไปเยาวราช โดยระหว่างทางหยุดที่หัวลำโพงเพื่อถ่ายภาพลงบนเพจเฟซบุ๊กของสนท.ก่อนเดินทางต่อ ซึ่งในช่วงนี้เท่าที่สังเกตพวกเธอยังไม่ถูกเจ้าหน้าที่ติดตาม ในเวลาประมาณ 15.00 น. ปนัสยาเล่าว่าพวกเธอไปถึงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเมื่อไปถึงยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่มารอพวกเธอแต่ติดตามมาในบริเวณจัดกิจกรรมอย่างรวดเร็วคล้ายคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีคนมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
กิจกรรมรำลึก 6 ปี รัฐประหารของสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 22 พฤษภาคม 2563 (ภาพจากเฟซบุ๊กเพจของสหภาพ)
ปนัสยา เล่าต่อว่าทันทีที่เธอกับเพื่อนอีก 6 คนเดินเข้ามาในพื้นที่เจ้าหน้าที่นายหนึ่งเดินเข้ามาคุยด้วย อ้างว่าทำกิจกรรมไม่ได้เพราะมีพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาพริษฐ์หรือเพนกวิ้น เพื่อนนักกิจกรรมในกลุ่มทำหน้าที่เจรจากับตำรวจขณะทีคนอื่นๆช่วยกันมัดป้ายผ้าเขียนข้อความ 2563 เผด็จการครองเมือง เข้ากับแนวรั้วที่กั้นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยส่วนรถแห่ก็ยังขับวนไปเรื่อยๆ หลังพวกเธอผูกป้ายและทำกิจกรรมแล้วเสร็จก็เตรียมเดินทางออกจากพื้นที่แต่ระหว่างนั้นพริษฐ์ ชิวารักษ์หรือเพนกวิ้นถูกพาตัวไปพูดคุยที่ร้านแม็คโดนัลด์ เพื่อนร่วมกลุ่มสองคนจึงติดตามพริษฐ์ไปส่วนตัวเธอกับเพื่อนอีกสามคนนั่งรถออกมาก่อน ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่นายหนึ่งทำท่าจะติดตามมาคุยกับพวกเธอแต่เมื่อปรึกษาทนายทางโทรศัพท์ได้ความว่าพวกเธอมีสิทธิเลือกที่จะไม่คุยกับตำรวจได้จึงได้ขับรถออกไป
กิจกรรมรำลึก 6 ปี รัฐประหารของสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล 22 พฤษภาคม 2563 (ภาพจากเฟซบุ๊กเพจของสหภาพ)
ปนัสยาเล่าต่อว่าหลังจากนั้นเธอกับเพื่อนอีกสามคนไปพักกินข้าวเพื่อรอทำกิจกรรมต่อในช่วงเย็นส่วนพริษฐ์กับเพื่อนอีกสองคนอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร้านแมคโดนัลด์ประมาณชั่วโมงเศษจากนั้นจึงถูกพาตัวไปที่สน.สำราญราษฎรเพื่อเปรียบเทียบปรับในข้อหาตามพ.ร.บ.จราจรฯ ซึ่งประชาไทรายงานว่าเวลาที่ทั้งสามถูกพาตัวไปคือ 17.30 น. ปนัสยาเล่าต่อว่าเธอกับเพื่อนอีกสามคนที่ไม่ถูกควบคุมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ตามมาสมทบเดินเท้าจากบริเวณกระทรวงศึกษาธิการไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์รอบที่สอง เมื่อพวกเธอเดินเท้าข้ามไปฝั่งทำเนียบรัฐบาลปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาประจำตามประตูของทำเนียบรัฐบาลอยู่ก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่นายหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอซึ่งเดินมากับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง พร้อมถามว่า "จะไปไหนครับน้อง" เธอกับเพื่อนจึงสาวเท้าเร็วขึ้นแต่เจ้าหน้าที่คนเดิมตามมาดักหน้าทั้งสองคนทันและจับแขนเพื่อนของเธอซึ่งตอบโต้ด้วยการพูดว่า "คุณมีสิทธิอะไรมาแตะตัวฉัน"
กิจกรรมรำลึก 6 ปี รัฐประหารของสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ที่หัวลำโพง 22 พฤษภาคม 2563 (ภาพจากเฟซบุ๊กเพจของสหภาพ)
ปนัสยาเล่าต่อว่าเมื่อเพื่อนของเธอพูดไปแบบนั้นเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยมือเธอกับเพื่อนจึงเดินเลยไปถึงหน้าประตูใหญ่ของทำเนียบรัฐบาลและกางป้ายผ้าผืนเดียวกับที่ใช้แขวนที่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตยออก และยืนถ่ายภาพประมาณ 10 - 15 นาที หลังยุติกิจกรรม เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนายหนึ่งเข้ามาพูดคุยกับปนัสยาว่า คนที่มาเรียนกันที่ไหน มาจากกลุ่มไหนแต่ไม่ได้ถามชื่อ หรือเบอร์โทรศัพท์ของผู้มาร่วมกิจกรรม หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่งเดินมาพูดคุยด้วยว่าการทำกิจกรรมหากพ้นจากระยะ 50 เมตรจากทำเนียบรัฐบาลก็สามารถทำได้ ปนัสยาระบุด้วยว่าตอนที่พวกเธอเดินมาเจ้าหน้าที่มีความพยายามที่จะเอาป้ายผ้าไปเหมือนกันแต่เมื่อพวกเธอกางป้ายถ่ายภาพได้สำเร็จเจ้าหน้าที่ก็ยุติความพยายามดังกล่าวและปล่อยให้พวกเธอทำกิจกรรมตามที่ตั้งใจ
เมื่อพวกเธอจะเดินทางกลับด้วยรถแท็กซี่ก็มีเจ้าหน้าที่เดินตามมาสอบถามว่าจะไปไหนกันและได้ถ่ายภาพทะเบียนรถแท็กซี่ไปด้วยและขับรถติดตามพวกเธอด้วยโดยปนัสยาสังเกตว่ารถที่เจ้าหน้าที่ใช้ติดตามน่าจะเป็นรถของจราจรที่มีระบบค้นหาจีพีเอสติดตั้งไว้ด้วย อย่างไรก็ตามรถตำรวจติดตามมาครู่หนึ่งก็แยกไปส่วนพวกเธอห้าคนให้แท็กซี่มาส่งที่อนุสาวรีย์ชัยซึ่งมีคนพลุกพล่านจากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน
ทั้งนี้ประชาไทรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งข้อกล่าวหาว่าในคดีตามพ.ร.บ.จราจรว่า เจ้าหน้าที่เปรียบเทียบปรับกลุ่มของพริษฐ์รวมสามข้อกล่าวหาได้แก่ไม่พกใบอนุญาตขับขี่ จอดรถกีดขวางเส้นทาวจราจร และดัดแปลงท่อไอเสียรถยนต์ พริษฐ์ชี้แจงเกี่ยวกับข้อหาจอดรถกีดขวางเส้นทางจราจรว่าทางกลุ่มไม่ได้มีเจตนาที่จะจอดรถกีดขวางทางจราจร แต่เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมรถไว้ขณะติดไฟแดง จึงไม่สามารถขยับรถออกจากจุดที่จอดติดไฟแดงได้ จากการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมปนัสยาให้ข้อมูลว่าพริษฐ์ไม่ได้ถูกต้องข้อกล่าวหาใดๆเนื่องจากเขาไม่ใช่ผู้ขับขี่รถและไม่ใช่เจ้าของรถแต่เจ้าหน้าที่ก็เอาตัวเขาไว้ที่สถานีจนเวลาประมาณ 19.00 น. จึงปล่อยตัวไป
ในภายหลัง พริษฐ์หรือเพนกวิ้น หนึ่งในสมาชิกสนท. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ช่วงที่เขาและเพื่อนอีกสองคนถูกพาตัวไปพูดคุยกับตำรวจที่ร้านแม็คโดนัลด์หลังเสร็จกิจกรรมในเวลา 15.30 น. จนถึงเวลาประมาณ 19.30 น. จนไม่ได้ไปร่วมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์กับเพื่อนๆที่ทำเนียบรัฐบาลให้ข้อมูลเพิ่มเติมภายหลังว่า ในช่วงที่พวกเขากำลังทำกิจกรรมผูกป้ายผ้าเจ้าหน้าที่ก็พูดเรื่องความเป็นไปได้ในการดำเนินคดีฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯอยู่ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดถึงข้อหานี้อีก เมื่อเขาเสร็จกิจกรรมเจ้าหน้าที่เชิญเขาและเพื่อนอีกสองคนไปพูดคุยที่ร้านแม็คโดนัลด์ซึ่งที่นั่นเพื่อนของเขาถูกเปรียบเทียบปรับตามพ.ร.บ.จราจรฯ จากกรณีไม่พกพาใบขับขี่ และจอดรถกีดขวางทางจราจร
ระหว่างการพูดคุยพริษฐ์สังเกตว่าเจ้าหน้าที่คู่สนทนาของเขาจะรับและพูดคุยโทรศัพท์เป็นระยะคล้ายพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาว่าจะดำเนินคดีหรือดำเนินการอย่างไรกับพวกเขาดี ซึ่งเจ้าหน้าที่นายนั้นก็มีท่าทีเปลี่ยนไปมา ตอนแรกบอกว่าเดี๋ยวรับใบสั่งแล้วก็สามารถไปได้เลยมาจ่ายค่าปรับทีหลังแต่เมื่อพูดคุยโทรศัพท์ก็เปลี่ยนมาบอกว่ายังไปไหนไม่ได้เพราะอาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ตัวของพริษฐ์เองไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหาจึงได้ปรึกษากับทนายซึ่งทนายก็บอกว่าเขาสามารถออกมาได้เลย แต่เนื่องจากตัวเขาเป็นห่วงเพื่อนประกอบกับไม่ต้องการจะออกมาให้มีปัญหากับเจ้าหน้าที่ก็เลยตัดสินใจอยู่กับเพื่อนอีกสองคน ในเวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่พาเขากับเพื่อนไปที่สน.สำราญราษฎร์เพื่อเปรียบเทียบปรับปรากฎว่าเพื่อนของเขาถูกปรับเพิ่มเติมในข้อหาเกี่ยวกับทะเบียนรถส่วนเพื่อนอีกคนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ก็ถูกเปรียบเทียบปรับในความผิดเกี่ยวกับกระจกรถรวมถูกปรับตามกฎหมายจราจรเป็นเงิน 1900 บาท จาก 5 ข้อกล่าวหา
รวบฟอร์ด เส้นทางสีแดงและหมอทศพร หลังจัดกิจกรรมครบรอบหกปีคสช.
ตามที่อนุรักษ์ เจนตวนิชย์หรือ 'ฟอร์ด เส้นทางสีแดง' ประกาศว่า จะจัดแสดงดนตรีระดมทุนให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนที่หน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ เนื่องในโอกาสครบรอบหกปีรัฐประหาร 2557 ในเวลา 17.00 น. พบว่าตั้งแต่ก่อนเวลา 16.30 น. มีกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 30 - 40 นาย วางกำลังรออยู่แล้ว ขณะที่ทางหอศิลป์กรุงเทพฯก็นำรั้วเหล็กมากั้นบริเวณลานหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯโดยรอบ และยังมีการพิมพ์ป้ายบนกระดาษเอสี่เขียนข้อความ"ห้ามทำกิจกรรมตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน" มาติดไว้กับรั้วเหล็กโดยรอบด้วย
กิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือประชาชนในโอกาสครบรอบ 6 ปี รัฐประหารของคสช. 22 พฤษภาคม 2563
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตผู้สมัครส.ส.ของอดีตพรรคไทยรักษาชาตินำภาพวาดที่วาดเอง เป็นภาพพล.อ.ประยุทธ์และภาพผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ปรากฎตามหน้าสื่อ เช่น ปลายฝน หญิงที่วาดภาพพล.อ.ประยุทธ์ก่อนฆ่าตัวตายและภาพคนที่มาร้องขอเงินเยียวยาที่หน้ากระทรวงการคลังบางส่วนมาตั้งแสดงด้านนอกแนวรั้วกั้นของหอศิลป์กรุงเทพฯ
ขณะเดียวกันก็มีประชาชนที่คาดว่าจะมาร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 30 - 40 คนอยู่ในบริเวณด้วยโดยบางส่วนที่สวมเสื้อยืดเขียนข้อความหรือสัญลักษณ์ทางการเมืองแต่ไม่ได้ร่วมทำกิจกรรมกับทศพร
ในเวลาประมาณ 16.45 น. นพ.ทศพรก็ทำท่าจะขยับรั้วเหล็กเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินเข้ามาก่อนที่เจ้าหน้าที่ที่คาดว่าน่าจะเป็นคนของหอศิลป์กรุงเทพฯเข้ามาห้ามพร้อมแจ้งทำนองว่าเจ้าหน้าที่ห้ามจัดกิจกรรม ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนายหนึ่งเดินเข้ามาโดยสังเกตเห็นว่าในมือถือเอกสารที่น่าจะเป็นพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯมาด้วยแต่เจ้าหน้าที่นายนั้นก็ยังไม่ได้เข้ามาคุยกับทศพร
กิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือประชาชนในโอกาสครบรอบ 6 ปี รัฐประหารของคสช. 22 พฤษภาคม 2563
เมื่อเจ้าหน้าที่หอศิลป์กรุงเทพฯเดินจากไป ทศพรก็เดินมาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวต่อโดยพูดถึงภาพวาดที่นำมาแสดงและความตั้งใจที่จะระดมทุนช่วยเหลือลูกของปลายฝนที่กำพร้าแม่รวมถึงพูดถึงปัญหาทางเศรษฐกิจ ความล้มเหลวในการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐ
ต่อมาในเวลาประมาณ 17.07 น. เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบหนึ่งนายและนอกเครื่องแบบอีกหนึ่งนายเดินมาพูดกับนพ.ทศพรทำนองว่าขณะนี้มีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และการทำกิจกรรมลักษณะนี้ทำให้คนมารวมตัวกันแออัดทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค นพ.ทศพรชี้แจงว่า ตัวเองเพียงมาทำกิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือประชาชนและที่นี่เป็นหอศิลป์กรุงเทพฯจึงนำภาพเขียนมาแสดง และตัวเองก็ไม่ได้โพสต์ข้อความเชิญชวนบุคคลใดมาร่วมกิจกรรม
กิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือประชาชนในโอกาสครบรอบ 6 ปี รัฐประหารของคสช. 22 พฤษภาคม 2563
นพ.ทศพรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบพูดคุยไปครู่หนึ่งก็มีเจ้าหน้าที่เทศกิจเดินมาพูดคุย ในที่สุดนพ.ทศพรก็ต่อรองว่าจะขอจุดเทียนรำลึกถึงปลายฝนและผู้ที่ฆ่าตัวตายเพราะปัญหาเศรษฐกิจเจ้าหน้าที่จึงยอมโดยกำชับว่าให้ทำและยุติกิจกรรมโดยเร็ว จากนั้นนพ.ทศพรนำเทียนมาเรียงเป็นคำว่า "รัดประหาร" โดยใช้เครื่องหมายหารแทนตัวหนังสือระหว่างที่ทศพรจุดเทียนก็มีชายสวมเสื้อแดงคนหนึ่งนำป้ายเขียนข้อความของตัวเองมาวางรวมกับรูปวาดของทศพรแล้วเดินออกไปยืนด้านข้าง เมื่อจุดเทียนเสร็จทศพรก็ร้องเพลงและพูดคุยกับผู้สื่อข่าวต่อไปอีกครู่หนึ่งโดยมีชายตัดผมสั้นเกรียนคอยถ่ายภาพนิ่งและภาพวิดีโอไว้ตลอด
ระหว่างที่นพ.ทศพรเตรียมประกาศยุติกิจกรรม อนุรักษ์ซึ่งเป็นผู้ประกาศว่าจะมีกิจกรรมดนตรีในวันนี้เดินมาอยู่ด้านข้างทศพรพร้อมแจ้งสื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าจะนำตัวเขากับทศพรไปที่สน.ปทุมวันและคาดว่าจะมีการตั้งข้อกล่าวหา
ในเวลาประมาณ 17.42 น.เมื่อนพ.ทศพรและอนุรักษ์ช่วยกันเก็บของแล้วเสร็จตำรวจเชิญตัวทั้งสองขึ้นรถกระบะของสน.ปทุมวัน ทำให้ประชาชนที่มาโห่ร้องด้วยความไม่พอใจ บางส่วนกระโดดขึ้นรถกระบะไปด้วย และแม้รถเคลื่อนออกไปแล้วก็ยังคงมีเสียงตะโกนด้วยความไม่พอใจ ชายสวมเสื้อแดงที่นำป้ายมาวางกับภาพของนพ.ทศพรก็นำป้ายดังกล่าวมาชูอีกครั้ง ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ใช้ลำโพงประกาศว่าเนื่องจากในขณะนี้มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 และมีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯจึงขอให้ประชาชนทยอยกลับบ้านเพื่อป้องการแพร่ระบาดของไวรัสและป้องกันการทำผิดกฎหมาย กิจกรรมที่หน้าหอศิลป์กรุงเทพฯยุติในเวลาประมาณ 18.00 น. เท่าที่ทราบไม่มีผู้ถูกควบคุมตัวเพิ่มเติม
ทั้งนี้เมื่อผู้สังเกตการณ์ไอลอว์ตามมาที่สน.ปทุมวันในเวลาประมาณ 18.00 น. ก็ได้รับแจ้งจากตำรวจนอกเครื่องแบบที่อยู่หน้าประตูสน.ว่าไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไป แต่เห็นว่าประชาชนที่ไปร่วมกิจกรรมสามารถตามเข้าไปในสน.ได้ หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 19.30 น. ผู้สังเกตการณ์สามารถเข้าไปพบกับอนุรักษ์ได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ตอนนี้ขอให้พูดคุยกับอนุรักษ์ที่ด้านนอกห้องก่อน ไม่อนุญาตให้เข้าร่วมรับฟังเนื่องจากว่า กำลังทำบันทึกการจับกุมอยู่ แต่เมื่อเสร็จแล้วจึงจะทำการสอบสวน กระบวนการนี้จะเปิดให้ผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมรับฟังได้ ทั้งนี้มีรายงานในภายหลังว่าทั้งอนุรักษ์และทศพรถูกตั้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามชุมนุมตามมาตรา 9 ของพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตำรวจให้ทั้งสองวางเงินประกันในชั้นสอบสวนคนละ 30,000 บาท แต่อนุรักษ์ปฏิเสธที่จะประกันตัวในค่ำวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ของจึงถูกควบคุมตัวไว้ที่สน.ปทุมวันหนึ่งคืนก่อนจะประกันตัวออกไปช่วงเช้าวันที่ 23 พฤษภาคม 2563
ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่และการปรับตัวของผู้ใช้เสรีภาพ
การปรับตัวของผู้ใช้เสรีภาพ
กลุ่มนักกิจกรรมนักศึกษา ทั้งสนท. และ คนป.ใช้วิธีแสดงออกเชิงสัญลักษณ์คล้ายกันคือการชูป้ายตามสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐ คนป.ไปที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และกองบัญชาการกองทัพบก ส่วนสนท.ไปที่ทำเนียบรัฐบาล นอกจากนั้นทั้งสองกลุ่มยังไปแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อสื่อว่าพวกเขาต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยและเพื่อสื่อว่าสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ใช่ประชาธิปไตยด้วย คนป.ใช้ป้ายเขียนตัวเลข 2191 สื่อถึงจำนวนวันที่พล.อ.ประยุทธ์เข้าสู่อำนาจตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 หรือวันรัฐประหาร จนถึง 22 พฤษภาคม 2563 ส่วนสนท.แสดงออกผ่านป้ายข้อความ 2563 เผด็จการครองเมือง
กลุ่มนักกิจกรรมนักศึกษา ทั้งสนท. และ คนป.ใช้วิธีแสดงออกเชิงสัญลักษณ์คล้ายกันคือการชูป้ายตามสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐ คนป.ไปที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และกองบัญชาการกองทัพบก ส่วนสนท.ไปที่ทำเนียบรัฐบาล นอกจากนั้นทั้งสองกลุ่มยังไปแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อสื่อว่าพวกเขาต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยและเพื่อสื่อว่าสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ใช่ประชาธิปไตยด้วย คนป.ใช้ป้ายเขียนตัวเลข 2191 สื่อถึงจำนวนวันที่พล.อ.ประยุทธ์เข้าสู่อำนาจตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 หรือวันรัฐประหาร จนถึง 22 พฤษภาคม 2563 ส่วนสนท.แสดงออกผ่านป้ายข้อความ 2563 เผด็จการครองเมือง
อย่างไรก็ตามภายใต้ข้อจำกัดของการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นักกิจกรรมทั้งสองกลุ่มเลือกใช้วิธีจัดกิจกรรมโดยไม่มีการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า และไม่เชิญประชาชนทั่วไปเข้าร่วมทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเจ้าหน้าที่สั่งห้าม ขณะเดียวกันก็เพื่อจำกัดจำนวนผู้ร่วมแสดงออกให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงในการระบาดของไวรัส ส่วนที่ไม่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้สื่อข่าวรับทราบทั้งสองกลุ่มให้ข้อมูลทำนองเดียวกันว่า "หากนักข่าวรู้ตำรวจก็จะรู้" พวกเขาจึงเลือกที่จะไปแสดงออกโดยไม่ติดต่อนักข่าวล่วงหน้าแล้วใช้เฟซบุ๊กเพจของทางกลุ่มเป็นช่องทางสื่อสารซึ่งแม้เบื้องต้นจะเข้าถึงผู้รับสารได้จำกัดกว่าการแจ้งข่าวสื่อมวลชนแต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถดำเนินกิจกรรมให้ลุล่วงไปได้ ขณะเดียวกันสื่อเองก็ไม่มีปัญหาในการนำข่าวหรือภาพข่าวจากเฟซบุ๊กของบุคคลสาธารณะหรือหน่วยงานต่างๆมารายงานต่ออยู่แล้วการไม่ติดต่อสื่อมวลชนล่วงหน้าจึงอาจไม่ได้กระทบต่อการรายข่าวกิจกรรมมากนัก
กลุ่มกิจกรรมนักศึกษาทั้งสองยังใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม เช่นพยายามรักษาระยะห่างในการเดินหรือการถือป้ายและสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมด้วย ซึ่งนอกจากจะเป็นการป้องกันตัวเองแล้วทั้งสองกลุ่มน่าจะพยายามลดเงื่อนไขที่เจ้าหน้าที่จะใช้เป็นข้ออ้างมายุติหรือแทรกแซงการทำกิจกรรมของพวกเขาด้วย
ขณะที่กลุ่มกิจกรรมอื่นๆอย่างกลุ่มประชาชนที่เรียกร้องให้ประกันสังคมจ่ายเงินชราภาพ ทางกลุ่มมีการนัดหมายกันล่วงหน้าผ่านกลุ่มบนเฟซบุ๊ก ตลอดการทำกิจกรรมผู้เข้าร่วมทุกคนมีการเว้นระยะอย่างชัดเจนและสวมหน้ากากตลอดเวลา
สำหรับกิจกรรมรำลึกเหตุสลายการชุมนุมทั้งที่สี่แยกราชประสงค์และซอยรางน้ำ เท่าที่ติดตามจากสื่อสังคมออนไลน์ ไม่พบว่ามีกลุ่มบุคคลใดโพสต์ข้อความเชิญชวนประชาชนหรือแสดงตัวเป็นผู้จัดกิจกรรมรำลึกทั้งวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ที่ซอยรางน้ำ และ วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 ที่สี่แยกราชประสงค์ ขณะที่ตัวกิจกรรมเองก็มีผู้มาร่วมไม่มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่าปีนี้ครบรอบสิบปีของเหตุการณ์ กิจกรรมรำลึกที่ซอยรางน้ำซึ่งในปีที่แล้วน่าจะมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 50 คน ในปีนี้น่าจะมีคนมาร่วมไว้อาลัยระหว่าง 20-30 คน ขณะที่พันธ์ศักดิ์ซึ่งเป็นพ่อของผู้เสียชีวิตก็ทำกิจกรรมอย่างกระชับ ส่วนกิจกรรมที่สี่แยกราชประสงค์ ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เขียนป้ายแสดงออก เท่าที่สังเกตทั้งพื้นที่จัดกิจกรรมน่าจะมีแผ่นป้ายไม่ถึงสิบแผ่นและแทบไม่มีการใช้เสียงนอกจากช่วงที่ผู้ร่วมกิจกรรมร้องเพลงนักสู้ธุลีดินร่วมกันเพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิต และทั้งสองกิจกรรมผู้เข้าร่วมต่างสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
สำหรับกิจกรรมรำลึกในวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 และกิจกรรมรำลึกหกปี รัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม อาจจะมีความต่างออกไปเล็กน้อยตรงที่มีผู้ประกาศจัดกิจกรรมโดยเฉพาะในกรณีกิจกรรมวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 อนุรักษ์ผู้ประกาศจัดกิจกรรมยังประกาศว่าจะจัดทำป้ายไวนิลมาเพื่อใช้ประกอบกิจกรรมด้วย อย่างไรก็ตามทั้งสองกิจกรรมอนุรักษ์พยายามประกาศว่ากิจกรรมที่จะจัดไม่ใช่การชุมนุมมั่วสุมแต่เป็นกิจกรรมไว้อาลัยและกิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือประชาชนตามลำดับ เท่ากับว่าตัวผู้ประกาศจัดกิจกรรมเองก็พอเข้าใจข้อจำกัดของกฎหมายว่ากิจกรรมประเภทใดพอจะทำได้แบบใดน่าจะทำไม่ได้
การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่
หนึ่ง การตั้งจุดคัดกรอง
การจัดกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่น่าจะทราบหรือพอจะคาดเดาสถานที่จัดได้ มีอยู่ห้าครั้ง คือการจัดกิจกรรมที่ซอยรางน้ำ ที่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งจัดในสถานที่เดียวกันทุกครั้ง ที่หน้าหอศิลป์กรุงเทพฯและที่สวนลุมพินีที่มีการประกาศล่วงหน้า รวมถึงที่สำนักงานประกันสังคมที่ตามคำบอกเล่าของหนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรมอ้างว่ามีการประสานงานกับทางประกันสังคมมาก่อน ในจำนวนห้าครั้งนี้มีสองครั้งที่มีการตั้งจุดคัดกรองโรคคือการทำกิจกรรมที่สี่แยกราชประสงค์และที่สถานีรถไฟฟ้าสีลม ขณะที่กิจกรรมอีกสามครั้งที่สำนักงานประกันสังคม ที่ซอยรางน้ำ และที่หอศิลป์กรุงเทพฯไม่ได้มีการตั้งจุดคัดกรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดกิจกรรมที่หน้าหอศิลป์กรุงเทพฯซึ่งมีการตั้งรั้วกั้นพื้นที่บริเวณลานหน้าหอศิลป์แต่ไม่มีการตั้งจุดคัดกรองทางการแพทย์แต่อย่างใด ขณะที่กิจกรรมที่หน้าวัดปทุมวนาราม เป็นกิจกรรมที่ทางครอบครัวฮัคฮาดตั้งใจทำเป็นการส่วนแต่และไม่มีการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าแต่ทางวัดอยู่ระหว่าง "ปิดทำความสะอาด" พอดีจึงอาจเป็นการยากต่อเจ้าหน้าที่ที่จะตั้งจุดคัดกรองล่วงหน้าส่วนกิจกรรมของกลุ่มนักศึกษาทั้งสองกลุ่มก็มีลักษณะเป็นการเคลื่อนที่และเจ้าหน้าที่ไม่ทราบมาก่อนจึงไม่น่าจะเตรียมจุดคัดกรองได้
สอง การเลือกดำเนินคดี
ในบรรดากิจกรรมทั้งแปดครั้งเจ้าหน้าที่มีการดำเนินคดีผู้ต้องหาแยกเป็นสามกรณี แบ่งเป็นการดำเนินคดีในข้อหาตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯสองกรณี ได้แก่คดีของอนุรักษ์จากการจัดกิจกรรมรำลึกสิบการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสีลมในวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 และการจัดคอนเสิร์ตระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจในวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ส่วนอีกกรณีเป็นกรณีของนักศึกษาสองคนที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาตามพ.ร.บ.จราจรฯ ซึ่งอาจจะดูไม่เกี่ยวกับการใช้เสรีภาพโดยตรง แต่ก็มีความน่ากังขาว่าหากเป็นการดำเนินคดีตามพ.ร.บ.จราจรฯเพราะผู้ต้องหากระทำความผิดตามพ.ร.บ.จราจรฯจริง การเปรียบเทียบปรับก็ไม่น่าจะกินเวลามากนักหากผู้ต้องหารับสารภาพและยอมจ่ายค่าปรับและที่สำคัญพริษฐ์ก็ไม่ได้ถูกตั้งข้อกล่าวหาแต่ก็ไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเจ้าตัวจงใจไม่ไปเองหรือเจ้าหน้าที่ไม่ให้ไป หากเป็นกรณีหลังก็มีคำถามต่อไปว่าหากพริษฐ์ไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหาใดๆเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจใดในการกักตัวเขา
สาม อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยพื้นที่ต้องห้ามการชุมนุม?
ในอดีตการขึ้นไปทำกิจกรรมหรือการชุมนุมบนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ทำได้และน่าจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการทำกิจกรรมทั้งด้วยชื่อและความเป็นมาของตัวอนุสาวรีย์ รวมถึงเหตุผลด้านพื้นที่ที่หากผู้ร่วมการชุมนุมหรือร่วมกิจกรรมมีไม่มาก การไปทำกิจกรรมบนตัวอนุสาวรีย์ก็จะมีข้อดีตรงที่ผู้ชุมนุมไม่ต้องยืนออกันบนทางเท้าหรือผิวจราจรหากแต่ไปอยู่บนลานกว้างของอนุสาวรีย์ที่ไม่ใช่พื้นที่ที่คนทั่วไปใช้สัญจร แต่ในระยะหลังอนุสาวรีย์ดูจะกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามไปบางช่วงเวลามีการนำกระถางดอกไม้ไปวางจนเต็มพื้นที่ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 แม้จะไม่มีการนำกระถางต้นไม้ไปวางแต่อนุสาวรีย์ก็ถูกล้อมรั้วและเจ้าหน้าที่ก็จะย้ำกับผู้ชุมนุมทุกกลุ่มว่าห้ามทำกิจกรรมใดๆกับตัวอนุสาวรีย์ ห้ามแม้แต่การนำป้ายผ้าไปแขวนกับแผงเหล็กกั้นอนุสาวรีย์โดยที่ตัวผู้ชุมนุมไม่ได้ขึ้นไปบนพื้นที่ของอนุสาวรีย์
สี่ การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ
ว่าด้วย "ดุลพินิจ" ในกิจกรรมรำลึกการเสียชีวิตพล.ต.ขัตติยะ เจ้าหน้าที่ขอเก็บป้ายของผู้ร่วมกิจกรรมสองคน อ้างว่าหากมีการถือป้ายจะกลายเป็นการชุมนุม ไม่ใช่การรำลึกซึ่งผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามในกิจกรรมที่ราชประสงค์ซึ่งมีชายคนหนึ่งถือป้ายเขียนข้อความเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้มาเก็บแต่อย่างใด รวมทั้งการจัดกิจกรรมที่สำนักงานประกันสังคมซึ่งผู้เข้าร่วมแทบทุกคนถือป้าย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เข้ามาเก็บหรือสั่งห้ามถือป้าย
กิจกรรมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่สี่แยกราชประสงค์ 19 พฤษภาคม 2563
กิจกรรมรำลึก 6 ปี รัฐประหารของสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 22 พฤษภาคม 2563 (ภาพจากเฟซบุ๊กเพจของสหภาพ)
กิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือประชาชนในโอกาสครบรอบ 6 ปี รัฐประหารของคสช. 22 พฤษภาคม 2563
Article type: