1396 1732 1085 1725 1698 1389 1841 1371 1550 1790 1360 1884 1045 1922 1927 1582 1617 1826 1586 1649 1522 1652 1534 1778 1287 1390 1569 1501 1624 1496 1378 1873 1393 1698 1248 1261 1385 1133 1936 1003 1478 1870 1666 1661 1794 1841 1235 1167 1411 1607 1211 1430 1782 1515 1474 1941 1912 2000 1181 1868 1817 1147 1420 1680 1179 1491 1155 1988 1484 1654 1020 1911 1405 1509 1570 1562 1084 1438 1023 1337 1405 1594 1749 1497 1084 1192 1745 1036 1013 1737 1923 1969 1007 1512 1525 1234 1677 1489 1410 สิรภพ "ไม่ได้หวังอะไรมาก" กับการเลือกตั้ง หลังใช้ชีวิตกว่า 4 ปีในเรือนจำ | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

สิรภพ "ไม่ได้หวังอะไรมาก" กับการเลือกตั้ง หลังใช้ชีวิตกว่า 4 ปีในเรือนจำ

 

ใกล้ถึง #เลือกตั้ง62 ประชาชนแต่ละกลุ่มก็ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองกันได้ และส่งเสียงบอกนักการเมืองได้ว่า อยากเห็นอะไร แต่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ชีวิตและอนาคตของพวกเขาเกี่ยวพันกับความเป็นไปทางการเมืองมาก แต่พวกเขาไม่มีสิทธิได้เลือกตั้ง ไม่มีสิทธิบอกว่า พวกเขาต้องการเห็นอนาคตแบบไหน
 
เราลองมาฟังเสียงนักโทษทางการเมือง ที่ยังคงต้องอยู่ในเรือนจำจากเหตุความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามองการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นความหวังบ้างหรือไม่
 
สิรภพ หรือ ตั้ม นักโทษคดีมาตรา 112 ที่ถูกจับกุมจากการเขียนบทความและเขียนกวีและถูกจองจำมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 เป็นเวลานานกว่า 4 ปี โดยศาลทหารไม่อนุญาตให้ประกันตัว เป็นคนหนึ่งที่มีเรื่องเล่าและความคิดเห็นมาแบ่งปันกับคนที่ยังอยู่ข้างนอก
 
สิรภพ มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเพียงพิธีการที่จำเป็นต้องทำ เนื่องจาก คสช. ถูกบีบทั้งจากข้างบนและข้างล่าง ทั้งจากในและนอกประเทศ แต่ คสช. มีเจตนาไม่สุจริต ไม่ได้อยากให้มีการเลือกตั้งจริงๆ จึงใช้วิธีการวางหมากกลให้เกิดความยุ่งยากและให้การเลือกตั้งจัดขึ้นในเวลากระชั้นชิดกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ยังมีกลเม็ดอีกหลายอย่าง เช่น การถ่วงเวลาเพื่อให้ กกต. รับรองผลการเลือกตั้งช้าและไปกระทบกับพระราชพิธี เพื่อกดการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิของประชาชนไว้ 
 
นอกจากนี้ คสช. ยังตั้งใจที่จะไม่เลิก "มาตรา 44" เพื่อควบคุมไม่ให้ประชาชนเคลื่อนไหว ในช่วงเวลานี้อีกด้วย
 
สิรภพ เชื่อว่า คนในประเทศก็เห็น ก็รู้ แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะยังขาดผู้นำที่น่าเชื่อถือและมีความเสียสละ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้คนที่ออกมาต่อสู้ได้เห็นแล้วว่า พวกเขาถูกหลอกให้มาเจ็บมาตายโดยขาดการดูแล คนที่ถูกดำเนินคดีและต้องอยู่ในเรือนจำก็ไม่ได้รับการดูแล ถูกทอดทิ้ง เหมือนทหารผ่านศึกที่แขนขาดขาด้วนแล้วถูกทิ้งให้นอนแห้งตาย
 
จากประสบการณ์ใช้ชีวิตในเรือนจำมานานกว่าสี่ปี สิรภพเล่าว่า เขาได้มีโอกาสเจอเพื่อนนักโทษการเมืองที่เลือกเส้นทางการต่อสู้ แล้วถูกทิ้งอยู่ในเรือนจำ ซึ่งคนพวกนี้มีชีวิตที่ดีอยู่แล้วได้โดยที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่พวกเขามีความเชื่อบางอย่างจึงเข้ามาทำ เมื่อต้องมาเจอชีวิตแบบนี้ก็มีความรู้สึกโกรธแค้นแกนนำการเคลื่อนไหวที่พาพวกเขามาถึงตรงนี้
 
สิรภพ ไม่ได้หวังอะไรมากกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เขาเล่าว่า กลุ่มนักโทษการเมืองที่อยู่ในเรือนจำก็ได้แต่เฝ้ามองดู มองหากระแสว่า จะมีการนิรโทษกรรมหรือไม่ ซึ่งสิรภพคิดว่า หากฝ่าย คสช. ชนะการเลือกตั้งได้ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างมากก็จะยกเลิกการเอาพลเรือนขึ้นศาลทหาร เพราะเรื่องนี้จะเป็นหนามทิ่มตำพวกเขาเองไปเรื่อยๆ แต่ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งได้ จะต้องแก้ปัญหานักโทษการเมืองทั้งหมด เพราะตัวเองก็กลัวจะถูกเช็คบิลเหมือนกัน
 
สิรภพ เชื่อด้วยว่า หากหลังการเลือกตั้งในปี 2562 มีข้อเสนอเรื่องการนิโทษกรรม เงื่อนไขในการนิรโทษกรรมจะไม่เหมือนเดิม เพราะฝ่ายทหารทั้ง คสช. และ คมช. ก็มีเรื่องที่ทำไว้ติดตัว แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ หรือกลุ่ม กปปส. กลุ่มพันธมิตรฯ ก็มีคดีติดตัว จึงไม่มีใครคัดค้าน แต่ละกลุ่มอาจจะต้องต่อรองเพื่อหาทางรอดให้ตัวเอง
 
สำหรับบรรยากาศในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ สิรภพบอกว่า ช่องทางการรับรู้ข่าวสารจากภายนอกไม่มีเลย ผู้ต้องขังไม่ได้รับอนุญาตให้ดูข่าวเกี่ยวกับการเมือง แต่เมื่ออยู่ในเรือนจำมวลชนไม่ว่าฝ่ายไหนก็คุยกันได้หมด เพราะต่างก็รู้สึกว่า ถูกแกนนำหลอกมาเหมือนกัน เรื่องสีเสื้อ สีแดงหรือสีเหลืองจึงไม่มีแล้ว 
 
 
อ่านคดีของ สิรภพ เต็มๆ ได้ที่ https://freedom.ilaw.or.th/case/622
 
Article type: