1584 1483 1663 1354 1011 1493 1828 1624 1382 1397 1711 1629 1370 1730 1486 1843 1029 1416 1814 1933 1714 1182 1344 1454 1950 1511 1755 1316 1625 1116 1587 1180 1286 1308 1366 1926 1667 1621 1915 1737 1928 1525 1388 1808 1888 1124 1884 1090 1901 1270 1640 1347 1303 1317 1044 1081 1301 1655 1447 1703 1386 1809 1130 1440 1298 1298 1906 1245 1615 1426 1616 1633 1114 1606 1750 1897 1134 1406 1604 1296 1557 1842 1241 1671 1649 1517 1606 1180 1436 1281 1094 1322 1884 1494 1575 1390 1386 1594 1318 สี่ปี ศาลทหาร คดีพลเรือนยังคงค้างอย่างน้อย 281 คดี | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

สี่ปี ศาลทหาร คดีพลเรือนยังคงค้างอย่างน้อย 281 คดี

กรมพระธรรมนูญ (ศาลทหาร) เปิดเผยข้อมูลสถิติคดีพลเรือนในศาลทหารทั่วประเทศรวมทั้งศาลทหารกรุงเทพ ครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2557 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 เป็นระยะเวลาประมาณ 4 ปี 1 เดือน โดยระบุว่า
 
ในศาลทหารกรุงเทพ มีจำเลยที่เป็นพลเรือนถูกพิจารณาคดี 367 คน จาก 238 คดี ในจำนวนนี้เป็นคดีที่ศาลมีคำพิพากษาและคดีที่ถึงที่สุด 150 คดี อยู่ระหว่างการพิจารณา 88 คดี หากจำแนกตามประเภทความผิด มีคดีความผิดตามประมวลกฎหมายหมวดพระมหากษัตริย์(รวมทั้งมาตรา 112) 67 คดี ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหมวดความมั่นคง (รวมทั้งข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116) 6 คดี ความผิดตามประกาศคำสั่งคสช. (เช่นข้อหาไม่รายงานตัวและชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ห้าคน) 37 คดี และคดีเกี่ยวกับอาวุธตามประกาศฉบับที่ 50/2557 128 คดี  
 
ส่วนที่ศาลมณฑลทหารบก (ศาลทหารในต่างจังหวัด) ทั่วประเทศ มีจำเลยที่เป็นพลเรือนถูกพิจารณาคดี 1844 คน จาก 1485 คดี ในจำนวนนี้เป็นคดีที่ศาลมีคำพิพากษาและคดีที่ถึงที่สุด 1292 คดี อยู่ระหว่างการพิจารณา 193 คดี หากจำแนกตามประเภทความผิด มีคดีความผิดตามประมวลกฎหมายหมวดพระมหากษัตริย์(รวมทั้งมาตรา 112) 99 คดี ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหมวดความมั่นคง (รวมทั้งข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116) 4 คดี ความผิดตามประกาศคำสั่งคสช. (เช่นข้อหาไม่รายงานตัวและชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ห้าคน) 12 คดี และคดีเกี่ยวกับอาวุธตามประกาศฉบับที่ 50/2557 1416 คดี อย่างไรก็ดี ในจำนวนนี้มีอยู่อีก 4 คดีที่ยังไม่ทราบรายละเอียด
 
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้เห็นว่า คดีของพลเรือนที่คสช. ต้องการพิจารณาเป็นการเฉพาะโดยใช้ศาลทหาร ได้แก่ คดีหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ (ม.112), คดียุยงปลุกปั้นฯ (ม.116) และ คดีฝ่าฝืนชุมนุมหรือมั่วสุมทางการเมืองฯ คดีฝ่าฝืนไม่ไปรายงานตัวกับคสช. และคดีอาวุธ ตามประกาศและคำสั่งของคสช.
 
919
 
สถิติพลเรือนในศาลทหาร
 
อย่างไรก็ดี ตาม พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 มาตรา 5 ระบุว่า ศาลทหารอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงกลาโหม และมาตรา 10 และ มาตรา 30 ระบุว่าอำนาจในการแต่งตั้ง ถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้บังคับบัญชา และ มาตรา 27 ระบุว่า ศาลมณฑลทหาร ศาลทหารกรุงเทพ และศาลประจำหน่วยทหาร ต้องมีตุลาการสามนายเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา คือ นายทหารชั้นสัญญาบัตรสองนาย ตุลาการพระธรรมนูญหนึ่งนาย หมายความว่า กฎหมายบังคับให้ตุลาการสามคนต่อหนึ่งคดี มีหนึ่งคนที่ต้องมีความรู้นิติศาตร์ ส่วนอีกสองคนไม่ต้อง
 
จากการติดตามของไอลอว์ ยังอีกพบว่า ปัญหาสำคัญของการที่พลเรือนขึ้นศาลทหาร คือ 'ความล่าช้า' โดยเฉพาะจำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้คดี ซึ่งเกิดจากระบบการนัดวันพิจารณาคดีที่ไม่ต่อเนื่องหรือที่เรียกกันว่านัดแบบ 'ฟันหลอ' คือ วันนัดจะไม่ติดกันที่เดียว 3-4 วัน แต่จะนัดอาทิตย์ละครั้ง เดือนละครั้ง หรือหลายเดือนครั้ง ขึ้นอยู่กับความพร้อมของตุลาการศาลทหารผู้พิจารณาคดี อัยการทหาร หรือฝ่ายจำเลย เช่น
 
917
 
ศาลทหารกรุงเทพ
 
 
คดี 116 ของสมบัติ บุญงามอนงค์  ปี 2558 มีนัดสืบพยานรวม 9 นัด ในเดือนมีนาคม 3 นัด เมษายน 2 นัด เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน และ พฤศจิกายน เดือนละนัด ในปี 2559 นีนัดสืบพยานรวมห้านัด ในเดือนกุมภาพันธ์ เมษายน กรกฎาคม กันยายน และธันวาคมเดือนละนัด ในปี 2560 มีการสืบพยานอีก 4 นัด ในเดือนมกราคม 1 นัด เมษายน 2 นัด และเดือนกันยายนอีก 1 นัด ในปี 2561 มีการสืบพยานไปแล้ว 4 นัด ในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม และมิถุนายน เดือนละหนึ่งนัดโดยศาลนัดสืบพยานครั้งต่อไปในเดือนกันยายน โดยในคดีนี้มีการสืบพยานจำเลยไปแล้วรวม 12 ปาก เป็นพยานโจทก์ 11 ปาก และพยานจำเลย 1 ปาก
 
หรือ คดีสิรภพฝ่าฝืนคำสั่งรายงานตัว ศาลเริ่มสืบพยานนัดแรกในเดือนพฤศจิกายน 2557 จากนั้นในปี 2558 มีการสืบพยาน 5 นัด ในเดือนมกราคม มีนาคมกรกฎาคม กันยายน และพฤศจิกายน เดือนละนัด จากนั้นในปี 2559 มีนัดสืบพยานคดีอีก 5 นัด ในเดือนมกราคม 1 นัด
เดือนกุมภาพันธ์ 2 นัด เดือนพฤษภาคมและกรกฎาคมเดือนละนัด ซึ่งนัดในเดือนกรกฎาคมเป็นการสืบพยานนัดสุดท้าย โดยในคดีนี้มีการสืบพยานรวม 5 ปาก เป็นพยานโจทก์ 4 ปาก และพยานจำเลย 1 ปาก 
 
918
 
ศาลทหารเชียงราย
  
อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้คดีมีความล่าช้าคือ พยานไม่มาตามนัดโดยเฉพาะพยานโจทก์ เช่น  คดี 112 ของสมัครที่ศาลทหารเชียงรายซึ่งมีการเลื่อนนัดสืบพยานปากเดียวกันติดต่อกันถึงสามนัดเพราะพยานไม่มาศาลทำให้การสืบพยานปากดังกล่าวเลื่อนออกไปถึงสามเดือนจากเดือนมีนาคม 2558 เป็นเดือนมิถุนายน 2558 ความล่าช้านี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สมัครเกิดความเครียดเพราะไม่รู้ว่าคดีจะจบสิ้นเมื่อใดจึงเปลี่ยนคำให้การจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพเพื่อให้คดียุติโดยเร็ว
Article type: