1813 1307 1949 1281 1003 1561 1521 1266 1998 1852 1642 1536 1240 1812 1638 1324 1629 1757 1045 1705 1092 1416 1692 1930 1596 1791 1276 1439 1634 1722 1819 1723 1678 1025 1517 1773 1997 1222 1872 1378 1934 1705 1495 1727 1395 1401 1495 1662 1603 1897 1419 1730 1858 1103 1104 1196 1650 1246 1046 1274 1422 1655 1800 1089 1005 1523 1656 1840 1205 1242 1425 1347 1341 1220 1567 1828 1170 1906 1801 1373 1982 1230 1149 1150 1013 1665 1832 1513 1606 1560 1226 1161 1871 1367 1063 1478 1636 1683 1778 คุยกับคนอยากเลือกตั้ง: รักษิณี ผู้ต้องหาคดี #MBK39 | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

คุยกับคนอยากเลือกตั้ง: รักษิณี ผู้ต้องหาคดี #MBK39

 

รักษิณี หญิงวัย 53 ปีที่ถูกกล่าวหาคดีจากการเข้าร่วมชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง 3 คดีจากการเข้าร่วมชุมนุมที่สกายวอล์ค ปทุมวัน #MBK39 ราชดำเนิน #RDN50 และกองทัพบก #army57 แม่ค้า นักจัดรายการวิทยุและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง คือ อาชีพของเธอ เราพบกันครั้งแรกในวันเกิดเหตุคดี #MBK39 คดีการเมืองคดีแรกในชีวิตของเธอ เช้าวันนั้นเธออยู่ที่งานเสวนาเรื่องเกี่ยวกับคอร์รัปชั่น เธอกระตือรือร้นในการฟังเสวนา กระฉับกระเฉงในการขายเสื้อยืดที่มีข้อความเกี่ยวกับ “ไผ่ ดาวดิน” เมื่อเสร็จงานเธอรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ของเธอที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ไปที่สกายวอล์ค หน้าห้างมาบุญครอง ด้วยความเร่งร้อน ที่นั่นคือจุดเกิดเหตุของคดี #MBK39

 

ชื่อคดี #MBK39 เป็นสัญลักษณ์ว่า มีผู้ถูกตั้งข้อหาในคดีนี้ถึง 39 คน ซึ่งเป็นคนที่ตำรวจถ่ายภาพและตามตัวได้พบ ส่วนอีกหลายคนที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนั้นตำรวจยังไม่ได้ชื่อมา และยังตามหาตัวไม่พบ แต่รักษีณีเป็นหนึ่งในคนที่ตำรวจถ่ายภาพไว้และหาชื่อเจอ ลองรู้จักรักษิณีให้มากขึ้นเพื่อรู้จักมุมมองทางการเมืองของหญิงคนหนึ่งที่ยินดีเรียกตัวเองว่า "ป้า" ผู้เชื่อว่า ความเป็นไปทางการเมืองเป็นเรื่องที่กระทบต่อชีวิตตัวเอง และอยู่ร่วมในหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยมากว่าสิบปี


911

 

ที่ผ่านมาเคยเข้าร่วมชุมนุมอะไรบ้าง?


จริงๆ แล้วงานชุมนุมคนอยากเลือกตั้งไม่ใช่ที่แรกที่ไป ป้าติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 ตอนนั้นป้าออกจากงานแล้วไปขายเสื้อของในหลวงแล้วเกิดรัฐประหาร ป้าขายของไม่ได้เลยเพราะประชาชนไม่กล้าใช้เงิน ป้าขาดทุนหนัก พยายามขายของอีกครั้ง คือ ไปขายขนมจีน ใครได้ชิมก็บอกว่า อร่อย แต่มันขายไม่หมดเพราะคนไม่กล้าใช้เงิน ทำให้ป้าเห็นผลด้านลบของการรัฐประหาร


จากนั้นป้าก็ไปสนามหลวง ไปฟังเนื้อหาทางการเมืองต่างๆ ว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตเราได้อย่างไร จนได้รัฐบาลมา ป้าก็เรียนรู้ผ่านการพูดคุยและการเสวนา มีการเคลื่อนไหวอะไรน่าสนใจก็ไป เข้าใจว่าตอนนั้นยังไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดง ในช่วงที่มีเหตุการณ์ทางการเมืองป้าก็จะอยู่ร่วมในเหตุการณ์ตลอด


แล้วไปแสดงออกอย่างไรที่งานชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง?


วันนั้นไปที่งานชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง เพราะเห็นบรรยากาศใหม่ๆ ที่เด็กรุ่นใหม่เข้ามาสนใจการเมือง ถือว่า เราได้ต่อยอดและติดตามความคิดของเด็กๆ ด้วย ตอนเช้าป้าไปขายเสื้อที่งานเสวนาคอร์รัปชั่น สวนครูองุ่น พอเสร็จงงานรู้ว่า มีการชุมนุมคนอยากเลือกตั้งที่มาบุญครอง ด้วยความที่เป็นห่วงเด็กๆ อย่างเอกชัยก็เคยถูกทำร้ายมาก่อน ป้าเลยตามเขาไปด้วย


พอไปที่ชุมนุม ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวจากบีบีซี จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้สัมภาษณ์บังเอิญน้องนักข่าวบีบีซีมาคุยด้วย เราก็พูดว่า ถ้าเวลาสื่อสารข่าวออกไปอยากให้สื่อความรู้นะ เพราะว่านักข่าวสมัยนี้ชอบเขียนข่าวที่ไม่ค่อยให้ความรู้ นักข่าวบีบีซีเลยขอสัมภาษณ์เรา พูดถึงเรื่องนาฬิกาด้วย ประมาณว่า นาฬิกานี้ เขานัดให้มารวมตัว 17.30 น. ก็มาตรงเวลา เวลาก็มี 24 ชั่วโมงเท่าเรือนอื่น ดังนั้นนาฬิกาแพงไม่ใช่สาระสำคัญ สมองต่างหากที่ทำให้เราแตกต่าง และพูดความรู้สึกของตนเองว่า รัฐประหารไม่ใช่ประชาธิปไตย ไม่ได้อยู่ในกระบวนการ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จากนั้นนักข่าวก็เผยแพร่ข่าวไป ป้าคิดว่า น่าจะถูกหมายเรียกจากข่าวนี้เพราะในข่าวมีชื่อนามสกุลครบ


ก่อนหน้านี้เคยถูกกล่าวหาในคดีการเมืองมาก่อนไหม?


คดี MBK39 เป็นคดีแรก ตอนที่รู้ว่าโดนคดี ป้ารู้สึกว่า มันไม่ใช่นะ ทำไมเราถึงไม่สามารถแสดงความคิดอะไรได้ แต่ป้าไม่มีแนวคิดทฤษฎีอะไรที่จะบอกว่า ทำไมมันถึงไม่ใช่ ป้าพยายามพูดคุยกับคนที่มีความรู้ด้านกฎหมายแต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุยมากนัก จึงรู้สึกเครียดเหมือนกัน แต่ป้าได้เรียนรู้ตอนเริ่มมารายงานตัว แล้วก็รู้สึกว่า การถูกคดีเป็นโอกาสของเราได้เรียนรู้กับเหตุการณ์จริงๆ ได้เห็นกระบวนการยุติธรรม


อีกเรื่องที่เครียดหลังโดนคดี คือ ป้าพูดตลอดว่า เวลามาสู้ ป้าไม่เคยต้องการให้ใครมาเดือดร้อนเพราะป้า ถ้ามันผิดจริงๆ ป้าก็ยอมติดคุกดีกว่าให้คนอื่นมาเดือดร้อนเรื่องเงินประกันตัว แต่ถ้ามีกระบวนการที่จะสามารถช่วยเหลือเราได้ เช่น ทนายความ เราก็ยินดีรับความช่วยเหลือตรงนี้ เพียงแต่ว่า การเดินทางมาในนัดหมายคดีก็มาแบบประหยัดหน่อย คือ ป้าเป็นคนปรับตัวเองให้มันเข้ากับเหตุการณ์มากกว่าการที่จะมากำหนดตัวเองว่า ฉันเป็นแบบนี้แล้วจะเป็นแบบอื่นไม่ได้


ส่วนภาระทางการเงินก็มีบ้าง เช่น อาหารแต่ละมื้อ บางทีป้าออกมาทั้งวันแบบนี้ก็ต้องซื้อทานข้างนอก บางทีมีเพื่อนเอาอาหารมาเลี้ยงก็เกรงใจไม่อยากทานของเขา เพราะป้าไม่รู้ว่าต้องสู้นานแค่ไหน และเพื่อนที่ให้เยอะๆ ใจดีมากๆ ป้าผ่านจุดนี้มาแล้ว ป้าเคยเป็นคนให้ คนนำในชุมชนจนป้าหมดเงิน ป้าก็ไม่อยากให้คนอื่นมาเดือนร้อนเหมือนที่ป้าเคยเจอมาก่อน ที่ผ่านมาก็พยายามจะช่วยเหลือตัวเอง จริงๆ ป้าก็เชื่อมั่นมาตลอดว่า สิ่งที่ป้าคิดมันไม่ได้ทำร้ายคนอื่น ป้าก็อยากจะรู้ว่าความยุติธรรมจะช่วยเราได้จริงไหม


เห็นว่าเคยเป็นสื่อมาก่อน เล่าประสบการณ์การเป็นสื่อให้ฟังหน่อย?

 

สถานีวิทยุชุมชนที่ป้าเคยทำ ป้าเป็นคนจัดรายการเพลงสากล ในยุคนั้นสถานีนี้จะฮอตมากเรื่องการเมือง ทุกคนจะรู้จักผู้อำนวยการสถานีที่เป็นคนที่ติดตามเรื่องกระบวนการยุติธรรม ป้าเอาความคิดไปบอกว่า สถานีนี้ยังไม่มีเพลงสากลเก่าๆ เลยนะ มีแต่ลูกทุ่ง สถานีน่าจะได้คนที่ฟังเพลงสากลที่พอจะเป็นคนอีกรูปแบบหนึ่ง ป้าก็เลยทำรายการเอง เปิดเพลงสากล ถ้าเราแปลเป็นจะเห็นว่า เพลงสากลส่วนใหญ่ได้รับแรงบันดาลใจเนื้อเพลงมาจากธรรมชาติ คนไทยกลัวภาษาอังกฤษก็ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร ก็เลยพยายามเอาเนื้อหามาแปลให้คนฟังด้วย เลยจัดทุกอย่างทั้งลูกทุ่ง ลูกกรุง เพลงสากล


พอระหว่างนั้นมีเวลาพูดป้าก็ใส่เนื้อหาแนวการคิดในการดำเนินชีวิตลงไปด้วย ป้าจะไม่ยัดเยียด เรื่องที่พูดก็เป็นเรื่อการใช้หลักพระพุทธศาสนาในการใช้ธรรมะให้กับชีวิต ป้าเคยทำอย่างหนึ่ง คือ ให้ทุกคนกล้าหาญในการใช้ชีวิต เรื่องที่ป้าพูดบ่อยๆ เช่น ความกล้าหาญ คำว่ากลัว กล้า เก่ง ใช้ให้ถูกเวลา ความกลัวใช้ได้ จริงๆ มันเกิดในทุกวินาที แต่คำว่า เก่ง และกล้าไม่เหมือนกัน เก่งอาจจะมีทฤษฎีหนึ่งที่ยืนยันว่า คนนี้เก่ง แต่ความกล้ามันไม่มีทฤษฎี มันเกิดจากพลังในใจเรา เราต้องผ่านความกลัว กล้าที่จะลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่ๆ
 

ในฐานะที่เป็นสื่อ ป้าเห็นในการปิดกั้นเสรีภาพเพราะป้าโดนตั้งแต่ยุคที่ทักษิณอยู่ โดนสั่งห้ามพูดเรื่องบางเรื่อง แต่หลังจากปี 2557 มันค่อนข้างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเลย คือ คสช.เด็ดออกหมด และเหมือนกับว่า สถานีไหนที่ไม่มีเงินก็จะอยู่ไม่ได้


พอมาโดนคดีแล้วกลัวไหม?


จริงๆ ป้าไม่กลัวนะ ก่อนหน้านี้ที่ป้าเครียด หวั่นใจ เพราะไม่รู้หลักกฎหมาย ตอนนี้พอได้รู้กฎหมายและสิทธิมนุษยชนแล้วก็ผ่อนคลายลง หลังจากที่มีคดีแล้วก็ยังไปชุมนุมเกือบทุกครั้ง ยกเว้นว่าไม่สะดวกหรือไม่สบาย การถูกกล่าวหาทำให้ป้าชัดเจนว่า วันนี้กองทัพแสดงตัวแล้วว่า เขาเป็นปฏิปักษ์ของประชาชน ป้ายืนยันว่า การชุมนุมสำคัญอย่างมาก เพราะตอนนี้ประเทศไทยไม่มีฝ่ายค้านที่คอยตรวจสอบ คสช. หรือรัฐบาล จึงใช้การชุมนุมเป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงอีกด้าน พูดง่ายๆ คือ การทำงานแทนฝ่ายค้าน


ตอนนี้ที่เคลื่อนไหว คือ เรื่องการเลือกตั้ง จริงๆ แล้วป้าเป็นคนต่อต้านการลงประชามติแต่แรก ป้าคิดว่า ร่างรัฐธรรมนูญมันเป็นของเถื่อน การที่ต้องไปเข้าคูหาไม่ว่าจะกาไม่รับ มันก็คือรับรองกระบวนการของมัน อันนี้สำคัญมาก มันเลยเกิดเรื่องร้ายๆ ตามมา ดังนั้นตอนนี้ต้องมาพูดเรื่องการเลือกตั้งก่อน เพื่อนำกลับไปสู่แนวทางประชาธิปไตย พออำนาจคืนมาก็จะต่อสู้เรื่องการยกเลิกรัฐธรรมนูญทันที ป้าจะสู้นะ สู้ไปจนกว่ามันจะเดินไม่ไหว ถ้าเรายังทำได้เราก็พยายามจะออกมาสู้และแสดงออกต่อไป
 


อ่านรายละเอียดคดีเพิ่มเติม
#MBK39
#RDN50 

Article type: