ธันวาคม 2560: 'หมวดเจี๊ยบ' รับข้อหายุยงปลุกปั่นเป็นของขวัญปีใหม่/ ส.สิวลักษณ์เลื่อนไปฟังคำสั่งคดี 112 ต้นปี 61

ความเคลื่อนไหวสถานการณ์เสรีภาพการแสดงออกที่สำคัญประจำเดือนนี้ได้แก่การแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ต่อร.ท.หญิงสุณิสาหรือ "หมวดเจี๊ยบ" อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทยจากกรณีโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กวิจารณ์นายกรัฐมนตรีกรณีเปิดทำเนียบต้อนรับนักดนตรีที่อยู่ระหว่างการวิ่งระดมทุนให้โรงพยาบาล นอกจากนี้ก็มีกรณีที่เจ้าหน้าที่ประสานเจ้าของสถานที่ให้ยกเลิกการเช่าสถานที่จัดกิจกรรมสาธารณะอย่างน้อยสองกิจกรรม ได้แก่งานเลี้ยงปีใหม่ของกลุ่มคนเสื้อแดง และงานแสดงหมอรำระดมทุนเพื่อช่วยเหลือนักโทษของกลุ่มกิจกรรมแฟรีเทล สำหรับความเคลื่อนไหวคดีเสรีภาพอื่นๆที่น่าสนใจก็มีกรณีที่อัยการศาลทหารกรุงเทพเลื่อนไปสั่งคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯของ 112 ของส.ศิวรักษ์ ในเดือนมกราคม 2561 เนื่องจากเจ้าตัวขอให้อัยการทหารสอบพยานเพิ่มเติม 

 

วันที่ 13 ธันวาคม 2560 ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต หรือ 'หมวดเจี๊ยบ' อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทยเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยมีตัวแทนจากสถานทูตเช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และตัวแทนคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยร่วมสังเกตการณ์รับทราบข้อกล่า่วหานอกจากนี้ก็ยังมีมวลชนประมาณ 20 ถึง 30 คนมาคอยให้กำลังใจ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารฝ่ายกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นผู้รับมอบอำนาจจากคสช.มาร้องทุกข์กล่าวโทษร.ท.หญิงสุณิสาในคดีนี้เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2560  

 

หลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ร.ท.หญิงสุณิสาเปิดเผยว่า เธอถูกตั้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(2) รวมหกกระทงการการโพสต์ข้อความบนเพจเฟซบุ๊กหมวดเจี๊ยบ1 รวมข้อสามข้อความโดยหนึ่งในนั้นเป็นข้อความที่เธอวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินงานของรัฐบาลที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีจับกุมผู้ชุมนุมคัดค้านโรงไฟฟ้าเทพา ส่วนอีกสามกระทงเกิดจากการที่ตัวเธอแชร์ข้อความที่เป็นเหตุแห่งคดีนี้ทั้งสามข้อความไปที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอ

 

ต่อมาในวันที่ 20 ธันวาคม 2560 ร.ท.หญิงสุณิสาเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯมาตรา 14(2) ที่ปอท.เพิ่มเติม โดยก่อนหน้านี้ในวันที่ 12 ธันวาคม 2560 พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารฝ่ายกฎหมายของคสช.ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษร.ท.หญิงสุณิสาเพิ่มเติมจากการโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อเดือนกันยายนและตุลาคมปี 2560 เกี่ยวกับการการเจรจาไทย-สหรัฐ เช่น การซื้ออาวุธ ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี และการเจรจาเรื่องอื่นๆ

 

 

 

ในวันที่ 22 ธันวาคม 2560 พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารฝ่ายกฎหมายของคสช.เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ปอท.อีกครั้งเพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับร.ท.หญิงสุณิสาเพิ่มเติมเป็นครั้งที่สามจากการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก หมวดเจี๊ยบ 1 sunisa Divakorndumrong ทำนองว่ามีแต่รัฐบาลเผด็จการเท่านั้นที่ต้องการให้ประชาชนไม่ต้องคิด ไม่ต้องตั้งคำถามหรือโต้แย้งในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง โดยในครั้งนี้เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิด

ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯมาตรา 14(2)

 

มีข้อน่าสังเกตด้วยว่าจากกรณีที่มีตัวแทนสถานทูตต่างๆเช่นสหรัฐอเมริกาและคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศเทยเข้าร่วมสังเกตการณ์การเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของร.ท.หญิงสุณิสาในวันที่ 13 ธันวาคม 2560 ในวันที่ 19 ธันวาคม 2560 หนึ่งวันก่อนที่ร.ท.หญิงสุณิสามีกำหนดจะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ทางปอท.ได้ส่งจดหมายถึงสถานทูตต่างๆที่เคยมาในวันที่ 13 ธันวาคม 2560 ให้ทำการตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่สถานทูตมาร่วมสังเกตการณ์จริงหรือไม่  และขอให้แจ้งชื่อ นามสกุล ตำแหน่ง หน้าที่ พร้อมประกอบเหตุผล ในการมาสังเกตการณ์ ให้กับปอท.เพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง  

 

ดูรายละเอียดคดี ร.ท.หญิงสุณิสาเพิ่มเติมที่นี่

 

วันที่ 22 ธันวาคม 2560 ศาลทหารนัดสืบพยานคดี 116 ของจาตุรนต์ โดยในนัดนี้ทนายจำเลยถามค้านพยานโจทก์ปากที่หนึ่ง พ.ต.วิทยา สังฆบุญชู ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษจาตุรนต์ต่อพนักงานสอบสวน โดยการสืบในนัดนี้พอสรุปได้ว่า ข้อความบนเฟซบุ๊กของจาตุรนต์เมื่ออ่านโดยรวมน่าจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 แต่ถ้อยคำใดจะเป็นข้อมูลเท็จพยานไม่ทราบ 

 

ในวันนี้ทนายจำเลยถามค้านและอัยการทหารถามติงพยานปากนี้จนจบ อัยการทหารแถลงว่าพยานโจทก์ปากที่สองซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารผู้จับกุมจำเลยจะมาเบิกความต่อศาลในวันที่ 25 มกราคม 2561 ซึ่งเป็นวันนัดที่คู่ความนัดกับศาลไว้แล้ว  

 

การสืบพยานโจทก์ปากที่หนึ่งในคดีนี้ใช้เวลาเกือบหนึ่งปี ศาลนัดสืบพยานปากนี้นัดแรกในวันที่ 24 มกราคม 2560 หลังสืบนัดนั้นจบพยานโจทก์แถลงว่าตัวเขาจะติดราชการยาวจนถึงประมาณเดือนเมษายน คู่ความและศาลนัดวันว่างได้ตรงกันอีกครั้งในวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 จากนั้นจึงนัดวันว่างตรงกันอีกครั้งได้ในวันที่ 1 กันยายน 2560 ก่อนที่การสืบพยานปากนี้จะมาแล้วเสร็จในนัดนี้

 

ดูรายละเอียดคดีจาตุรนต์เพิ่มเติม ที่นี่

 

วันที่ 7 ธันวาคม 2560 อัยการศาลทหารกรุงเทพนัดสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักวิชาการอาวุโสฟังคำสั่งคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งสุลักษณ์ถูกกล่าวหาจากกรณีตั้งคำถามถึงการทำยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวร ในวันนี้มีผู้สื่อข่าวและตัวแทนสถานทูตเช่น สถานทูตเยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ และคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยมารอสังเกตการณ์โดยเจ้าหน้าที่ประจำศาลทหารขอให้ผู้มารอสังเกตการณ์คอยอยู่ที่บริเวณทางเข้าอาคารศาล ไม่ให้เข้าไปในอาคาร

 

 

 

หลังพบกับอัยการสุลักษณ์แถลงกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่าได้ขอให้อัยการสอบพยานเพิ่มเติมเนื่องจากคดีนี้มีความละเอียดอ่อน อัยการจึงนัดฟังคำสั่งคดีใหม่ในวันที่ 17 มกราคม 2561 ดูรายละเอียดคดีสุลักษณ์เพิ่มเติม ที่นี่

 

เดิอนนี้มีความเคลื่อนไหวของคดีฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้นถึงสามคดีโดยสองในสามเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่อมาประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญปี 60 ได้แก่คดีขบวนการประชาธิปไตยใหม่แจกใบปลิวโหวตโนที่เคหะบางพลี และคดีพูดเพื่อเสรีภาพ รัฐธรรมนูญกับคนอีสาน

 

วันที่ 7 ธันวาคม 2560 อัยการศาลทหารกรุงเทพ นัดผู้ต้องหาหกคนในคดีนี้ที่ยังไม่ถูกฟ้องได้แก่ ยุทธนา สมสกุล อนันต์ นันทพงศ์ ธีรยุทธ กรกช พบที่กรมพระธรรมนูญเพื่อฟังคำสั่งคดี อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งหมดมาถึงศาลอัยการก็แจ้งว่ายังพิจารณาสำนวนคดีไม่เสร็จและนัดให้ทั้งหกเข้าพบอีกครั้งในวันที่ 23 มกราคม 2561

 

 

ดูรายละเอียดคดีขบวนการประชาธิปไตยใหม่แจกใบปลิวโหวตโนที่เคหะบางพลีเพิ่มเติม ที่นี่

 

วันที่ 21 ธันวาคม 2560 ศาลทหารขอนแก่นนัดจำเลยแปดคนในคดีฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 จากการจัดกิจกรรมพูดเพื่อเสรีภาพ รัฐธรรมนูญกับคนอีสานซึ่งมีจตุภัทร์หรือ 'ไผ่ ดาวดิน' ซึ่งอยู่ระหว่างถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 จากการแชร์บทความพระราชประวัติรัชกาลที่สิบจากเว็บไซต์บีบีซีไทยรวมอยู่ด้วยสอบคำให้การ เบื้องต้นคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 11 คน แต่วันนี้มีผู้ถูกฟ้องคดีเพียงแปดคนเนื่องจากผู้ต้องหาสองคนยอมเข้ารับการปรับทัศนคติจากเจ้าหน้าที่ทหารส่วนอีกหนึ่งคนยังไม่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการศาล 

 

จำเลยทั้งแปดแถลงว่าจะต่อสู้คดีโดยยื่นคำให้การเป็นเอกสาร ทนายจำเลยแถลงขอศาลนัดตรวจพยานหลักฐานหนึ่งนัดก่อนเริ่มการสืบพยาน เบื้องต้นอัยการทหารแถลงค้านนัดตรวจพยานหลักฐานเพราะเห็นว่าทำให้คดีล่าช้าและอัยการต้องนำหลักฐานมาแสดงต่อศาลอยู่แล้ว แต่ทนายจำเลยแถลงว่าการขอตรวจพยานหลักฐานเป็นสิทธิของจำเลย ศาลทหารขอนแก่นจึงให้ตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 23 มีนาคม 2561 

 

 

 

ในวันนี้ครอบครัวของจตุภัทร์หรือ 'ไผ่ ดาวดิน' ได้นำครุยของมหาวิทยาลัยขอนแก่นมาให้จตุภัทร์สวมทับชุดนักโทษถ่ายรูปที่หน้าศาลด้วยเนื่องจากจตุภัทร์พึ่งสำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งเพื่อนที่สำเร็จการศึกษาพร้อมกับเขาพึ่งเข้าพิธีพระราชทานปริญญาบัตรในเดือนนี้

 

ดูรายละเอียดคดีพูดเพื่อเสรีภาพ ที่นี่

 

ขณะที่ภาณุพงศ์หรือ 'ไนซ์ ดาวดิน' เดินทางไปให้การต่อศาลในคดีฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 ในคดีพูดเพื่อเสรีภาพในวันที่ 21 ธันวาคม 2560 อัยการศาลทหารขอนแก่นได้อายัดตัวเขามาดำเนินคดีเพิ่มเติมเนื่องจากภาณุพงศ์เป็นหนึ่งในเจ็ดนักศึกษาดาวดินที่ถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 จากการชุมนุมในวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่นในโอกาสครบรอบหนึ่งปีรัฐประหาร 2557

 

หลังทำการอายัดตัว อัยการทหารยื่นฟ้องคดีภาณุพงศ์ต่อศาลทหารขอนแก่นทันที ภาณุพงศ์ได้รับการประกันตัวในวันเดียวกันโดยวางเงินประกัน 10,000 บาท เนื่องจากคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาคดีของศาลทหารภาณุพงศ์จึงถูกนำตัวไปควบคุมและดำเนินการปล่อยตัวที่ทัณฑสถานบำบัดขอนแก่น 

 

สำหรับคดี 7 ดาวดินชูป้ายรัฐประหาร ก่อนหน้านี้มีเพียงจตุภัทร์หรือ 'ไผ่ ดาวดิน' ที่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีโดยจตุภัทร์ถูกอายัดตัวมาดำเนินคดีนี้ในวันที่ 19 สิงหาคม 2559 หลังได้รับการประกันตัวจากเรือนจำภูเขียวในคดีแจกเอกสารโหวตโนก่อนการลงประชามติ 7 สิงหาคม 2559  

 

ดูรายละเอียดคดี 7 ดาวดินชูป้ายต้านรัฐประหาร ที่นี่     

วันที่ 16 ธันวาคม 2560 กลุ่มแฟรีเทลซึ่งเป็นกลุ่มกิจกรรมที่เกิดจากการรวมตัวของอดีตนักโทษการเมืองเปิดเผยว่าตามที่ทางกลุ่มมีกำหนดจัดกิจกรรม "FAIRLY TELL FOUNDING AND THE หมอลำ ม่วนคัก คอนเสิร์ต" เพื่อระดมทุนทำกิจกรรมฟื้นฟูสภาพจิตใจและศักยภาพของอดีตนักโทษการเมืองในวันที่ 16 ธันวาคม 2560 เวลา 19.00-21.00 น. ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง ทางกลุ่มมีความจำเป็นต้องยกเลิกเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารประสานมาที่เจ้าของสถานที่ว่าให้ยกเลิกโดยระบุเหตุผลว่า กลุ่มผู้จัดเป็นกลุ่มคนที่เคยถูกดำเนินคดีทางการเมือง มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือคนที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง จึงมีคำสั่งจากเบื้องบนให้ระงับการจัดกิจกรรมดังกล่าว

 

 

 

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาทางกลุ่มได้จัดกิจกรรมดังกล่าวในสถานที่แห่งหนึ่งแล้วใช้วิธีถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กเพื่อระดมทุนแทนซึ่งปรากฎว่าเมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วทางกลุ่มเหลือเงิน 20,178 บาทที่ทางกลุ่มจะนำไปใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังหญิงและอดีตผู้ต้องขังทางการเมือง 

 

วันที่ 17 ธันวาคม 2560 กลุ่มคนเสื้อแดงภาคกลางและภาคตะวันตกมีกำหนดจัดกิจกรรม ‘ปาร์ตี้ แฮปปี้ ฟรีสไตล์’ ซึ่งเป็นกิจกรรมสังสรรค์ปีใหม่และระดมทุนเพื่อช่วยเหลือนักโทษคดี 112 และคดีการเมืองอื่นๆที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงคราม อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่รัฐได้ประสานขอความร่วมมือจากเจ้าของร้านให้ยกเลิกงานดังกล่าวจนสุดท้ายผู้จัดงานต้องยอมยกเลิกเพื่อไม่ให้เจ้าของร้านต้องประสบปัญหา