1831 1382 1973 1791 1423 1661 1430 1111 1818 1747 1886 1559 1682 1217 1314 1270 1061 1837 1423 1497 1708 1502 1821 1159 1308 1057 1786 1079 1736 1285 1924 1194 1208 1018 1660 1478 1673 1504 1594 1130 1569 1095 1805 1823 1472 1590 1664 1380 1817 1503 1914 1843 1962 1079 1010 1457 1398 1934 1729 1742 1864 1596 1116 1399 1375 1408 1884 1876 1598 1400 1164 1187 1410 1765 1877 1339 1839 1268 1912 1887 1570 1576 1546 1299 1407 1753 1556 1133 1060 1104 1405 1678 1379 1198 1614 1577 1380 1638 1605 ตำรวจเยี่ยมบ้าน ‘กันต์’ นักกิจกรรมบุรีรัมย์ อายุ 17 ในเช้าวันจักรี 2 ปีติดต่อกัน | Freedom of Expression Documentation Center | ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ

ตำรวจเยี่ยมบ้าน ‘กันต์’ นักกิจกรรมบุรีรัมย์ อายุ 17 ในเช้าวันจักรี 2 ปีติดต่อกัน

6 เมษายน 2565 เวลา 11.25 น. กันตพัฒน์ หรือ กันต์ นักกิจกรรมเยาวชน อายุ 17 ปีจากจังหวัดบุรีรัมย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เช้าวันนี้ซึ่งเป็นวันจักรี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสังเกตการณ์บริเวณหน้าบ้านและกำชับสมาชิกในครอบครัวไม่ให้เขาทำกิจกรรม
 
จากการติดต่อสอบถามของไอลอว์ กันต์เล่าว่าตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวนสองคนพร้อมรถกระบะเดินทางมาถึงหน้าบ้านในเวลาประมาณ 7 โมงเช้าซึ่งเขายังไม่ตื่นนอน โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งลงจากรถมาเพื่อถ่ายรูป ในขณะที่อีกคนเข้ามาถามหาตัวเขาและพูดตักเตือนกับสมาชิกในครอบครัวว่า “ให้ดูแลหลานให้ดี วันนี้วันจักรีเขามีพิธี อย่าให้ไปสร้างความวุ่นวายที่ไหน” ซึ่งกันต์อธิบายเพิ่มเติมว่า ในวันจักรีเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว (6 เมษายน 2564) ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตามเยี่ยมบ้านในลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ ขับรถเข้ามาในซอยและยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเมื่อถึงหน้าบ้าน
 
ทั้งนี้ กันต์เล่าว่าการคุกคามในรูปแบบ “เยี่ยมบ้าน” ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงปีละครั้ง หากนับตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2563 ที่เขาเริ่มเข้ามาทำกิจกรรมทางการเมือง กันต์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเยี่ยมบ้านมากกว่า 10 ครั้งขึ้นไป อีกทั้งยังต้องพบเจอการคุกคามในรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย
 
2336
 
 
โทรศัพท์เตือน - ขับรถตาม - เข้าบ้านไม่ได้
 
ปัจจุบัน กันต์กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ และเคลื่อนไหวภายใต้ชื่อกลุ่ม “RSE-กลุ่มปฏิวัติการศึกษาไทย” นอกจากนี้ เขายังมีหมายเรียกหนึ่งฉบับในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการเข้าร่วม #คาร์ม็อบโคราช เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2564
 
การคุกคามครั้งแรก เกิดขึ้นภายหลังที่กันต์เข้าร่วมกิจกรรม #วิ่งไล่ลุงบุรีรัมย์ เมื่อ 13 มกราคม 2563 โดยวันรุ่งขึ้น มีตำรวจขับรถมาหาที่บ้านและที่โรงเรียน ซึ่งตอนนั้นเขายังเรียนอยู่เพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อย่างไรก็ตาม กันต์รู้ตัวว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐจับตามองหนักขึ้นภายหลังเข้าร่วมปราศรัยในกิจกรรมแฟลชม็อบ “เมืองภูเขาไฟไม่รับใช้เผด็จการ” เมื่อ 8 สิงหาคม 2563 จัดโดยกลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก เขาเล่าว่าภายหลังกิจกรรมในวันนั้น มักมีตำรวจนอกเครื่องแบบมาหาที่บ้านเป็นประจำทั้งก่อนและหลังวันที่จะมีกิจกรรมชุมนุม รวมทั้งโทรศัพท์มาสอบถามช่วงก่อนถึงวันที่จะมีขบวนเสด็จในจังหวัด หรือโทรมาตักเตือนเมื่อเขาโพสต์เฟซบุ๊กเรื่องการเมืองหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปจนถึงสะกดรอยตามเขาด้วยรถยนต์
 
“เคยเจอเขาขับตามผมช่วงขบวนเสด็จวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ช่วงนั้นทูลกระหม่อมฯ เขามาที่โรงเรียนผม แล้วหลังจากนั้นพอผมจะไปไหน เขาก็ขับรถตาม ขับกระบะตาม มีการทักแชทไปหาคนที่ผมเคยทำงานด้วยว่าผมจะไปสร้างความวุ่นวาย ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ทำอะไร”
 
ทั้งนี้ กันต์เล่าว่าการคุกคามครั้งรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน 2564 สืบเนื่องจากวันที่ 3 เมษายน 2564 เขาตั้งใจจะไปจัดกิจกรรมที่ศาลากลางจังหวัด แต่ถูกเจ้าหน้าตำรวจเข้าล้อมและขัดขวางไม่ให้ทำกิจกรรม และส่งผลให้กันต์ไม่สามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้เป็นเวลาหลายวัน
 
“พอประกาศกำหนดการไปแล้วเขา (ตำรวจ) ก็มาหาที่บ้านก่อน ตามเรื่อยๆ จนถึงวันจัดกิจกรรมเขาก็มาล้อม มายืนดู มากดดันให้เลิกกิจกรรม ทางนั้นเขาก็เพิ่มคนมามากขึ้นเรื่อยๆ จนทำกิจกรรมไม่ได้ พอจะเดินทางกลับบ้านหรือไปที่ไหนต่อเขาก็มีมอเตอร์ไซค์ขี่ตาม แล้วหลังจากวันนั้นก็มาหาที่บ้านอีก มาตามหาว่าอยู่ไหน”
 
“วันที่ 3 เมษา ตำรวจขับรถตามทั้งคืน ผมคิดว่าตัวเองไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจยังไม่เข้าบ้าน พอวันที่ 4-5 เมษา ตำรวจก็ยังไปถามหาที่บ้าน มารู้ทีหลังว่าช่วงที่ผมไม่อยู่ มีรถแปลกๆ ขับมาวนๆ แถวบ้านตอนกลางคืนบ่อยๆ”
 
“ทุกวันนี้ผมก็ยังกลับเข้าบ้านบ้าง ไม่เข้าบ้าง เวลารู้สึกไม่ปลอดภัย ถ้ารู้ตัวทันก็ออกไปข้างนอก แต่ถ้าไม่ทันก็ต้องเก็บตัวในบ้าน เพราะพวกผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในบุรีรัมย์เขาไม่ชอบผม บางทีเป็นหน่วยไหนมา ผมยังไม่รู้เลย คนแปลกหน้าแปลกตามาบ้าง”
 
ตามหาถึงโรงเรียน - เรียกเซ็นเอกสารไม่เคลื่อนไหวการเมือง
 
กันต์เล่าว่าเมื่อวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2564 เขานำป้ายข้อความ “ยกเลิก 112” ไปติดที่หน้ารั้วโรงเรียน ภายหลังเหตุการณ์ ได้มีตำรวจมาขอดูกล้องวงจรปิดที่โรงเรียนและตามไปหาเขาถึงหน้าบ้านพร้อมขู่ดำเนินคดี โดยกันต์อธิบายเพิ่มว่า โรงเรียนมักจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกๆ ครั้ง อีกทั้งเขายังเคยถูกครูเรียกพบผู้ปกครองเพื่อพูดคุยเรื่องการทำกิจกรรมทางการเมือง และถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
 
นอกจากนี้ ในชีวิตประจำวันกันต์ยังต้องพบเจอกับแอคเคาท์ IO ที่มาคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว, แอคเคาท์ปริศนาที่คอยทักแชทไปหาคนรู้จักเพื่อขอรูปถ่ายของเขา หรือกล่าวหาว่าเขาจะไปสร้างความวุ่นวายในขบวนเสด็จ ไปจนถึงการคุกคามคนรู้จักในชีวิตจริง เช่น ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกบุคคลไม่ทรายฝ่ายเดินไปให้ข้อมูลเท็จกับเพื่อนบ้านด้วยการพูดว่า “เด็กคนนี้เป็นพวกล้มเจ้า” รวมทั้งเคยถูกตำรวจเรียกตัวไปที่โรงพักเพื่อให้เซ็นรับทราบ และยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองชั่วคราว ในช่วงเวลาที่มีขบวนเสด็จผ่านเส้นทางในจังหวัดบุรีรัมย์
 
“มันเป็นเอกสารหน้าตาเหมือนลงบันทึกประจำวัน เขาจะเขียนว่า ขอความร่วมมือไม่ทำกิจกรรมทางการเมืองในระหว่างวันที่ ... ถึงวันที่ ... อะไรแบบนี้ แล้วก็ให้เราเซ็น”
 
เมื่อถามถึงสภาพจิตใจ กันต์กล่าวว่าการถูกคุกคามเคยทำให้รู้สึกแย่จนอยากจบชีวิตตนเอง แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะใช้ชีวิตต่อไปเพราะยังมีหวังว่าสังคมจะเกิดการเปลี่ยนแปลง พร้อมทิ้งท้ายว่าว่าขอให้สังคมช่วยกันจับตามองเจ้าหน้าที่รัฐและร่วมกันต่อสู้กับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่สู้ดีนักในปัจจุบัน
 
“เคยจะฆ่าตัวตายสองรอบ แต่ผ่านมาได้เพราะกำลังใจ ทุกวันนี้อยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม เราอยากเห็นกฎหมายที่ยุติธรรม ระบบการศึกษาที่เด็กมีสิทธิและเสรีภาพที่จะแสดงออกในสิ่งที่คิด...”
 
“ขอให้สังคมรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศที่มีการคุกคามผู้เห็นต่างทางการเมือง นี่คือการละเมิดสิทธิของเด็กและเยาวชน เป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น และหน้าที่ของตำรวจคือการทำหน้าที่ปกป้องประชาชน ไม่ใช่คุกคามประชาชนแบบนี้ ขอให้สังคมช่วยกันจับตามองเจ้าหน้าที่ตำรวจ และช่วยกันต่อสู้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในประเทศ อย่าให้ต้องส่งต่อไปถึงอนาคตคนรุ่นหลัง ขอให้เรื่องเลวร้ายนี้จบที่รุ่นของพวกเรา”
Article type: